สัมภาษณ์โป๊ปบนเครื่องบิน - อเมริกา เกาหลีเหนือ และชาติเกี่ยวข้องต้องเจรจาสันติภาพโดยด่วน

  • สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องอเมริกา เกาหลีเหนือ และนานาชาติ หาทางเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีโดยเร็ว พร้อมแนะ นอร์เวย์ เป็นอีกประเทศที่พร้อมเป็นคนกลางช่วยเจรจา ส่วนสหประชาชาติต้องเข้ามามีบทบาทมากกว่านี้ เพราะตอนนี้มีบทบาทน้อยมาก 

  • ทรงเผย โดนัลด์ ทรัมพ์ ไม่เคยยื่นเรื่องขอเข้าพบ ถ้ายื่นเรื่องมา พระองค์ยินดีเจอแน่นอนเหมือนที่ปฎิบัติกับผู้นำประเทศอื่นๆ 

  • ทรงยืนยัน ไม่ใส่ใจคำพูดที่ว่า "พระสันตะปาปาเข้าข้างรัฐบาลนั้นหรือรัฐบาลนี้" เพราะสิ่งที่ใส่ใจมากกว่าคือรัฐบาลนั้นๆ ชี้นำค่านิยมที่ดีต่อประชาชนหรือไม่ 

  • ทรงชี้ มันไม่มีงานคริสตศาสนสัมพันธ์ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ หน้าที่ของนักเทวศาสตร์คือศึกษากันต่อไป แต่มันไม่สามารถหาข้อสรุปแบบดีกับทุกฝ่ายได้หรอก ถ้าพวกเราประชากรของพระเจ้าไม่ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน





สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้สัมภาษณ์บรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จไปทำข่าวการเยือนอียิปต์ ระหว่างเที่ยวบินกลับจากกรุงไคโรไปยังกรุงโรม รายละเอียดของการสัมภาษณ์มีดังต่อไปนี้

นักข่าว: พระสันตะปาปาครับ พระดำรัสแรกที่พระองค์ตรัสที่อัลอัซฮัร พระองค์พูดว่าทุกคนต้องร่วมกันเป็นผู้สร้างสันติ พระองค์ทรงพูดว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 เริ่มจะก่อตัวทีละนิดแล้ว วันนี้ มันมีความกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดในเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีทรัมพ์ส่งเรือรบไปแล้ว ส่วนผู้นำเกาหลีเหนือขู่ว่า จะบอมบ์เกาหลีใต้ พระองค์มีอะไรจะกล่าวกับ ทรัมพ์ และผู้นำคนอื่นๆ ไหมครับ

พระสันตะปาปา: พ่อขอเรียกร้องพวกท่านเหล่านั้นให้ทำงานแก้ปัญหาผ่านทางการทูต งานนี้มีผู้ช่วยและคนพร้อมเป็นสื่อกลางที่จะให้การเจรจาก้าวไปข้างหน้า ตัวอย่างเช่น นอร์เวย์ ที่พร้อมช่วยเสมอ วิธีการก็คือการเจรจาและหาทางออกผ่านการทูต เรื่องสงครามโลกที่ค่อยๆ เกิดทีละนิด พ่อพูดมาแล้ว 2 ปี ตอนนี้มันขยายวงกว้างและร้อนระอุมาก เรื่องขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้ถูกพูดมาป็นปีแล้ว และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันร้อนระอุจริงๆ พ่อจึงเรียกร้องให้มีการเจรจาเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ หยุดเถอะแล้วแสวงหาทางออกทางการทูต พ่อเชื่อว่าสหประชาชาติมีหน้าที่ต้องใช้ความเป็นผู้นำของตนทำอะไรสักอย่าง เพราะว่าตอนนี้ สหประชาชาติดูมีบทบาทน้อยมาก

นักข่าว: พระองค์ต้องการจะพบกับประธานาธิบดีทรัมพ์ หรือไม่

พระสันตะปาปา: พ่อยังไม่ได้รับแจ้งคำขอเข้าพบ (จาก ทรัมพ์) ผ่านเลขาธิการนครรัฐวาติกัน แต่พ่อจะต้อนรับผู้นำประเทศทุกประเทศที่มาขอเข้าพบ

นักข่าว: เมื่อวานนี้ พระองค์พูดถึงเรื่องสันติภาพ ความเจริญ และการพัฒนาว่าต้องแลกมาด้วยการเสียสละ พระองค์บอกว่ามันสำคัญมากที่ต้องเคารพสิทธิที่จะแยกออกจากตัวบุคคลไม่ได้ แบบนี้ พระองค์ทรงสนับสนุนรัฐบาลอียิปต์ที่กำลังปกป้องชาวคริสต์อยู่ใช่ไหม

พระสันตะปาปา: พ่อเดินทางเยือนต่างประเทศแล้ว 18 ครั้งในสมณสมัย ในหลายประเทศ พ่อได้ยินคนพูดกันว่า 'พระสันตะปาปาสนับสนุนรัฐบาลนั้น รัฐบาลนี้' แต่รัฐบาลมีข้อเสียหรือมีฝ่ายตรงข้ามที่จะพูดในสิ่งที่แตกต่างออกไป พ่อไม่ขอก้าวก่าย พ่อพูดถึงค่านิยม ทุกคนได้เห็นและตัดสินเองว่า รัฐบาลหรือประเทศนั้นนำพาค่านิยมนี้ไปข้างหน้าหรือไม่

