Posts

Showing posts with the label วาติกัน

ศาลอิตาเลี่ยนยังสั่งอายัติเงินในคดีฟอกเงินธนาคารวาติกัน

Image
ศาลอิตาเลี่ยน ยืนกรานรอบสอง ไม่อนุมัติคำร้องของธนาคารวาติกันที่ขอให้ยกเลิกการอายัติเงิน 23 ล้านยูโร ซึ่งถูกธนาคารกลางอิตาลีสั่งอายัติ เนื่องจากตรวจพบความผิดปกติในการโอนเงินของธนาคารวาติกัน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางของอิตาลีได้สั่งอายัดเงินจำนวน 23 ล้านยูโร (ประมาณ 920 ล้านบาท) ซึ่งถูกโอนจากธนาคารวาติกัน ไปยังธนาคารเครดิโต้ อาร์ติจาโน่ สปา เนื่องจากการโอนดังกล่าว ไม่ทำตามข้อกำหนดป้องกันการฟอกเงินที่ต้องเปิดเผยรายชื่อผู้โอนเงินและผู้รับเงิน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตั้งข้อหากับธนาคารวาติกันในข้อหาฟอกเงินอีกด้วย ล่าสุด ในการพิจารณาคดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารวาติกัน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ยกเลิกการอายัติเงินดังกล่าว แต่ทว่า ศาลไม่อนุมัติคำขอ เนื่องจากเอกสารที่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารวาติกัน เตรียมมาอธิบายนั้น ไม่ชัดเจน ทำให้ธนาคารวาติกันยังต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อไป ท่ามกลางความกังขาของผู้คนจำนวนมากว่า นี่คือธนาคารที่ลึกลับสุดในโลก เพราะระบบต่างๆ ไม่เป็นไปตามหลักสากล

วาติกันเดือดประณามจีนตัวทำลายเสรีภาพนับถือศาสนา

Image
วาติกัน เริ่มเดือดกับพฤติกรรมของรัฐศาสนจักรคาทอลิกจีน ที่พยายามบังคับคริสตังที่ยอมขึ้นตรงกับกรุงโรมให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของตน โดยออกมาประณามรัฐบาลจีนที่หนุนหลังว่า เป็นการทำลายเสรีภาพในการนับถือศาสนาของประชาชน หลังจากรัฐศาสนจักรคาทอลิกจีน ศาสนจักรที่รัฐบาลจีนต้องการให้แยกตัวจากการปกครองของวาติกัน ได้จัดการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ ด้วยการบังคับให้พระสังฆราชคาทอลิกจีนทั้งหมดเข้าร่วมการประชุม ไม่ว่าเขาคนนั้นจะขึ้นตรงกับรัฐบาลหรือวาติกันก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น คริสตังบางคนที่ยอมรับอำนาจของพระสันตะปาปา ก็ถูกเกณฑ์ไปร่วมการประชุมทั้งที่ไม่เต็มใจก็ตาม เรื่องดังกล่าว ทำให้ วาติกัน ไม่พอใจการกระทำของรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการทำลายเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างชัดเจน วาติกัน จึงออกแถลงการณ์ประณาม จีน อีกครั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค. ใจความว่า "ในจดหมายเปิดผนึกที่ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงส่งถึงคริสตังจีน พระองค์ทรงระบุอย่างชัดเจนว่า พระศาสนจักรคาทอลิกไม่สามารถถูกควบคุมได้โดยรัฐบาล หรือถูกผู้มีอำนาจในรัฐศาสนจักรจีนเป็นผู้ควบคุม มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องเห็นพระสังฆราชหลายอง

วาติกันเปิดไฟต้นคริสต์มาสแล้ว

Image
วาติกันได้ืทำการเปิดไฟต้นคริสต์มาส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย พระคาร์ดินัล โจวานนี่ ลาโยโล่ ประธานสมณกรรมาธิการบริหารนครรัฐวาติกัน ได้เป็นประธานในพิธี เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประมวลภาพ : วาติกันเปิดไฟต้นคริสต์มาส

