ฟาติมาสาร: สรุปเหตุการณ์สำคัญในปี 2013 (29 ธ.ค. 2013)
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกสิ้นปี เราต้องมาสรุปข่าวสำคัญที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2013 ที่ผ่านไป จัดเป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างเกิดขึ้นในพระศาสนจักร มีทั้งเหตุการณ์ที่ถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ และเหตุการณ์ที่กลับมาเกิดซ้ำ ว่าแต่มีเหตุการณ์อะไรบ้าง เราไปดูกันเลย
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประกาศสละตำแหน่ง โดยพระองค์ให้เหตุผลว่า “ความแข็งแรงทางความคิดและร่างกายเป็นเรื่องจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่พระสันตะปาปา แต่ความแข็งแรงที่ว่า ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาได้อ่อนแรงลงมากในตัวพ่อ พ่อจำเป็นต้องไตร่ตรองถึงการขาดคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่อภิบาลได้อย่างเต็มความสามารถ ดังนั้น พ่อจึงตัดสินใจสละตำแหน่ง”
วันที่ 13 มีนาคม คณะพระคาร์ดินัลได้ทำการลงคะแนนเสียงรอบที่ 6 ขณะที่กรุงโรม มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น ควันสีขาวก็ลอยออกมาจากปล่องไฟวัดน้อยซิสติน นั่นหมายความว่า “เรามีพระสันตะปาปาแล้ว” และพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็คือ “พระคาร์ดินัล ฮอร์เก้ แบร์โกโญ่” ประมุขอัครสังฆมณฑลบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า โดยทรงเลือกพระนามว่า “สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส” พระองค์คือพระสันตะปาปาจากคณะเยสุอิตองค์แรกในประวัติศาสตร์ และยังเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ใช้พระนามว่า “ฟรังซิส (อัสซีซี)”
และหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ก็เสด็จไปเยี่ยมพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ถึงพระราชวังฤดูร้อน คาสเตล กันดอลโฟ เพื่อแสดงความคาราวะและเป็นพี่น้องกันด้วย
5 กรกฏาคม ข่าวดังและดีสุดๆไม่เฉพาะโลกคาทอลิกแต่เป็นทั่วโลกก็คือ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงลงพระนามอนุมัติการแต่งตั้งเป็นนักบุญใหม่ในกรณีของ “บุญราศี จอห์น ที่ 23 และ บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2”
กรณีของบุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 อัศจรรย์จากพระเจ้าที่ได้รับการอนุมัตินั้น เกิดกับ ฟลอริเบ็ธ โมรา ดิอาซ สตรีชาวคอสตาริก้า วัย 50 ปี ที่หายป่วยจากอาการโคม่าเส้นเลือดโป่งพองในสมองแตก ส่วนกรณีของบุญราศี จอห์น ที่ 23 พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงใช้อำนาจของพระสันตะปาปา “ยกเว้น” การลงมติอนุมัติอัศจรรย์ที่สอง ในส่วนวันจัดมิสซาสถาปนานักบุญใหม่ 2 องค์นี้คือวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2014 ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