นักข่าว: พระองค์พูดที่อัลอัซฮัรเกี่ยวกับประชานิยมแบบปลุกปั่น ตอนนี้ คาทอลิกฝรั่งเศสกำลังถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายระหว่างผู้สมัครสองคน พระองค์ทรงมีคำแนะนำเรื่องการแยกแยะให้กับผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่เป็นคาทอลิกไหม

พระสันตะปาปา: พ่อต้องมาเรียนรู้คำว่าประชานิยมในทวีปยุโรปใหม่ซ้ำอีกครั้ง เพราะในลาตินอเมริกา คำว่า ประชานิยม มีความหมายแตกต่างจากในยุโรป ปัญหาของทวีปยุโรปพ่อจะไม่พูดซ้ำ เพราะพูดไปแล้ว 4 ครั้ง พ่อไม่รู้เรื่องการเมืองภายในประเทศต่างๆ แต่มันเป็นความจริงว่า ยุโรปกำลังตกอยู่ในอันตรายของการแตกจากกัน สำหรับฝรั่งเศส พ่อตอบตามจริงเลยว่า พ่อไม่เข้าใจเรื่องการเมืองภายในของฝรั่งเศส พ่อพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ส่วนเรื่องผู้สมัครรับเลือกตั้งสองคนนั้น พ่อไม่รู้เรื่องราวของพวกเขา ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน พ่อรู้แค่ว่าคนหนึ่งคือตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่พ่อไม่รู้ว่าเขามาจากไหน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าพ่อแสดงความคิดเห็นไม่ได้

นักข่าว: หลายวันก่อน พระองค์ตรัสว่าผู้ลี้ภัยในยุโรปเหมือนอยู่ใน 'ค่ายกักกัน' สำหรับผมซึ่งเป็นนักข่าวชาวเยอรมัน มันดูหนักหนามาก บางคนบอกว่าพระองค์พูดผิด

พระสันตะปาปา: ก่อนอื่นเลย พ่ออยากย้ำเตือนทุกสิ่งที่พ่อพูดออกไป พ่อพูดเกี่ยวกับประเทศในยุโรปที่ใจกว้างมาก พ่อพูดชื่อว่าอิตาลีและกรีซ ส่วนเยอรมนี พ่อชื่นชมความสามารถของชาวเยอรมันในการผสมผสานความหลากหลายเข้าด้วยกัน ตอนที่พ่อเรียนหนังสือที่เยอรมัน มีชาวเติร์ก (ตุรกี) ที่ได้รับการหลอมรวมเข้ากับสังคมเยอรมันที่เมืองแฟร้งเฟิร์ต แต่พ่อไม่ได้พูดผิดนะ มันมีค่ายผู้ลี้ภัยที่เป็นค่ายกักกันอย่างแท้จริง บางค่ายอยู่ในอิตาลีและที่อื่นๆ ลองคิดดูซิว่าผู้คนจะทำอะไรเมื่อพวกเขาถูกขังไว้ในทุ่งกว้างโดยไม่สามารถออกไปไหนได้

นักข่าว: ดิฉันอยากทราบว่า สิ่งใดคือความคาดหวังจากความสัมพันธ์กับพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งรัสเซียและพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ค็อปติก การยอมรับเรื่องศีลล้างบาปเดียวกันเป็นเรื่องสำคัญมาก นอกจากนี้ พระองค์ทรงประเมินความสัมพันธ์ระหว่างวาติกันกับรัสเซียอย่างไรในเรื่องการปกป้องคริสตชนในตะวันออกกลางและซีเรีย

พระสันตะปาปา: กับพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ พ่อมีมิตรภาพที่ดีมากกับพวกเขา ตอนอยู่ที่บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ทุกปีช่วงคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม) พ่อจะไปร่วมภาวนาตอนเย็นที่อาสนวิหารของออโธด็อกซ์ ตอนนี้ พระอัยกาที่พ่อรู้จักได้ย้ายไปอยู่ที่ยูเครนแล้ว การภาวนาเย็นใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที พวกเขาภาวนาในภาษาของตนซึ่งพ่อไม่เข้าใจหรอก หลังการภาวนา พ่อไปทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเขา พวกเราคาทอลิกและออโธด็อกซ์เป็นพี่น้องกัน บางครั้งพวกเขามายังสำนักงานของคาทอลิกเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนพระศาสนจักรค็อปติก โป๊ปทาวาดรอส ที่ 2 พ่อก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่าน นี่คือบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ท่านคือพระอัยกาที่นำพาพระศาสนจักรก้าวไปข้างหน้าด้วยการให้พระนามของพระเยซูนำทาง สมัยที่ท่านเป็นพระสังฆราชในเมืองที่ห่างไกลของอียิปต์ ท่านมักจะนำอาหารไปมอบให้ผู้พิการเสมอ ส่วนเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันในศีลล้างบาปก็เดินต่อไป มันชัดเจนอยู่แล้ว ... มันไม่มีคริสตศาสนสัมพันธ์ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ นักเทวศาสตร์ต้องศึกษากันต่อไป แต่มันไม่สามารถหาข้อสรุปแบบดีกับทุกฝ่ายได้หรอกถ้าหากเราไม่ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน สำหรับความสัมพันธ์กับพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งรัสเซียก็เป็นไปด้วยดี ส่วนประเทศรัสเซีย พ่อรู้ว่าประเทศรัสเซียพูดว่าจะปกป้องคริสตชนในตะวันออกกลาง พ่อคิดว่านี่เป็นสิ่งดีที่พูดต่อต้านการเบียดเบียนคริสตชน เพราะทุกวันนี้เรามีมรณสักขีมากกว่าพระศาสนจักรยุคแรกด้วยซ้ำ