ผู้นำฮินดูยกวาติกันเป็นรัฐปลอดมลพิษที่สุดของโลก

Image
ราจัน เซ็ด ประธานสมาคมฮินดูสากลในสหรัฐอเมริกา ออกมาชื่นชมนครรัฐวาติกัน เป็นประเทศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากสุดในโลก ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันอังคารที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา จากการที่นครรัฐวาติกัน ได้ติดตั้งแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์หลายร้อยแผ่นบนหลังคาอาคารต่างๆ ทำให้ไฟฟ้าทั้งหมดในวาติกัน มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ได้มาจากพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ วาติกัน ยังมีแผนจะปรับเปลี่ยนระบบรถยนต์ในวาติกันทั้งหมด ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังแสงอาทิตย์อีกด้วย เรื่องดังกล่าว สร้างความประทับใจให้กับ ราจัน เซ็ด ประธานสมาคมฮินดูสากล เป็นอย่างมาก โดย เซ็ด ได้ออกมาเชิญชวนผู้นำศาสนาต่างๆทั่วโลก ดูแบบอย่างพระสันตะปาปา ที่จริงจังกับการปกปักรักษาโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น "แม้เราจะมีความเชื่อต่างกัน แต่เราก็อาศัยบนโลกใบเดียวกัน ข้าพเจ้าในฐานะประธานสมาคมฮินดูสากล ขอสดุดี สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ผู้ทรงหนักแน่นกับการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม ข้พเจ้าขอเชิญชวนผู้นำศาสนาต่างๆ เปิดใจกว้างและทำตามพระสันตะปาปา เพื่อเราจะได้ร่วมกันรักษาโลกและสภาพแวดล้อมให้ดำรงอยู่ในสภาพดีสืบไป"

สถิติการเบียดเบียนคริสตศาสนาในยุโรปสูงขึ้น

Image
คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ยอมรับ สถิติการเบียดเบียนคริสตศาสนาในยุโรปพุ่งสูงขึ้นมาก ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา รายงานดังกล่าว ถูกเปิดเผยโดยองค์กรเฝ้าระวังการกีดกันความเชื่อและศาสนา ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยรายงานระบุว่า นับตั้งแต่ ค.ศ.2005 เป็นต้นมา ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกเบียดเบียนมากสุดในยุโรป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในภูมิภาคดังกล่าว การเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในสหัสวรรษใหม่ ทำโดยการสั่งห้ามติดเครื่องหมายทางศาสนาไว้ในที่สาธารณะ, การไม่ให้สถานศึกษาสอนความเชื่อศาสนาแก่นักเรียน, การยึดทรัพย์สินของศาสนาไปเป็นของรัฐบาล และการล้อเลียนศาสนาของศาสนาต่างๆ หลังรายงานนี้ถูกเผยแพร่ คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ หัวเรือใหญ่สื่อมวลชนวาติกัน ก็ออกมายอมรับความจริงที่เกิดว่า "ความสำคัญของรายงานชิ้นนี้ แสดงให้เห็นว่า กระบวนการทำลายศาสนาคริสต์ ยังคงมีอยู่และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นก็ตาม เราจะอดทนและให้อภัย เพราะหลักคำสอนของคริสตศาสนาคือรักแม้กระทั่งศัตรูของตน"

วาติกันวอนโปรดอ่าน "วิกิลีกส์" ด้วยความรอบคอบ

Image
วาติกัน ออกแถลงการณ์ด่วน ขอร้องทุกฝ่ายใช้วิจารณญาณและความรอบคอบแบบสุดๆในการอ่าน "วิกิลีกส์" เว็บไซต์จอมแฉโลกสะเทือน ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากปล่อยให้ "จอมแฉโลกระส่ำ" วิกิลีกส์ เว็บไซต์ผู้เปิดโปงความลับระดับโลก ออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่างๆมาทั้งวัน ล่าสุด วาติกัน ก็ได้ออกแถลงการณ์เตือนสติทุกฝ่าย ใช้ความรอบคอบในการอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิลีกส์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในไอร์แลนด์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่าง แองกลิกัน กับ คาทอลิก ในประเทศอังกฤษ แถลงการณ์วาติกัน ระบุว่า "รายงานข่าวที่ออกมา เป็นการแสดงความคิดและมุมมองของผู้เขียนรายงานนั้นขึ้นมา มันไม่สามารถนำมาพิจารณาว่า เป็นการแสดงความเห็นของสันตะสำนัก ดังนั้น ความน่าเชื่อถือของรายงาน ต้องได้รับการตีความอย่างระมัดระวังและรอบคอบแบบถึงที่สุด" ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา "วิกิลีกส์" ได้ออกมาแฉเรื่องราวของวาติกันแบบล้วนๆ ไล่ตั้งแต่เรื่องสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในไอร์แลนด์, บทบาทการทูตของสันตะสำนักบนเวทีโลก, ความสัมพันธ์แองกลิกันกับคาทอลิกในอังกฤษ,