หลังได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาแล้ว พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเยือนต่างประเทศครั้งแรกด้วยการไปร่วมงานเยาวชนโลก จัดได้ว่า งานนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เพราะมีผู้มาร่วมกว่า 3.5 ล้านคน งานนี้ บทเทศน์เด็ดๆของพระสันตะปาปามีหลายเรื่อง อาทิ อย่าทำตัวเป็นคริสตชนพาร์ทไทม์, พระเยซูไม่เคยถามเราว่า “ว่างไหม ถ้าว่าง ออกไปประกาศพระวรสารหน่อย” แต่พระองค์สั่งเราว่า “จงออกไปประกาศพระวรสาร”, คริสตชนต้องมีสติรู้จักผิดชอบชั่วดี, อย่าเมินเฉยต่อคนยากไร้ อย่าทำตัวแย่แบบ “หุ้นตก 10 จุด ทำเป็นจะตายให้ได้ แต่พอเห็นคนยากไร้กำลังจะตายต่อหน้า กลับทำเฉยๆ” และดังสุดๆกับพระดำรัสที่ว่า “พ่อเป็นใครที่จะไปตัดสินเกย์”
ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน สถานการณ์โลกตรึงเครียดอย่างหนักกับการที่อเมริกาจ้องจะถล่มซีเรีย ด้วยข้อหามีอาวุธเคมีในครอบครอง ตอนนั้น ผู้นำประเทศต่างๆประกาศเลือกข้างกันแล้วว่า จะอยู่ฝั่งอเมริกาหรือซีเรีย จะมีก็แค่พระสันตะปาปา ฟรังซิส เท่านั้นที่ไม่เลือกใคร แต่ออกมาเรียกร้องสันติภาพแบบวันต่อวัน จนพระองค์ทนไม่ไหวต้องจัดงานภาวนาเพื่อสันติภาพในซีเรีย พร้อมเรียกร้องดังๆว่า “ความรุนแรงไม่ได้แก้ด้วยความรุนแรง ความตายก็ไม่ได้แก้ด้วยภาษาแห่งความตายซึ่งคือสงคราม”
เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ เพราะหลังงานนี้จบลง ซีเรียประกาศทำตามข้อเสนอของรัสเซียที่ต้องการให้ส่งมอบและทำลายอาวุธเคมี อเมริกาก็ยุติแผนการบุกถล่ม และโลกก็กลับสู่สันติอีกครั้งจนถึงทุกวันนี้
วันที่ 4 ตุลาคม วันฉลองนักบุญฟรังซิส อัสซีซี เป็นโอกาสอันดีให้พระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เยือนอัสซีซีเป็นครั้งแรกในสมณสมัยของพระองค์ นับเป็น “การกลับบ้าน” ของพระสันตะปาปา ฟรังซิส เพื่อมาภาวนา ณ หลุมศพของนักบุญฟรังซิส ผู้ที่พระองค์ถวายนามให้กับท่าน ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซาที่นี่ พระสันตะปาปาตรัสว่า “เราไม่สามารถรับใช้เจ้านาย 2 คนได้ในเวลาเดียวกัน เราต้องเลือกว่า จะรับใช้พระเจ้าหรือเงิน จำคำสอนนี้ไว้ให้ดีๆนะ ถ้าท่านต้องการจะติดตามพระเยซู ท่านต้องระลึกเสมอว่า จิตวิญญาณฝ่ายโลกจะฆ่าเรา และมันยังฆ่าพระศาสนจักรด้วย น่าเศร้าที่ทุกวันนี้ คริสตชนหลายคนถูกปลดเปลื้องจากเศรษฐกิจสมัยใหม่ ที่ให้เงินเป็นตัวตั้ง จนลืมห่วงใยเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ อดอยาก และต้องการความช่วยเหลือจากเรา”
13 ตุลาคม พระสันตะปาปา ฟรังซิส แสดงให้โลกเห็นอีกครั้งว่า พระองค์ทรงมีความศรัทธาต่อแม่พระฟาติมามากเพียงใด หลังจากก่อนหน้าที่ในวันที่ 13 พฤษภาคม พระองค์ทรงสั่งให้พระคาร์ดินัล โชเซ่ โปลีการ์โป ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งโปรตุเกส ถวายมิสซาฉลองแม่พระฟาติมาและถวายสมณสมัยของพระสันตะปาปาไว้ในความคุ้มครองของแม่พระฟาติมาด้วย นอกจากนี้ พระสันตะปาปายังสอนได้ชัดเจนมากๆ ผ่านบทเทศน์ว่า “การพูด ‘ขอบคุณ’ เป็นเรื่องง่ายและยากในเวลาเดียวกัน เราพูดขอบคุณสมาชิกในครอบครัวบ่อยแค่ไหนกัน มันจำเป็นมากนะที่เราต้องพูดคำง่ายๆแบบนี้กับคนในครอบครัว เราต้องหัดพูด ‘ขอโทษ, ฉันเสียใจ และ ขอบคุณ’ ถ้าสมาชิกครอบครัวพูดสามคำนี้ พวกเขาก็จะเปี่ยมสุข”
