โป๊ปเลโอ ขอร้องบรรดาสงฆ์ใช้ชีวิตด้วยกันแบบพี่น้อง ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่ง

  • โป๊ปเลโอ ขอร้องบรรดาสงฆ์ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่ง 
  • ทรงตั้งคำถาม ถ้ากลุ่มสงฆ์ยังไม่มีความเป็นพี่น้องกัน และมีความจริงใจต่อกัน เราจะเป็นศาสนบริการสร้างชุมชนที่มีชีวิตชีวาได้อย่างไร
  • ทรงหวังเห็นบรรดาสงฆ์ดำเนินชีวิตตามที่ “โป๊ปฟรานซิส” สอน นั่นคือ “จงใกล้ชิดกับพระเจ้า บิช็อปและอธิการ และใกล้ชิดกับบรรดาสงฆ์ด้วยกัน”





ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงพบปะบรรดาสงฆ์ ผู้รับการฝึกอบรมเตรียมเป็นสงฆ์ และผู้ให้การอบรมจากทั่วโลกกว่า 1,700 คน โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ของสงฆ์ ซึ่งจัดโดยสมณกระทรวงเพื่อสงฆ์ ณ หอประชุมคอนชิลีอาซีโอเน่ กรุงโรม ภายใต้หัวข้อ “สงฆ์ผู้มีความสุข: เราเรียกท่านว่าเพื่อน” (จอห์น 15:15)


สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา Pope Report สรุปมาให้ดังนี้


1. “เราถูกเรียกว่าเพื่อน” คือรากฐานแห่งชีวิตสงฆ์


พระสันตะปาปา ชี้ว่า พระวาจาของพระเยซูที่ตรัสว่า “เราเรียกท่านว่าเพื่อน” (จอห์น 15:15) ไม่ใช่เป็นเพียงการแสดงความรักต่อบรรดาศิษย์ แต่เป็นกุญแจสำคัญอย่างแท้จริงในการทำความเข้าใจศาสนบริการของสงฆ์


“สงฆ์คือเพื่อนของพระเจ้า ผู้ถูกเรียกมาให้ดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์ส่วนตัวและไว้วางใจกับพระองค์ ซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงจากพระวาจา การเฉลิมฉลองศีลศักดิ์สิทธิ์ และการภาวนาในชีวิตประจำวัน มิตรภาพกับพระคริสต์คือรากฐานทางจิตวิญญาณของศาสนบริการที่ได้รับศีลบวช เป็นความหมายของการถือโสดของเรา และเป็นพลังของศาสนบริการที่เราอุทิศชีวิตให้”


2. แนวทางสำคัญสำหรับการอบรมสงฆ์ยุคใหม่


พระสันตะปาปาได้เสนอแนวทาง 3 ประการสำหรับการอบรมเพื่อชีวิตสงฆ์ ได้แก่


“หนึ่ง การเป็นเพื่อนของพระคริสต์หมายถึงการได้รับการอบรมในความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่ในทักษะความสามารถ การอบรมสงฆ์จึงไม่ใช่เพียงการเรียนรู้เนื้อหา แต่เป็นหนทางแห่งความคุ้นเคยกับองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งตัวบุคคล”


“สอง การเป็นเพื่อนของพระคริสต์ยังหมายถึงการใช้ชีวิตแบบพี่น้องในหมู่สงฆ์ด้วยกัน ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่ง เราผู้เป็นศาสนบริกรจะเป็นผู้สร้างชุมชนที่มีชีวิตชีวาได้อย่างไร หากในหมู่พวกเราเองยังไม่มีความเป็นพี่น้องที่แท้จริงและจริงใจเสียก่อน”


“สาม การอบรมสงฆ์ที่เป็นเพื่อนของพระคริสต์หมายถึงการอบรมบุรุษผู้สามารถที่จะรัก รับฟัง ภาวนา และรับใช้ร่วมกัน” พระสันตะปาปา ตรัสสอน


3. การฟื้นฟู “จิตตารมณ์ธรรมทูต” และการกลับสู่พระหฤทัยของพระเยซู


พระสันตะปาปาทรงเชื่อมโยงการประชุมนี้เข้ากับสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูซึ่งกำลังจะมาถึง และทรงอ้างอิงถึงสมณสาสน์ “พระองค์ทรงรักเรา” (Dilexit Nos) ของพระสันตะปาปา ฟรานซิส ว่าเป็นของขวัญล้ำค่าโดยเฉพาะสำหรับบรรดาสงฆ์


“สมณสาสน์นี้ท้าทายเราอย่างยิ่ง นี่คือการเรียกร้องให้เรารักษาไว้ซึ่งธรรมล้ำลึกและการอุทิศตนเพื่อสังคม การรำพึงภาวนาและการปฏิบัติ ความเงียบและการประกาศ ไว้ด้วยกัน”


พระสันตะปาปาตรัสอีกว่า “แม้ในปัจจุบันหลายคนอาจดูเหมือนห่างเหินจากความเชื่อ แต่ในส่วนลึกของผู้คน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ยังต้องการแสวงหาความหมายแท้จริงของชีวิต แผนการของพระบิดาคือการทำให้พระคริสต์เป็นหัวใจของโลก ด้วยเหตุนี้ พ่อจึงเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันฟื้นฟูจิตตารมณ์ธรรมทูตขึ้นมาใหม่”


4. บิช็อปคนหนึ่งบอกว่า “ขอกอดพระสันตะปาปาได้ไหม” และ “จงใกล้ชิด” ตามที่โป๊ปฟรานซิสสอน


ในช่วงท้าย พระสันตะปาปาได้แสดงออกถึงความเป็นกันเองอย่างยิ่ง เมื่อบิช็อปคนหนึ่งได้ขอที่จะกอดพระองค์ 


พระสันตะปาปาทรงตอบตกลงอย่างมีอารมณ์ขันว่า “ได้เลย แต่ขอให้คนเดียวเป็นตัวแทนที่จะกอดสำหรับทุกคนนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวทุกคนก็จะอยากกอดกันหมด พวกท่านเห็นด้วยไหม" ซึ่งบรรดาสงฆ์ได้ตอบรับอย่างกึกก้อง หลังจากนั้น ท่านได้ทักทายบรรดาสงฆ์เป็นภาษาสเปนและภาษาอังกฤษ ถามว่าใครมาจากทวีปใดบ้าง


พระสันตะปาปาปิดท้าย ด้วยการย้ำว่า “จงพยายามดำเนินชีวิตตามสิ่งที่พระสันตะปาปา ฟรานซิส เรียกอยู่บ่อยครั้งว่า ‘ความใกล้ชิด’ ความใกล้ชิดกับพระเจ้า ความใกล้ชิดกับบิช็อปหรืออธิการของท่าน และความใกล้ชิดในหมู่พวกท่านด้วยกันเอง เพราะพวกท่านต้องเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง”


Source:


- https://www.vatican.va/content/leo-xiv/it/speeches/2025/june/documents/20250626-incontro-dicastero-clero.html 


Comments