โป๊ปสอน อย่าบังคับให้พระเจ้าทำตามที่เราขอ มันไม่ใช่การภาวนา แต่คือการออกคำสั่งกับพระองค์
- โป๊ป เลโอ ที่ 14 ทรงสอน อย่าบังคับให้พระเจ้าทำตามที่เราขอ ถ้าทำแบบนั้น มันไม่ใช่การสวดภาวนา แต่มันคือการบังคับและออกคำสั่งกับพระเจ้า ทั้งยังเป็นการสอนพระเจ้าว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมีความยุติธรรม
- เช่นเดียวกัน เวลาเกิดเรื่องร้ายๆในโลก พระเจ้าฟังเสียงร้องของคนตกทุกข์ได้ยาก แต่ปีศาจจะประจญล่อลวงเราให้คิดว่า พระเจ้าเมินเฉยและไม่ใส่ใจเสียงร้องของเรา
- ทรงย้ำ ถ้าเราไม่เคยเหนื่อยที่จะหายใจ เราก็อย่าเหนื่อยที่จะภาวนา เพราะความเชื่อถูกแสดงออกผ่านการภาวนา และการภาวนาที่แท้จริงก็อยู่ได้ด้วยความเชื่อ
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาสถาปนานักบุญใหม่ 7 องค์ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางผู้มาร่วมพิธีกว่า 70,000 คน
นักบุญใหม่ที่ได้รับการสถาปนาในวันนี้ ได้แก่ นักบุญอิกญาซีโอ ชูครอลเลาะห์ มาโลยาน (อาร์เมเนีย), นักบุญปีเตอร์ โต ร็อต (ปาปัวนิวกีนี), นักบุญมารีอา เดล มอนเต การ์เมโล่ เรนดิเลส มาร์ตีเนซ (เวเนซูเอล่า), นักบุญโฮเซ่ เกรโกรีโอ เอร์นันเดซ ซิสเนโรส (เวเนซูเอล่า), นักบุญมารีอา ตร็อนกัตติ (อิตาลี), นักบุญวินเชนซ่า มารีอา โปโลนี่ (อิตาลี) และนักบุญบาร์โตโล ลองโก้ (อิตาลี)
ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีมิสซา Pope Report เรียบเรียงใจความสำคัญมาให้ดังนี้
1. นักบุญคือตะเกียงที่รักษาแสงสว่างแห่งความเชื่อ
พระสันตะปาปาเริ่มต้นบทเทศน์โดยไตร่ตรองถึงคำถามของพระเยซูที่ว่า เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา จะยังพบความเชื่อบนแผ่นดินโลกหรือไม่
พระสันตะปาปาตรัสว่า “วันนี้เรามีประจักษ์พยาน 7 ท่านอยู่เบื้องหน้าเรา คือบรรดานักบุญใหม่ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า พวกท่านได้รักษาตะเกียงแห่งความเชื่อให้ลุกโชนอยู่เสมอ แท้จริงแล้ว พวกท่านเองได้กลายเป็นตะเกียงที่สามารถส่องสว่างแสงแห่งพระคริสต์ หากปราศจากความเชื่อ โลกจะเต็มไปด้วยลูกๆ ที่ไม่มีพระบิดา และจะไม่มีความหวังเหลืออยู่ในใจเพื่อความรอดอีกต่อไป”
2. ถ้าเราไม่เคยเหนื่อยที่จะหายใจ เราก็อย่าเหนื่อยที่จะภาวนา
เพื่อรักษาความเชื่อให้คงอยู่ พระสันตะปาปาย้ำถึงความสำคัญของการภาวนาอย่างสม่ำเสมอ
พระสันตะปาปาสอนว่า “ดังที่เราไม่เคยเหนื่อยกับการหายใจ ขอให้เราไม่เคยเหนื่อยกับการสวดภาวนาเช่นกัน ดังที่การหายใจค้ำจุนชีวิตของร่างกาย การภาวนาก็ค้ำจุนชีวิตของจิตวิญญาณเช่นกัน อันที่จริง ความเชื่อถูกแสดงออกในการภาวนา และการภาวนาที่แท้จริงก็อยู่ได้ด้วยความเชื่อ”
3. อย่าบังคับให้พระเจ้าทำตามที่เราขอ นี่ไม่ใช่การภาวนา แต่มันคือการบังคับพระเจ้า
อย่างไรก็ตาม การภาวนาเป็นสิ่งดี แต่มันก็มีการประจญล่อลวงเกิดขึ้นบ้างเวลาที่เราสวดภาวนา และพระสันตะปาปาก็เตือนถึงเรื่องนี้
“มีการประจญ 2 อย่างที่ทดสอบความเชื่อของเรา หนึ่ง เมื่อเราเห็นความเลวร้ายต่างๆ ในโลก มันล่อลวงให้เราคิดว่าพระเจ้าไม่สนใจฟังเสียงร้องของผู้ที่ถูกกดขี่ และไม่สงสารผู้บริสุทธิ์ที่ต้องทนทุกข์ และสอง การที่เราพยายามจะบังคับให้พระเจ้าทำตามที่เราต้องการ คำภาวนาของเราจึงไม่ได้เป็นคำภาวนาอีกต่อไป แต่กลายเป็นการออกคำสั่งพระเจ้า เหมือนกับว่าเรากำลังจะไปสอนพระองค์ว่าต้องทำตัวอย่างไรถึงจะยุติธรรมและได้ผลดี” พระสันตะปาปาทรงสอน
4. เมื่อเราถูกตรึงกางเขน พระเยซูคริสต์ก็อยู่กับเรา
ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงให้กำลังใจผู้ที่กำลังเผชิญกับความทุกข์ยาก โดยชี้ว่า พระเจ้าอยู่ทุกหนแห่งที่ผู้คนทนทุกข์
พระสันตะปาปา ตรัสว่า “เมื่อเราถูกตรึงกางเขนด้วยความเจ็บปวดและความรุนแรง ด้วยความเกลียดชังและสงคราม พระเยซูคริสต์ก็อยู่ที่นั่นแล้ว พระองค์อยู่บนไม้กางเขนเพื่อเราและกับเรา ไม่มีเสียงร้องไห้ใดที่พระเจ้าไม่ปลอบโยน ไม่มีน้ำตาหยดใดที่อยู่ห่างไกลจากหัวใจของพระองค์”
5. ภาวนาเพื่อเมียนมา
หลังมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยก่อนภาวนา พระสันตะปาปาทรงส่งความห่วงใยไปยังประชาชนชาวพม่าที่เผชิญความรุนแรงในประเทศ พระองค์ทรงขอร้องให้ยุติการต่อสู้โดยเร็ว และขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าคุยกันด้วยสันติวิธี
Sources:
1. https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/homilies/2025/documents/20251019-canonizzazioni.html
2. https://www.vatican.va/content/leo-xiv/it/angelus/2025/documents/20251019-angelus.html
Comments
Post a Comment