"วิกิลีกส์" แฉทูตอังกฤษบอกความสัมพันธ์แองกลิกันกับคาทอลิกแย่สุดในรอบ 150 ปี

Image
"จอมแฉโลกระส่ำ" วิกิลีกส์ เว็บไซต์แฉตัวพ่อ ยังก้มหน้าก้มตาแฉไม่หยุด เมื่อออกมาเปิดเผยว่า ฟรานซิส แคมป์เบลล์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสันตะสำนัก กระซิบกับ มิเกล ดิอาซ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสันตะสำนักว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ศาสนจักรแองกลิกัน กับ พระศาสนจักรคาทอลิก ดูท่าจะแย่สุดในรอบ 150 ปี นอกจากนี้ ความเกลียดชังชาวคาทอลิกในสหราชอาณาจักร ก็พุ่งสูงขี้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วิกิลีกส์ แฉว่า บทสนทนาระหว่างทูตอเมริกากับทูตอังกฤษ มีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2009 โดย ฟรานซิส แคมป์เบลล์ ทูตอังกฤษ ได้บอกกับ มิเกล ดิอาซ ทูตสหรัฐอเมริกา ภายหลังรับประทานอาหารร่วมกับ อาร์คบิช็อป โรแวน วิลเลี่ยมส์ ผู้นำศาสนจักรแองกลิกัน ว่า "ความสัมพันธ์ของ แองกลิกัน กับ วาติกัน กำลังเผชิญหน้ากับความตกต่ำสุดในรอบ 150 ปี เนื่องจากการตัดสินพระทัยของ พระสันตะปาปา ที่เปิดโอกาสให้ชาวแองกลิกันที่รับไม่ได้กับการมีสตรีเป็นสังฆราช สามารถเปลี่ยนมาเป็นสมาชิกนิกายคาทอลิกได้" เว็บไซต์จอมแฉ ยังได้นำคำพูดของทูตอังกฤษประจำสันตะสำนัก มาเปิดเผยอีกว่า "นี่เป็นวิกฤติที่น่ากลัว เพราะคาทอลิกในอังกฤษมี

"วิกิลีกส์" เผยวาติกันช่วยชีวิตลูกเรือยูเค 15 คนที่ถูกอิหร่านจับและำอเมริกาจับตาวาติกัน

Image
"จอมแฉโลกระส่ำ" วิกิลีกส์ เว็บไซต์สุดร้อนแรงในขณะนี้ เผย วาติกัน เป็นฝ่ายช่วยชีวิตลูกเรือสหราชอาณาจักร 15 คนที่ถูกอิหร่านจับตัวไป เนื่องจากรุกล้ำน่านน้ำเมื่อ ค.ศ.2007 อย่างไรก็ตาม ในเอกสารลับดังกล่าว มีการรายงานความสัมพันธ์ระหว่าง วาติกัน กับ อิหร่าน ให้ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทราบด้วย ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา วิกิลีกส์ ได้เปิดเผยเอกสารลับที่ จูเลียต้า โนเยส หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำสันตะสำนัก ซึ่งบันทึกว่า วาติกันได้ดำเนินการขอร้องอิหร่าน ให้ปล่อยตัวลูกเรือชาวอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ จำนวน 15 คน ซึ่งถูกอิหร่านจับตัวไป อย่างไรก็ตาม ในบันทึกดังกล่าว โยเนส ได้รายงานความสัมพันธ์ระหว่าง วาติกัน กับ อิหร่าน ให้ทางรัฐบาลสหรัฐทราบด้วย "วาติกันได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ในช่วงวิกฤติการณ์จับกุมตัว นี่คือการแสดงออกถึงความสามารถของวาติกัน ในการเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพท่ามกลางปัญหาวิกฤติของนานาชาติ" "อย่างไรก็ตาม เราไม่ทราบแน่ชัดว่า วาติกันมีความสัมพันธ์กับอิหร่าน มากน้อยเพียงใด" เว็บไซต์จอมแฉ เ