เดือนตุลาคม พระสันตะปาปาทรงเรียกประชุมคณะพระคาร์ดินัล 8 องค์ที่เป็นที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรีย การประชุมนี้ หลายคนอยากให้เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะจะเป็นการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นและการเมืองในวาติกัน ผลจากการประชุมก็คือพระสันตะปาปาทรงตั้งทีมงานตรวจสอบธนาคารวาติกัน เนื่องจากมีปัญหาฟอกเงินเยอะเหลือเกิน, ตั้งคณะกรรมการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เยาว์ที่ถูกสงฆ์คาทอลิกล่วงละเมิดทางเพศ, และจะยังมีการแก้ปัญหาต่อไปเรื่อย แน่นอนว่า การแก้ปัญหาพวกนี้ทำให้ชีวิตพระสันตะปาปาตกในอันตรายแน่ เพราะมันคือการเข้าไปกวาดล้างมาเฟีย แต่พระองค์ไม่เคยกลัว และยังเดินหน้าทำต่อไป
มิสซาปิดปีแห่งความเชื่อถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์สมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล นอกจากนี้ มิสซาดังกล่าวยังมีการจัดแสดง “พระธาตุที่เป็นกระดูกของนักบุญเปโตร” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดแสดงพระธาตุของท่านด้วย (ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1)
พระสันตะปาปาทรงออกสารเตือนใจ (APOSTOLIC EXHORTATION) ชื่อว่า “EVANGELII GAUDIUM” หรือชื่อไทยคือ “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร” สารนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่า “เป็นสารพระสันตะปาปาที่อ่านง่ายสุดในรอบ 20 ปี เพราะใช้ภาษาง่ายๆ เขียนแบบชาวบ้านที่ไม่ได้เรียนเทวศาสตร์ อ่านแล้วเข้าใจทันที”
ใจความของสารมีว่า “พระสันตะปาปาอยากให้พระศาสนจักร ‘บาดเจ็บและเนื้อตัวมอมแมม’ เพราะออกไปสัมผัสคนยากไร้ตามท้องถนนและออกไปประกาศพระวรสาร ดีกว่า เจ็บป่วยเพราะนั่งสบายๆไปวัน อยู่แบบไม่ต้องลำบากอะไร อยู่แบบนั่งสั่งการจากศูนย์กลางเพียงอย่างเดียว”
นอกจากนี้ วันที่ 29 พฤศจิกายน พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาอธิการเจ้าคณะนักบวชชายหญิงที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมอธิการเจ้าคณะนักบวช โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงประกาศให้ ค.ศ.2015 เป็น “ปีแห่งนักบวช” ด้วย
ข่าวดีส่งท้ายปีก็คือ TIME นิตยสารชื่อดังจากอเมริกาประกาศให้ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นบุคคลแห่งปี (สัปดาห์ที่แล้ว ผมเจาะลึกให้แล้วว่า ทำไมถึงต้องเป็นพระองค์)
รางวัลดังกล่าว ทำให้พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่สามในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจาก สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23 (ค.ศ.1962) และ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 (ค.ศ.1994)
กุมภาพันธ์: สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 สละตำแหน่ง
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประกาศสละตำแหน่ง โดยพระองค์ให้เหตุผลว่า “ความแข็งแรงทางความคิดและร่างกายเป็นเรื่องจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่พระสันตะปาปา แต่ความแข็งแรงที่ว่า ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาได้อ่อนแรงลงมากในตัวพ่อ พ่อจำเป็นต้องไตร่ตรองถึงการขาดคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่อภิบาลได้อย่างเต็มความสามารถ ดังนั้น พ่อจึงตัดสินใจสละตำแหน่ง”
