โป๊ปเลโอ เรียกร้องนักการเมืองต้องทำเพื่อปกป้องคุณความดีส่วนรวมและผู้เปราะบางในสังคม

➡️ โป๊ป เลโอ ที่ 14 เรียกร้องให้นักการเมืองปกป้องคุณความดีส่วนรวมและผู้เปราะบางเป็นอันดับแรก


➡️ ย้ำ เสรีภาพทางศาสนาและการหันหน้าคุยกัน เป็นสิ่งสำคัญ


➡️ ทรงเตือน AI จะมีประโยชน์เมื่อมันไม่ทำลายศักดิ์ศรีและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์คนนั้น และย้ำว่า “ชีวิตส่วนตัวของเรามีคุณค่ามากกว่าอัลกอริธึ่มใดๆ”


➡️ ทรงยกย่อง "นักบุญโทมัส มอร์" เป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่ยึดมั่นในมโนธรรมและรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง






พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ทรงต้อนรับคณะผู้แทนจากสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภาจาก 68 ประเทศทั่วโลก ที่มาเข้าเฝ้าโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ของคณะรัฐบาล โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงย้ำกับพวกเขาว่าการเมืองที่แท้จริงคือ “รูปแบบสูงสุดของความรักเมตตา” พร้อมให้ข้อคิด 3 ประการที่เป็นความท้าทายสำคัญสำหรับผู้นำในยุคปัจจุบัน


1. นักการเมืองต้องทำเพื่อส่วนรวมและต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำ


พระสันตะปาปาเริ่มด้วยการเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของนักการเมืองในการส่งเสริมและปกป้อง “คุณความดีของส่วนรวม” เฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องผู้ที่เปราะบางและผู้ที่ถูกทอดทิ้ง 


พระสันตะปาปา ระบุอย่างตรงไปตรงมาถึง “ความไม่สมส่วนที่ยอมรับไม่ได้ระหว่างความมั่งคั่งมหาศาลที่กระจุกตัวอยู่ในมือของคนเพียงไม่กี่คนกับคนยากจนของโลก” พร้อมอ้างอิงถึงสมณสาสน์ Rerum Novarum (เรรุม โนวารุม แปลว่า สิ่งใหม่) ของพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 ซึ่งเตือนว่าความไม่สมดุลนี้เป็นบ่อเกิดของความอยุติธรรม ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงและการต่อสู้กัน


2. เสรีภาพทางศาสนาและการหันหน้าคุยกัน เป็นสิ่งสำคัญ


เรื่องที่สองที่พระสันตะปาปาตรัสคือ ในโลกของเรามีคนนับถือศาสนาแตกต่างกันมากมาย พระองค์เน้นว่า “เสรีภาพทางศาสนา” และ “การหันหน้าพูดคุยกัน” เป็นเรื่องที่สำคัญมาก


เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้แม้จะมีความเชื่อต่างกัน พระสันตะปาปาเสนอให้ใช้หลักการร่วมกันที่เรียกว่า “กฎธรรมชาติ” (Natural Law) มันเป็นเหมือน สามัญสำนึกสากลของมนุษย์ที่บอกว่าอะไรคือความดีความชั่ว อะไรถูกอะไรผิด ซึ่งทุกคนสามารถเข้าใจได้ด้วยเหตุผล ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม


กฎธรรมชาตินี้จึงสามารถเป็นเหมือน “เข็มทิศ” ที่นักการเมืองทุกคนสามารถใช้ร่วมกันในการสร้างกฎหมายและสังคมที่ดีสำหรับทุกคนได้ โดยไม่ต้องอ้างอิงถึงความเชื่อทางศาสนาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


3. AI จะมีประโยชน์เมื่อมันไม่ทำลายศักดิ์ศรีและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์คนนั้น


ประเด็นที่สาม พระสันตะปาปาเตือนถึงความท้าทายจาก AI พระองค์ย้ำว่า มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคมก็ต่อเมื่อ “การใช้งานนั้นไม่บ่อนทำลายอัตลักษณ์และศักดิ์ศรีของตัวบุคคล และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคนๆนั้น”


พระสันตะปาปาตรัสว่า “ชีวิตส่วนตัวของเรามีคุณค่ามากกว่าอัลกอริธึ่มใดๆ … AI ยังเป็นหน่วยความจำแบบคงที่ ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับความจำของมนุษย์ ความทรงจำของเรานั้นสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนเสมอ และก่อให้เกิดสิ่งใหม่”


4. นักบุญโทมัส มอร์ แบบอย่างของนักการเมือง


ช่วงท้าย พระสันตะปาปาทรงยกย่อง นักบุญโทมัส มอร์ ว่าเป็นแบบอย่างสำหรับผู้นำทางการเมือง พระองค์ชื่นชมความกล้าหาญของนักบุญโทมัส มอร์ ที่ “พร้อมจะสละชีวิตของตนแทนที่จะทรยศต่อความจริง” และยกย่องให้ท่านเป็น “มรณสักขีเพื่อเสรีภาพและเพื่อความสำคัญสูงสุดของมโนธรรม” เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางสำหรับนักการเมืองทุกคน


ทั้งนี้ นักบุญโทมัส มอร์ ได้รับการประกาศเป็นมรณสักขีอย่างเป็นทางการโดยพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 ใน ค.ศ. 1935 ท่านถูกประหารชีวิตใน ค.ศ. 1535 เนื่องจากปฏิเสธที่จะยอมรับกษัตริย์ เฮนรี่ ที่ 8 เป็นประมุขของศาสนจักรอังกฤษ


Source:


1. https://www.vatican.va/content/leo-xiv/it/speeches/2025/june/documents/20250621-giubileo-governanti.html 


Comments