"วิกิลีกส์" แฉสมณทูตในไอร์แลนด์เมินเฉยจัดการสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ

Image
"จอมแฉโลกระส่ำ" วิกิลีกส์ เว็บไซต์เปิดโปงความลับระดับโลก จัดหนักให้ วาติกัน เข้าแล้ว เมื่อออกมาเผยว่า พระอัครสังฆราช จูเซ็ปเป้ เมอันซ่า สมณทูตวาติกันประจำไอร์แลนด์ เมินเฉยต่อคำร้องให้สอบสวนกรณีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในไอร์แลนด์ ตามรายงานข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา คดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในไอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในข่าวดังสุดของพระศาสนจักรคาทอลิก ประจำปี 2010 ก็ว่าได้ ร้ายแรงถึงขั้นที่ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ต้องลงมาสอบสวนด้วยพระองค์เอง พร้อมทั้งออกจดหมายเปิดผนึกถึงคริสตังไอร์แลนด์ เพื่อเยียวยาจิตใจทุกคนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในส่วนของการแฉครั้งนี้ "วิกิลีกส์" ระบุว่า คณะกรรมการเฝ้าระวังสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ ได้ทำหนังสือถึง พระอัครสังฆราช จูเซ็ปเป้ เมอันซ่า สมณทูตวาติกันประจำไอร์แลนด์ เพื่อร้องเรียนให้มีการตรวจสอบสงฆ์ที่ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ แต่ พระอัครสังฆราช เมอันซ่า ไม่มีการตอบรับคำขอร้องดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น พระอัครสังฆราช เมอันซ่า กลับรู้สึกโกรธรัฐบาลไอร์แลนด์ที่ไม่เคารพวาติกัน ในการสอบสวนเรื่องดังกล่าวด้วยระบบของวาติกันเอง นอกจากนี้ วิกิ

"พ่อคันตา" ย้ำคริสตังต้องสู้กับสังคมที่ไม่มีศาสนา

Image
คุณพ่อรานิเอโร่ คันตาลาเมสซ่า สุดยอดนักเทศน์ประจำสันตะสำนัก ย้ำชัด คริสตังต้องฟื้นฟูความเชื่ออย่างหนัก เพื่อจะได้ต่อสู้กับสังคมที่ต้องการกำจัดพระเจ้าออกจากการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวจากนครรัฐวาติกัน เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา การเทศน์เตรียมจิตใจครั้งที่สองในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งจัดขึ้นในวัดน้อยมารดาพระผู้ไถ่ มีขึ้นภายใต้หัวข้อ "เราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย" (1จอห์น 1:2) โดยครั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเข้าร่วมรับฟังเตรียมจิตใจเหมือนเช่นเคย คุณพ่อคันตาลาเมสซ่า นักเทศน์สังกัดคาปูชิน ให้ข้อคิดว่า "ยุคนี้เป็นยุคอันตรายที่คนทั่วไปไม่มีความเชื่อเรื่องชีวิตนิรันดร ดังนั้น เราจำเป็นต้องแสวงหาและฟื้นฟูความหมายแท้จริงของแก่นสำคัญแห่งการเป็นคริสตชน" "เราต้องฟื้นฟูความเชื่อเรื่องชีวิตนิรันดรอย่างหนัก ไม่เพียงแค่ทำหน้าที่ประกาศพระวรสารเท่านั้น แต่เรายังต้องฟื้นฟูความเชื่อที่เรามีด้วย ทั้งนี้ เพื่อจะได้ก้าวเดินไปบนหนทางศักดิ์สิทธิ์และได้รับพระพรจากพระเจ้า" สุดยอดนักเทศน์ ให้ข้อคิด