มีนาคม: พระสันตะปาปามีนามว่า “ฟรังซิส”
วันที่ 13 มีนาคม คณะพระคาร์ดินัลได้ทำการลงคะแนนเสียงรอบที่ 6 ขณะที่กรุงโรม มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น ควันสีขาวก็ลอยออกมาจากปล่องไฟวัดน้อยซิสติน นั่นหมายความว่า “เรามีพระสันตะปาปาแล้ว” และพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็คือ “พระคาร์ดินัล ฮอร์เก้ แบร์โกโญ่” ประมุขอัครสังฆมณฑลบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า โดยทรงเลือกพระนามว่า “สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส” พระองค์คือพระสันตะปาปาจากคณะเยสุอิตองค์แรกในประวัติศาสตร์ และยังเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ใช้พระนามว่า “ฟรังซิส (อัสซีซี)”
และหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ก็เสด็จไปเยี่ยมพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ถึงพระราชวังฤดูร้อน คาสเตล กันดอลโฟ เพื่อแสดงความคาราวะและเป็นพี่น้องกันด้วย
กรกฏาคม: อนุมัติแต่งตั้ง “นักบุญ จอห์น ปอล ที่ 2 และนักบุญ จอห์น ที่ 23”
5 กรกฏาคม ข่าวดังและดีสุดๆไม่เฉพาะโลกคาทอลิกแต่เป็นทั่วโลกก็คือ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงลงพระนามอนุมัติการแต่งตั้งเป็นนักบุญใหม่ในกรณีของ “บุญราศี จอห์น ที่ 23 และ บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2”
กรณีของบุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 อัศจรรย์จากพระเจ้าที่ได้รับการอนุมัตินั้น เกิดกับ ฟลอริเบ็ธ โมรา ดิอาซ สตรีชาวคอสตาริก้า วัย 50 ปี ที่หายป่วยจากอาการโคม่าเส้นเลือดโป่งพองในสมองแตก ส่วนกรณีของบุญราศี จอห์น ที่ 23 พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงใช้อำนาจของพระสันตะปาปา “ยกเว้น” การลงมติอนุมัติอัศจรรย์ที่สอง ในส่วนวันจัดมิสซาสถาปนานักบุญใหม่ 2 องค์นี้คือวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2014 ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน
กรกฏาคม: งานเยาวชนโลกที่มีผู้มาร่วมกว่า 3.5 ล้านคน
หลังได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาแล้ว พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเยือนต่างประเทศครั้งแรกด้วยการไปร่วมงานเยาวชนโลก จัดได้ว่า งานนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เพราะมีผู้มาร่วมกว่า 3.5 ล้านคน งานนี้ บทเทศน์เด็ดๆของพระสันตะปาปามีหลายเรื่อง อาทิ อย่าทำตัวเป็นคริสตชนพาร์ทไทม์, พระเยซูไม่เคยถามเราว่า “ว่างไหม ถ้าว่าง ออกไปประกาศพระวรสารหน่อย” แต่พระองค์สั่งเราว่า “จงออกไปประกาศพระวรสาร”, คริสตชนต้องมีสติรู้จักผิดชอบชั่วดี, อย่าเมินเฉยต่อคนยากไร้ อย่าทำตัวแย่แบบ “หุ้นตก 10 จุด ทำเป็นจะตายให้ได้ แต่พอเห็นคนยากไร้กำลังจะตายต่อหน้า กลับทำเฉยๆ” และดังสุดๆกับพระดำรัสที่ว่า “พ่อเป็นใครที่จะไปตัดสินเกย์”
กันยายน: ปาฏิหาริย์จากงานภาวนาเพื่อสันติภาพในซีเรีย
ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน สถานการณ์โลกตรึงเครียดอย่างหนักกับการที่อเมริกาจ้องจะถล่มซีเรีย ด้วยข้อหามีอาวุธเคมีในครอบครอง ตอนนั้น ผู้นำประเทศต่างๆประกาศเลือกข้างกันแล้วว่า จะอยู่ฝั่งอเมริกาหรือซีเรีย จะมีก็แค่พระสันตะปาปา ฟรังซิส เท่านั้นที่ไม่เลือกใคร แต่ออกมาเรียกร้องสันติภาพแบบวันต่อวัน จนพระองค์ทนไม่ไหวต้องจัดงานภาวนาเพื่อสันติภาพในซีเรีย พร้อมเรียกร้องดังๆว่า “ความรุนแรงไม่ได้แก้ด้วยความรุนแรง ความตายก็ไม่ได้แก้ด้วยภาษาแห่งความตายซึ่งคือสงคราม”
เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ เพราะหลังงานนี้จบลง ซีเรียประกาศทำตามข้อเสนอของรัสเซียที่ต้องการให้ส่งมอบและทำลายอาวุธเคมี อเมริกาก็ยุติแผนการบุกถล่ม และโลกก็กลับสู่สันติอีกครั้งจนถึงทุกวันนี้
ตุลาคม: พระสันตะปาปา ฟรังซิส เยือน อัสซีซี
วันที่ 4 ตุลาคม วันฉลองนักบุญฟรังซิส อัสซีซี เป็นโอกาสอันดีให้พระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เยือนอัสซีซีเป็นครั้งแรกในสมณสมัยของพระองค์ นับเป็น “การกลับบ้าน” ของพระสันตะปาปา ฟรังซิส เพื่อมาภาวนา ณ หลุมศพของนักบุญฟรังซิส ผู้ที่พระองค์ถวายนามให้กับท่าน ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซาที่นี่ พระสันตะปาปาตรัสว่า “เราไม่สามารถรับใช้เจ้านาย 2 คนได้ในเวลาเดียวกัน เราต้องเลือกว่า จะรับใช้พระเจ้าหรือเงิน จำคำสอนนี้ไว้ให้ดีๆนะ ถ้าท่านต้องการจะติดตามพระเยซู ท่านต้องระลึกเสมอว่า จิตวิญญาณฝ่ายโลกจะฆ่าเรา และมันยังฆ่าพระศาสนจักรด้วย น่าเศร้าที่ทุกวันนี้ คริสตชนหลายคนถูกปลดเปลื้องจากเศรษฐกิจสมัยใหม่ ที่ให้เงินเป็นตัวตั้ง จนลืมห่วงใยเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ อดอยาก และต้องการความช่วยเหลือจากเรา”
ตุลาคม: ถวายโลกแด่แม่พระฟาติมา
13 ตุลาคม พระสันตะปาปา ฟรังซิส แสดงให้โลกเห็นอีกครั้งว่า พระองค์ทรงมีความศรัทธาต่อแม่พระฟาติมามากเพียงใด หลังจากก่อนหน้าที่ในวันที่ 13 พฤษภาคม พระองค์ทรงสั่งให้พระคาร์ดินัล โชเซ่ โปลีการ์โป ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งโปรตุเกส ถวายมิสซาฉลองแม่พระฟาติมาและถวายสมณสมัยของพระสันตะปาปาไว้ในความคุ้มครองของแม่พระฟาติมาด้วย นอกจากนี้ พระสันตะปาปายังสอนได้ชัดเจนมากๆ ผ่านบทเทศน์ว่า “การพูด ‘ขอบคุณ’ เป็นเรื่องง่ายและยากในเวลาเดียวกัน เราพูดขอบคุณสมาชิกในครอบครัวบ่อยแค่ไหนกัน มันจำเป็นมากนะที่เราต้องพูดคำง่ายๆแบบนี้กับคนในครอบครัว เราต้องหัดพูด ‘ขอโทษ, ฉันเสียใจ และ ขอบคุณ’ ถ้าสมาชิกครอบครัวพูดสามคำนี้ พวกเขาก็จะเปี่ยมสุข”
ตุลาคม: ประชุมปฏิรูปโรมันคูเรีย และตั้งคาร์ดินัลที่ปรึกษา
เดือนตุลาคม พระสันตะปาปาทรงเรียกประชุมคณะพระคาร์ดินัล 8 องค์ที่เป็นที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรีย การประชุมนี้ หลายคนอยากให้เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะจะเป็นการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นและการเมืองในวาติกัน ผลจากการประชุมก็คือพระสันตะปาปาทรงตั้งทีมงานตรวจสอบธนาคารวาติกัน เนื่องจากมีปัญหาฟอกเงินเยอะเหลือเกิน, ตั้งคณะกรรมการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เยาว์ที่ถูกสงฆ์คาทอลิกล่วงละเมิดทางเพศ, และจะยังมีการแก้ปัญหาต่อไปเรื่อย แน่นอนว่า การแก้ปัญหาพวกนี้ทำให้ชีวิตพระสันตะปาปาตกในอันตรายแน่ เพราะมันคือการเข้าไปกวาดล้างมาเฟีย แต่พระองค์ไม่เคยกลัว และยังเดินหน้าทำต่อไป
