โป๊ปฟรังซิส - คริสตชนต้องเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังพระเจ้า

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คริสตชนต้องเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังพระเจ้า เหมือนที่พระเยซูนบนอบเชื่อฟังพระบิดา และเหมือนที่เปโตรกล่าวในสภาซันเฮดรินว่า "เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์" 

  • ทรงชี้ ผลลัพธ์ของการเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์คือการถูกใส่ร้ายและถูกเบียดเบียน แต่เราต้องอย่ากลัว เพราะพระจิตจะบอกเราเองว่า เราจะตอบพวกที่ใส่ร้ายและเบียดเบียนเราอย่างไร 

  • ทรงย้ำ พระจิตจะประทานพระหรรษทานแห่งการเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังพระเจ้าให้กับเรา จริงอยู่ที่เราอาจมีเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้เป็นประจักษ์พยาน แต่พระจิตเท่านั้นที่จะเปลี่ยนหัวใจของเราได้




ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่ชาวยิวนำบรรดาอัครสาวกมายังสภาซันเฮดริน ก่อนที่มหาสมณะจะกล่าวห้ามไม่ให้พวกอัครสาวกประกาศคำสอนของพระเยซู" แต่เปโตรและบรรดาอัครสาวกตอบว่า "ท่านต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์" ทำให้ทุกคนในสภาซันเฮดรินโกรธจัดและหาทางฆ่าบรรดาอัครสาวก

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า

- เปโตร ผู้ที่กลัวสุดๆ และได้ปฎิเสธพระเยซูในคืนวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ แต่ครั้งนี้เขาเปี่ยมด้วยความกล้าที่จะตอบมหาสมณะว่า 'เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์' คำตอบนี้ชัดเจนในตัวอยู่แล้วว่า คริสตชนคือประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังเหมือนที่พระเยซูทรงทำให้เห็นในสวนเก็ธเซเมนี พระองค์ตรัสว่า 'ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์'

- คริสตชนคือประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟัง ถ้าเราไม่อยู่บนหนทางนี้และไม่เจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยาน เราก็ไม่ใช่คริสตชน พระเยซูไม่ใช่บุคคลตัวอย่างทางความคิด ปรัชญา เชิงธุรกิจ หรืออำนาจ แต่พระองค์คือแบบอย่างของการนบนอบเชื่อฟัง

- อย่างไรก็ตาม การจะเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟัง เราจำเป็นต้องมีพระหรรษทานจากพระจิต มีเพียงพระจิตเท่านั้นที่จะทำให้เราเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟัง มันไม่เพียงพอหรอกที่จะฟังเครื่องนำทางฝ่ายจิตหรืออ่านหนังสือ สิ่งเหล่านี้ก็โอเคอยู่หรอก แต่มีเพียงพระจิตเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนหัวใจของเราและทำให้เราเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟัง

- การเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังบอกเราเป็นนัยๆ ถึงผลที่จะตามมา เหมือนที่ระบุไว้ในบทอ่านวันนี้ นั่นคือ หลังจากที่เปโตรตอบไปแล้ว มหาสมณะต้องการจะฆ่าเขา โดยสรุปก็คือการเบียดเบียนคือผลลัพธ์จากการเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังพระเจ้า เมื่อพระเยซูทรงกล่าวสอนเรื่องความสุขแท้จริง (มหาบุญลาภ) จำได้ไหมว่า ข้อสุดท้าย พระองค์ตรัสว่า 'ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหง และใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา'

- สุดท้ายนี้ พ่ออยากเน้นว่า การเป็นคริสตชนไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับสถานะทางสังคม มันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่ทำให้เรารู้สึกดี แต่การเป็นคริสตชนหมายถึงการเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟัง ชีวิตคริสตชนเต็มไปด้วยการถูกใส่ร้ายและถูกเบียดเบียน

- ดังนั้น การเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟังเหมือนพระเยซู สิ่งสำคัญสุดคือการสวดภาวนา เพื่อจะได้ตระหนักว่า เราเป็นคนบาปที่อยู่กับจิตตารมณ์ทางโลกในใจของเรา ขอให้เราวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้าให้เราเป็นประจักษ์พยานถึงการนบนอบเชื่อฟัง จงอย่ากลัวเมื่อถูกใส่ร้ายและถูกเบียดเบียน เพราะพระเจ้าตรัสกับเราแล้วว่า 'พระจิตจะบอกเราเองว่าให้ตอบอย่างไร'