วาติกันเตรียมตั้งหอสมุดรูปภาพพระสันตะปาปา

Image
คุณพ่อจูเซ็ปเป้ โคลอมบาร่า หัวหน้าแผนกภาพถ่ายของวาติกัน เผย เตรียมแผนสร้างหอสมุดรูปภาพของพระสันตะปาปาองค์ต่างๆกว่า 7 ล้านรูป โดยงานนี้ ต้องทุ่มทุนสร้างถึง 4 ล้านยูโรเลยทีเดียว "อันซ่า" สำนักข่าวชื่อดังของอิตาลี รายงานว่า วาติกันมีแผนจะนำภาพเก่าๆของพระสันตะปาปาในอดีต อาทิ สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12, สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6, สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23, สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 1 และ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 จำนวนกว่า 7 ล้านรูป ซึ่งทั้งหมดถูกถ่ายไว้ด้วยฟิล์ม มาแปลงให้เป็นภาพดิจิตอลให้หมด โดยงบประมาณที่ต้องใช้นั้น สูงถึง 4 ล้านยูโร (ประมาณ 160 ล้านบาท) "เราคิดว่าโครงการนี้จะใช้เวลาดำเนินการ 5 ปี ที่มันช้าก็เพราะการแปลงไฟล์ต้องใช้แรงงานคนทั้งหมด" คุณพ่อโคลอมบาร่า กล่าวกับผู้สื่อข่าว อนึ่ง มีการเปิดเผยว่า รูปภาพกว่า 7 ล้านรูปนี้ เป็นรูปของ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ไปกว่า 6 ล้านภาพแล้ว

วาติกันเริ่มติดตั้งต้นคริสต์มาสยักษ์แล้ว

Image
วาติกัน ได้เริ่มดำเนินการติดตั้งต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ความสูง 34 เมตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยต้นไม้ยักษ์ดังกล่าว ถูกส่งมาจากทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี พนักงานขับรถส่งต้นคริสต์มาสที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ บอกว่า ต้นไม้ต้นนี้ มีอายุกว่า 94 ปี มันจะได้รับการประดับด้วยดวงไฟกว่า 1,500 ดวง และของตกแต่งอีก 3,000 ชิ้น สำหรับวันเวลาเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปีนี้คือวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งคาดกันว่า พระคาร์ดินัล โจวานนี่ ลาโยโล่ ประธานสมณกรรมาธิการนครรัฐวาติกัน จะเป็นประธาน ทั้งนี้ ประเพณีการติดตั้งต้นคริสต์มาสและถ้ำพระกุมาร ณ จัตุรัสมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน เป็นพระดำริของ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งทรงให้ริเริ่มตั้งแต่ ค.ศ.1982

วาติกันเผยเอกสารที่คาร์ดินัลรัตซิงเกอร์ขอให้ลงโทษสงฆ์ที่ทำผิดร้ายแรง

Image
วาติกัน จัดการเปิดเผยเอกสารที่บ่งบอกว่า พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ หรือพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน เคยกดดันให้มีการลงโทษสงฆ์ที่ประพฤติผิดร้ายแรง อาทิ ล่วงละเมิดทางเพศ เนื่องจากเห็นว่า บทลงโทษในตอนนั้น มีกระบวนการช้าเกินไป และอาจก่อให้เกิดผลร้ายกับพระศาสนจักรได้ เอกสารที่ได้รับการเปิดเผย เป็นจดหมายที่ พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานสมณกระทรวงพระสัจธรรม (ดูแลความเชื่อ) ได้ส่งถึง พระคาร์ดินัล โฆเซ่ โรซาโล่ ลาร่า สมณชาวเวเนซุเอล่า ประธานสมณกรรมาธิการตีความฝ่ายนิติบัญญัติ ใจความว่า ขอให้รีบดำเนินการลงโทษสงฆ์ที่ประพฤติผิดวินัยร้ายแรง ด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้ พระคาร์ดินัลลาร่า จะเห็นด้วยกับคำขอของ พระคาร์ดินัลรัตซิงเกอร์ แต่ก็ไม่ได้ตอบสนองและนำไปดำเนินการ โดยให้เหตุผลว่า มันยุ่งยากเกินไป ก่อนจะเสนอให้สมณกระทรวงพระสัจธรรม ออกจดหมายย้ำเตือนพระสังฆราชตามสังฆมณฑลต่างๆใช้อำนาจที่ตนมี จัดการสงฆ์เหล่านั้น แทนการส่งคำร้องมายังสันตะสำนัก ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับการดำเนินการ สำหรับจดหมายฉบับนี้ พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ ส่งไปให้สมณ

วาติกันเล็งเปลี่ยน "รถโป๊ปโมบิล" ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังแสงอาทิตย์