พฤศจิกายน: ปิดปีแห่งความเชื่อและจัดแสดง “กระดูกนักบุญเปโตร”
มิสซาปิดปีแห่งความเชื่อถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์สมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล นอกจากนี้ มิสซาดังกล่าวยังมีการจัดแสดง “พระธาตุที่เป็นกระดูกของนักบุญเปโตร” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดแสดงพระธาตุของท่านด้วย (ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1)
พฤศจิกายน: สารเตือนใจ “แสงแห่งความเชื่อ” และ “ปีแห่งนักบวช”
พระสันตะปาปาทรงออกสารเตือนใจ (APOSTOLIC EXHORTATION) ชื่อว่า “EVANGELII GAUDIUM” หรือชื่อไทยคือ “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร” สารนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่า “เป็นสารพระสันตะปาปาที่อ่านง่ายสุดในรอบ 20 ปี เพราะใช้ภาษาง่ายๆ เขียนแบบชาวบ้านที่ไม่ได้เรียนเทวศาสตร์ อ่านแล้วเข้าใจทันที”
ใจความของสารมีว่า “พระสันตะปาปาอยากให้พระศาสนจักร ‘บาดเจ็บและเนื้อตัวมอมแมม’ เพราะออกไปสัมผัสคนยากไร้ตามท้องถนนและออกไปประกาศพระวรสาร ดีกว่า เจ็บป่วยเพราะนั่งสบายๆไปวัน อยู่แบบไม่ต้องลำบากอะไร อยู่แบบนั่งสั่งการจากศูนย์กลางเพียงอย่างเดียว”
นอกจากนี้ วันที่ 29 พฤศจิกายน พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาอธิการเจ้าคณะนักบวชชายหญิงที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมอธิการเจ้าคณะนักบวช โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงประกาศให้ ค.ศ.2015 เป็น “ปีแห่งนักบวช” ด้วย
ธันวาคม: บุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์
ข่าวดีส่งท้ายปีก็คือ TIME นิตยสารชื่อดังจากอเมริกาประกาศให้ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นบุคคลแห่งปี (สัปดาห์ที่แล้ว ผมเจาะลึกให้แล้วว่า ทำไมถึงต้องเป็นพระองค์)
รางวัลดังกล่าว ทำให้พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่สามในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจาก สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23 (ค.ศ.1962) และ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 (ค.ศ.1994)
... สุดท้ายนี้ ผมขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามตลอดปีที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่า ผมเขียนฟาติมาสารแบบนี้มานาน 11 ปีแล้ว พฤษภาคมปีหน้าจะเข้าสู่ปีที่ 12 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพลังอย่างเหลือเชื่อในการให้ผมได้ทำข่าวพระสันตะปาปา ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่า เวลาพักผ่อนของผมน้อยมากๆ เพราะทุ่มเวลาให้กับงานข่าวตรงนี้ ส่วนชีวิตก็ต้องมีระเบียบวินัยแบบสุดๆ เนื่องจากต้องรายงานข่าวแบบ “ทุกวันและทุกๆคืน” ถ้าข่าวไม่สดใหม่ ความสนใจของคนก็จะลดลง ยิ่งในยุคโซเชี่ยลมีเดียด้วยแล้ว ทุกอย่างต้องเร็วและถูกต้อง ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง และขอกล่าวคำว่า “สวัสดีปีใหม่แด่ผู้อ่าน Pope Report ทุกท่านครับ”
AVE MARIA
Comments
Post a Comment