โป๊ปสอนหลานๆ อย่าผลักไสไล่ส่งปู่ย่าตายาย ต้องรู้จักไปเยี่ยมท่านเหล่านั้น

โป๊ปฟรานซิส ทรงสอนหลานๆ อย่าผลักไสไล่ส่งปู่ย่าตายาย อย่าทอดทิ้งคนที่ทำให้เราเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ทรงเตือนให้ระวังคำว่า “อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องการใคร” นี่คือทัศนคติผิดๆที่ทำให้เราคิดว่าการไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเป็นเรื่องดี 

Photo: Vatican Media

ช่วงสายวันเสาร์ที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงออกมาพบปะบรรดาปู่ย่าตายายและหลานๆ กว่า 6,000 คนที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน เนื่องในโอกาสที่สถาบันการศึกษาเพื่อชีวิต (Pontifical Academy for Life) จัดงานชุมนุมภายใต้หัวข้อ “การโอบกอดและรอยยิ้ม” และให้ทุกคนที่ร่วมงานได้เข้าเฝ้าพระสันตะปาปา 


สิ่งที่พระสันตะปาปาตรัสกับทุกคนในวันนี้ เรียกได้ว่า “กลั่นจากใจและโดนใจทุกคนมากๆ” พระสันตะปาปาบอกว่า ขอให้คิดว่าพระองค์คือ “คุณปู่” ที่อยากสอนและแบ่งปันสิ่งดีๆให้ฟัง ซึ่งประเด็นสำคัญมีดังนี้

1. อย่าทอดทิ้งคนที่ทำให้เราเป็น “คน” เป็น “มนุษย์” ที่ดียิ่งขึ้น


“พ่อพูดในฐานะคุณปู่ที่อยากแบ่งปันความเชื่อที่ไม่มีวันแก่ … ตัวพ่อเองได้รับ(ความเชื่อ)มาจากคุณย่า … และเป็นคุณย่านี่แหละที่เล่าเรื่องครอบครัวหนึ่งให้ฟัง ครอบครัวนั้นมีคุณปู่ที่กินข้าวบนโต๊ะที่ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไร่ ทำให้โต๊ะสกปรก ครอบครัวนั้นจึงให้คุณปู่แยกไปกินข้าวคนเดียว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ตรงกันข้าม มันเลวร้ายมากๆ จากนั้น หลานชายได้คิดอะไรบางอย่างจนพ่อของเขาถามว่าทำอะไรอยู่ เด็กคนนี้จึงบอกว่า ‘ผมกำลังคิดจะทำโต๊ะให้คุณพ่อ เพื่อตอนแก่พ่อจะได้นั่งกินข้าวคนเดียว’ คุณย่าของพ่อสอนเรื่องนี้ให้พ่อและพ่อไม่เคยลืมมันเลย เราต้องอยู่ด้วยกันด้วยความรัก ไม่ทอดทิ้งคนที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นมนุษย์มากขึ้น”


2. เอาแต่ได้คนเดียว ไม่รู้จักแบ่งแบบเท่าเทียม สังคมจะยากจนและเห็นแก่ตัว

“สังคมของเราเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายแขนง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการแบ่งปันและแต่ละคนคิดถึงแต่ตัวเอง ความมั่งคั่งทั้งหมดก็จะสูญเปล่า กลับกลายเป็นความยากจนของมนุษยชาติ และนี่คือความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่สำหรับยุคสมัยของเรา นั่นคือความยากจนจากความแตกแยกและความเห็นแก่ตัว คนเห็นแก่ตัวคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าใครและมองว่าตัวเองต้องมาก่อนทุกคน”


3. ระวังคำว่า “อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องการใคร” นี่เป็นทัศนคติที่ผิด

“บางครั้งเราได้ยินคำว่า ‘คิดถึงตัวเอง’ ‘ไม่ต้องมีใครก็ได้’ นี่เป็นคำพูดปลอมๆที่ทำให้เราเข้าใจผิดว่าการไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเป็นเรื่องดี การทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวเป็นเรื่องดี การใช้ชีวิตเหมือนติดเกาะเป็นเรื่องดี นี่เป็นทัศนคติที่สร้างความเหงาเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมแห่งการปฏิเสธที่ผู้สูงอายุถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวและต้องใช้ชีวิตในช่วงปีสุดท้ายของชีวิตห่างไกลจากบ้านและคนที่รัก พวกท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มันดีหรือไม่ดี มันไม่ดีไง ผู้สูงอายุต้องไม่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว พวกเขาต้องอยู่ในครอบครัว ในชุมชน ด้วยความรักของทุกคน และถ้าพวกเขาไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้ เราต้องไปเยี่ยมพวกเขาและอยู่ใกล้ชิดกับพวกเขา ลองคิดเรื่องพวกนี้ดูนะว่าเราชอบแบบนี้ไหม โลกที่ไม่มีใครต้องกลัวว่าจะจบชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นเราต้องสร้างโลกนี้ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คิดค้นโปรแกรมการดูแลเท่านั้น”


4. อย่าผลักไสไล่ส่งปู่ย่าตายาย แค่คิดหรือทำ ชีวิตเราเสื่อมทรามแน่


“สุดท้าย ความรักทำให้เราฉลาดขึ้น บรรดาหลานๆทุกคน ปู่ย่าตายายของพวกเธอคือความทรงจำของโลกที่ไร้ความทรงจำ และ เมื่อชุมชนสังคมสูญเสียความทรงจำ ทุกสิ่งก็จบลงแล้ว ดังนั้น เราต้องไม่สูญเสียความทรงจำของเรา จงฟังปู่ย่าตายาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกท่านสอนด้วยความรักและการดำเนินชีวิต


“ผู้สูงอายุเกือบทุกคน สวมแว่นตา แต่พวกเขามองได้ไกล มันเป็นไปได้อย่างไร พวกเขามองการณ์ไกลเพราะพวกเขาใช้ชีวิตมาหลายปี และมีหลายสิ่งที่ต้องสอน ตัวอย่างเช่น สงครามเลวร้ายแค่ไหน”


“หลานๆที่รัก จงไปเยี่ยมปู่ย่าตายายบ้างนะ อย่าผลักไสไล่ส่งพวกท่าน เพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง การผลักไสไล่ส่งผู้สูงอายุ ทั้งความคิดและการกระทำ ทำให้ทุกช่วงของชีวิตเสื่อมทราม ไม่ใช่แค่วัยชราเท่านั้น”


Source


1. https://www.vatican.va/content/francesco/en/speeches/2024/april/documents/20240427-incontro-nonni-nipoti.html 


Comments