Image
พระคาร์ดินัล โจวานนี่ ลาโยโล่ ประธานคณะสมณกรรมาธิการประจำนครรัฐวาติกัน เผย กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนของรถโป๊ปโมบิล จากน้ำมันมาเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบัน รถโป๊ปโมบิลซึ่งเป็นพาหนะของพระสันตะปาปาเวลาเสด็จออกมาทักทายสัตบุรุษ ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน แต่หลังจาก พระสันตะปาปาทรงมีพระดำริให้วาติกันเป็นนครรัฐที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นจากการติดแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์บนหนังคาอาคารต่างๆในวาติกัน ทำให้ฝ่ายบริหารนครรัฐ เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ที่จะปรับระบบขนส่งให้เป็นพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด โดยเริ่มจากพาหนะของพระสันตะปาปาซึ่งพระองค์ก็ทรงเห็นชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าเกิดรถโป๊ปโมบิลเปลี่ยนมาขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ความเร่งก็อาจตกลงได้ กระนั้น พระคาร์ดินัลลาโยโล่ ก็ย้ำว่า มันไม่ใช่ปัญหา หากมันไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม "มันไม่ใช่ปัญหาเลย เราไม่ได้สนใจเรื่องความเร็วของรถ แต่เราสนใจสิ่งแวดล้อมมากกว่า ถ้าเกิดเราปรับระบบรถพระสันตะปาปาเป็นพลังงานแสงอาทิตย

วาติกันย้ำถุงยางอนามัยใช้ได้กรณีที่ป้องกันเอดส์เท่านั้น

Image
บาทหลวง เฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ย้ำ พระศาสนจักรคาทอลิกมีมุมมองให้ใช้ถุงยางอนามัย ในกรณีป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น โดยการออกมากล่าวในครั้งนี้ ก็เพื่อให้ความกระจ่างกับพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ที่ทรงแสดงมุมมองว่า การใช้ถุงยางอนามัยเป็นเรื่องพอรับได้ในบางกรณี พระสันตะปาปาทรงให้สัมภาษณ์ ดร.ปีเตอร์ ซีวัลด์ นักข่าวชาวเยอรมัน ในหนังสือ "แสงสว่างส่องโลก : พระสันตะปาปา พระศาสนจักร และเครื่องหมายแห่งกาลเวลา" ในประเด็นมุมมองที่พระศาสนจักรคาทอลิก มีต่อการใช้ถุงยางอนามัยว่า "พระศาสนจักรคาทอลิกไม่เคยมองว่า มัน(ถุงยางอนามัย)คือคำตอบที่ถูกต้องทางศีลธรรม แต่ทว่าในบางกรณีก็อาจเป็นข้อยกเว้น อาทิ ผู้ขายบริการทางเพศที่ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ(เอชไอวี) รวมไปถึงรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนทำลงไป" ล่าสุด บทสัมภาษณ์นี้กำลังเป็นที่สนทนาในประเด็นระดับโลก ทำให้ คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ต้องออกมายืนยันให้ความกระจ่างว่า พระสันตะปาปามองการใช้ถุงยางอนามัย ในกรณีป้องกันโรคเอดส์เท่านั้น หากคิดจะใช้เพื่อป้องกัน

"พ่อลอมบาร์ดี้" ย้ำพระศาสนจักรต้องโปร่งใสและน่าเชื่อถือ

Image
คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ บอสใหญ่สื่อมวลชนวาติกัน ย้ำ พระศาสนจักรคาทอลิกต้องซื่อสัตย์และโปร่งใสเกี่ยวกับกรณีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ ชี้ การปกปิดเรื่องดังกล่าวส่งผลเสียหายใหญ่หลวงให้กับพระศาสนจักร ส่วน จอห์น เธวิส หัวหน้าผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ "คาทอลิก นิวส์ เซอร์วิส" ประจำกรุงโรม ยอมรับเป็นกังวลถึงขอบเขตการสื่อสารข่าวคาทอลิกที่จำกัดอยู่ในวงแคบ ขณะที่ โจวานนี่ เวียน บ.ก.ลอสแซร์วาตอเร่ โรมาโน่ หนังสือพิมพ์วาติกัน หวังเห็นสื่อมวลชนคาทอลิกรายงานข่าวสารบ้านเมืองบ้าง ไม่ใช่เจาะลึกแต่ข่าวคาทอลิกอย่างเดียว ทางด้าน คุณพ่อภราดร อุ่นจตุรพร สงฆ์ไทยที่ร่วมประชุม เผย คริสตังไทยทำหน้าที่เป็นประจักษ์พยานผ่านทางการเล่น "เฟซบุ๊ค" มากขึ้นเรื่อยๆ วันอังคารที่ 5 ตุลาคมซึ่งเป็นวันที่สองของการประชุมสื่อมวลชนคาทอลิกโลก ยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยวันนี้ หัวข้อการบรรยายในช่วงเช้า มีว่า "สื่อมวลชนคาทอลิกจะรายงานข่าวสู่สาธารณชนได้อย่างไร" โดยมีทีมวิทยากรได้แก่ คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ บอสใหญ่สื่อมวลชนวาติกัน, จอห์น เธวิส หัวหน้าผู้สื่อข่าวจากเว็บไซต์ "คาทอลิก นิวส์ เซอร์วิส"

