โป๊ปเลโอ ย้ำ สำหรับคริสตชน ความตายที่แท้จริงคือความตายทางจิตวิญญาณ
- โป๊ปเลโอ ที่ 14 ย้ำ สำหรับคริสตชน ความตายที่แท้จริงคือความตายทางจิตวิญญาณ นี่คือสิ่งที่เราต้องกลัว ส่วนความตายทางกาย มันเป็นเหมือนการนอนหลับไป
- ทรงอธิบายความแตกต่างระหว่าง “ความเชื่อที่แท้จริง” กับ “ความเชื่อแบบผิวเผิน” โดยยกคำสอนของนักบุญออกัสตินว่า “ฝูงชนเบียดเสียด แต่ความเชื่อสัมผัส” มีหลายคนเข้าใกล้และสัมผัสพระเยซู แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เพราะเขาไม่มีความเชื่อ
- ทรงตั้งคำถาม ถ้าลูกหลานของเราอยู่ในภาวะวิกฤติและต้องการอาหารฝ่ายจิต เราจะรู้วิธีที่จะจัดหาอาหารฝ่ายจิตให้พวกเขาหรือไม่
ในการสอนคำสอนระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไปเมื่อวันพุธที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงแบ่งปันบทไตร่ตรองจากพระวรสารนักบุญมาร์โก ซึ่งเป็นเรื่องราวการรักษาหญิงตกเลือดและบุตรสาวของไยรัส เพื่อสอนถึงพลังของความเชื่อที่กล้าหาญในการเอาชนะความเจ็บป่วย ความกลัว และแม้กระทั่งความตาย
Pope Report สรุปใจความสำคัญมาให้ทุกท่านดังต่อไปนี้
1. ฝูงชนที่เบียดเสียด กับ ความเชื่อที่สัมผัส
พระสันตะปาปาเริ่มต้นด้วยการตั้งข้อสังเกตถึง “ความเหนื่อยล้าในการใช้ชีวิต” ซึ่งเป็นอาการป่วยที่แพร่หลายในยุคของเรา พระองค์เชื่อมโยงสภาวะนี้เข้ากับเรื่องราวของหญิงตกเลือด 12 ปี และบุตรสาววัย 12 ปีของไยรัสที่กำลังจะสิ้นใจ
พระสันตะปาปาเน้นย้ำคือความแตกต่างระหว่าง “ฝูงชน” กับ “บุคคล” พระองค์บอกว่า “มีผู้คนมากมายที่เบียดเสียดและสัมผัสพระเยซู แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่เมื่อสตรีผู้นี้สัมผัสพระองค์ด้วยความเชื่อ เธอก็ได้รับการรักษา”
พระสันตะปาปาอ้างอิงคำสอนของนักบุญออกัสตินเพื่ออธิบายประเด็นนี้ว่า “ฝูงชนเบียดเสียด แต่ความเชื่อสัมผัส”
พระสันตะปาปาจากคณะออกัสติน อธิบายว่า “ทุกครั้งที่เราแสดงออกถึงความเชื่อที่มุ่งตรงไปยังพระเยซู การสัมผัสจะเกิดขึ้นกับพระองค์ และทันใดนั้น พระหรรษทานของพระเจ้าก็จะหลั่งไหลออกมา”
2. “สตรีผู้ตกเลือดและไยรัส” ว่าแบบอย่างของการเอาชนะอุปสรรค
พระสันตะปาปา ตรัสว่า “สำหรับสตรีตกเลือด เธอต้องเอาชนะ ‘คำพิพากษาของผู้อื่น’ ที่ตีตราและกีดกันเธอออกจากสังคม แต่ด้วยความเชื่อว่าพระเยซูสามารถรักษาเธอได้ เธอจึงพบความกล้าหาญที่จะก้าวออกมาแสวงหาพระองค์ พระเยซูตรัสว่า ‘ลูกเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดแล้ว’”
“สำหรับไยรัส บิดาของเด็กหญิง เขาคือแบบอย่างของความเชื่อที่มั่นคง แม้จะได้รับข่าวว่าบุตรสาวของตนเสียชีวิตแล้ว แต่เขายังคงเชื่อมั่นในพระเยซูต่อไป พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด’ คือหัวใจสำคัญสำหรับทุกคน”
3. ความตายที่แท้จริงคือความตายของจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องหวาดกลัว
พระสันตะปาปา ทรงอธิบายอีกว่า การที่พระเยซูทรงปลุกเด็กหญิงให้ฟื้นขึ้นจากความตาย แสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่เพียงแต่รักษาโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่ยังทรงปลุกให้ฟื้นจากความตายด้วย
“สำหรับพระเจ้าผู้ทรงเป็นชีวิตนิรันดร์ ความตายทางกายก็เป็นเหมือนการนอนหลับ ความตายที่แท้จริงคือความตายของจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องหวาดกลัว” พระสันตะปาปา เน้นย้ำ
นอกจากนี้ พระสันตะปาปาชาวอเมริกัน ยังทรงชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดสุดท้ายที่เปี่ยมด้วยความหมาย คือการที่พระเยซูทรงบอกผู้ปกครองให้หาอะไรให้เด็กหญิงรับประทาน
“นี่คือเครื่องหมายที่เป็นรูปธรรมอย่างยิ่งถึงความใกล้ชิดของพระเยซูต่อความเป็นมนุษย์ของเรา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคำถามถึงเราว่า เมื่อลูกหลานของเราอยู่ในภาวะวิกฤติและต้องการอาหารฝ่ายจิต เราจะรู้วิธีมอบให้พวกเขาหรือไม่ และเราจะให้ได้อย่างไร หากตัวเราเองไม่ได้รับการบำรุงเลี้ยงจากพระวรสาร” พระสันตะปาปาทรงตั้งคำถามอย่างลึกซึ้ง
4. ศาสนจักรอยู่เคียงข้างกลุ่มคริสตชนที่ถูกเบียดเบียน
หลังการสอนคำสอนจบลง พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางด้วยความกังวลอย่างยิ่ง พระองค์ทรงประณามการโจมตีต่อชุมชนชาวกรีกออร์โธด็อกซ์ที่วัดมาร์ เอเลียสในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย และทรงส่งความใกล้ชิดไปยังคริสตชนทุกคนในตะวันออกกลางว่า “ศาสนจักรอยู่เคียงข้างพวกท่าน”
พร้อมกันนี้ พระสันตะปาปายังแสดงความวิตกต่อความทุกข์ทรมานของผู้คนในกาซ่าและดินแดนอื่นๆ ที่อาจถูกลืมเลือนไป ท่ามกลางข่าวความขัดแย้งในอิหร่าน อิสราเอล และปาเลสไตน์ด้วย
Source:
- https://www.vatican.va/content/leo-xiv/en/audiences/2025/documents/20250625-udienza-generale.html
Comments
Post a Comment