วาติกันจัดประชุมสื่อมวลชนคาทอลิกโลก

Image
ที่ประชุมสื่อมวลชนคาทอลิกโลก ชี้ ปัญหางบประมาณ, คริสตังความเชื่อลดลง และการเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายขึ้นทำให้คนรู้เรื่องพระศาสนจักรแบบผิดๆ ล้วนเป็นปัญหาท้าทายสื่อมวลชนคาทอลิกเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกันนี้ ยังกระตุ้นสื่อคาทอลิกทุกสำนัก ช่วยกันปกป้องพระสันตะปาปาจากการถูกกล่าวหาแบบไม่เป็นธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา พระอัครสังฆราช เคลาดิโอ เชลลี่ ประธานสมณสภาสื่อสารสังคม ได้เป็นประธานเปิดการประชุมสื่อมวลชนคาทอลิกโลก ซึ่งจัดที่นครรัฐวาติกัน ระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคม 2010 โดยการประชุมดังกล่าว มีสื่อมวลชนคาทอลิกกว่า 250 คน จาก 89 ประเทศเข้าร่วม ในส่วนของประเทศไทย มีผู้แทนเข้าร่วมคือ คุณพ่ออนุชา ไชยเดช, คุณพ่อภราดร อุ่นจตุรพร และ คุณวัชรี กิจสวัสดิ์ ช่วงเริ่มต้นการประชุม พระอัครสังฆราชเชลลี่ ได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมสัมมนาในห้องประชุมนักบุญปีโอ ที่ 10 ใจความสำคัญว่า "สื่อมวลชนคาทอลิกต้องมีมุมมองที่ชัดเจน เกี่ยวกับพันธกิจและบทบาทของตนในพระศาสนจักรและสังคม เราต้องมองว่า เราจะทำอย่างไรในการช่วยผู้คนเผชิญหน้ากับความวิตกกังวล รวมถึงช่วยให้เขาค้นพบความต้องการแท้จริงบนแก่นของความเป็นคาทอลิก"

"เตเดสคี่" ยันธนาคารวาติกันโปร่งใสทุกเรื่อง

Image
ก็อตติ เตเดสคี่ ประธานธนาคารวาติกัน ยืนยัน ธนาคารไม่มีอะไรต้องปกปิดหรือหลบซ่อนการดำเนินงานทุกชนิด ย้ำชัด ตนจะทำทุกทางเพื่อพิสูจน์ความโปร่งใส และผลักดันธนาคารวาติกันให้พ้นมลทิน เผย เงิน 920 ล้านบาทที่ถูกโอนออกไปนั้น ลูกค้าจะนำไปลงทุนในพันธบัตรที่เยอรมนี ก็อตติ เตเดสคี่ ประธานสถาบันเพื่องานศาสนา (Institute for the Works of Religion) หรือชื่อที่รู้จักกันในวงการว่า "ธนาคารวาติกัน" ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ "อันเดรีย ตอร์นิเอลลี่" นักข่าวจอมเก๋าสายวาติกัน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินซึ่งธนาคารวาติกันกำลังถูกกล่าวหาอยู่นั้น โดย เตเดสคี่ กล่าวเสียงดังฟังชัดว่า ธนาคารวาติกันไม่มีความลับในการดำเนินงานและธุรกรรมทางการเงิน พร้อมกันนี้ ยังเปิดเผยด้วยว่า เงิน 23 ล้านยูโร ที่ถูกอายัดธนาคารกลางอิตาลีสั่งอายัด เป็นเงินของลูกค้าที่จะนำไปลงทุนในเยอรมนี หัวเรือใหญ่ธนาคารวาติกัน กล่าวกับ ตอร์นิเอลลี่ ว่า "ผมรู้สึกขมขื่นและด้อยค่ามาก เมื่อถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการฟอกเงิน 23 ล้านยูโร ผมเข้ามารับตำแหน่งประธานสถาบันเพื่องานศาสนา ได้ 1 ปีกว่า ผมพยายามทำงานทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความม

ช็อก!! ปธ.ธนาคารวาติกันโดนสอบคดีฟอกเงิน

Image
ช็อกกันถ้วนหน้า เมื่อ "ก็อตติ เตเดสคี่" ประธานธนาคารวาติกัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลี เรียกสอบฐานพัวพันการฟอกเงินในธนาคารวาติกัน ด้านแถลงการณ์จาก สำนักเลขาธิการนครรัฐวาติกัน ย้ำ ทุกอย่างโปร่งใส และมั่นใจ "ท่านประธาน" เป็นผู้บริสุทธิ์แน่นอน "ไร" สำนักข่าวชื่อดังของอิตาลี รายงานข่าวสุดช็อกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลี ได้เรียกตัว ก็อตติ เตเดสคี่ ประธานธนาคารวาติกัน มาทำการสอบสวน ในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฟอกเงินในธนาคารวาติกัน ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันอังคารที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา รายงานข่าวดังกล่าว แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดเงินจำนวน 23 ล้านยูโร (ประมาณ 920 ล้านบาท) ซึ่งถูกโอนจากธนาคารวาติกัน ไปยังธนาคารเครดิโต้ อาร์ติจาโน่ สปา เนื่องจากการโอนดังกล่าว ไม่ทำตามข้อกำหนดป้องกันการฟอกเงินที่ต้องเปิดเผยรายชื่อผู้โอนเงินและผู้รับเงิน เมื่อเป็นเช่นนี้ ธนาคารกลางของอิตาลีจึงสั่งระงับการทำรายการดังกล่าวโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเปิดเผยอีกว่า หากการโอนเงินนี้สำเร็จ ธนาคารเครดิโต้ อาร์ติจาโน่ สปา ก็จะโอนเงินอีกทอดไปไปยังธนาคารเจพี มอร์แกน สาขาประเทศเ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฉลองพระองค์ของพระสันตะปาปา

Image
  เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนที่ได้ติดตามข่าวการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ของบรรดาผู้นำจากประเทศต่าง ๆ ทางบล็อก http://catholicworldtour.spaces.live.com ได้สังเกตว่า สมเด็จพระสันตะปาปา จะทรงฉลองพระองค์แตกต่างกันอยู่สองแบบ แบบแรก พระองค์จะทรงสวมฉลองพระองค์ในชุด Cassock (ชุดยาวถึงข้อเท้า) ทรงสวม Zucchetto (หมวกเล็กเกาะแนบศีรษะ) ทรงห้อยไม้กางเขนทำด้วยโลหะมีค่า และทรงคาด Fascia (ผ้าคาดเอวมีชายปล่อยห้อยทางด้านซ้าย มีลายปักพระลัญจกร - ตราประจำพระองค์ - อยู่ตรงปลาย) ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสีขาว ซึ่งเป็นสีประจำฉลองพระองค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ยกเว้นแต่ ฉลองพระบาท (Papal Shoes) ที่ทรงสวมที่เป็นสีแดง (รูปที่นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่นและประเทศแคนาดาเข้าเฝ้า) นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่นเข้าเฝ้า   นายกรัฐมนตรีของประเทศแคนาดาเข้าเฝ้า แบบที่สอง เป็นการทรงฉลองพระองค์เพิ่มเติมจากแบบแรก โดยสมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงสวม Rochet (เสื้อมีแขนยาวเพียงเข่า ประดับลูกไม้ที่ปลายแขนและชายเสื้อ) สีขาว และ Mozzetta (เสื้อคลุมไหล่ยาวเพียงข้อศอก/เสื้อคุลมเล็ก) สีแดง ซึ่งแบบที่สองนี้เรียกว่า “Choir Dres