Posts

Showing posts from November, 2016

โป๊ปฟรังซิส - การเป็นคนสุภาพถ่อมตนคือการเลิกนิสัยพูดจาให้ร้ายใส่ความคนอื่น

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ การเป็นคนสุภาพถ่อมตนคือการเลิกนิสัยพูดจาให้ร้ายใส่ความคนอื่น แต่จงรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยใจจริง  ทรงย้ำ พระเจ้าทรงพอพระทัยผู้ที่สุภาพถ่อมตน แต่ต้องเป็นความสุภาพถ่อมตนที่เกิดจากใจ ไม่ใช่แกล้งทำตัวว่าสุภาพเพื่อหวังผลบางอย่าง  ทรงสอน ความสุภาพถ่อมตนที่แท้จริงคือการดำเนินชีวิตด้วยการนบนอบเชื่อฟังพระเจ้า นอกจากนี้ ยังหมายถึงการยำเกรงพระเจ้า แต่ไม่ใช่ยำเกรงเพราะกลัวว่าพระเจ้าจะลงโทษเรา  ช่วงสายวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงสรรเสริญพระบิดาว่า "ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเผยแสดงให้คนต่ำต้อย" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พวกเราต้องไม่โฟกัสเรื่องการแสดงตัวให้ดูสุภาพถ่อมตน แต่เราต้องทำตัวให้สุภาพถ่อมตนและเดินอยู่ในการประทับอยู่ของพระเจ้า การเป็นคนสุภาพถ่อมตนคือจงเลิกนิสัยพูดจาให้ร้ายใส่ความคนอื่น แต่จงสนใจแต่การรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยใจจริง - พระวรสารวันนี้ พระเย

โป๊ปฟรังซิส - อย่าปล่อยให้วัตถุทางโลกครอบงำเราในช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน อย่าปล่อยให้วัตถุทางโลกครอบงำเราในช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เพราะถ้าเราปล่อยให้วัตถุเข้าครอบงำ เราจะไม่รู้สึกถึงความสำคัญของการได้พบกับพระเจ้า  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้เป็นอาทิตย์ที่หนึ่งในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงสอนว่า "จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่มิได้นัดหมาย" พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - การเสด็จมาของพระเจ้ามี 3 แบบ แบบแรกคือในอดีต พระเจ้าเสด็จมาแบบพระวจนาตถ์ที่รับสภาพมนุษย์ในการบังเกิดของพระเยซูช่วงคริสต์มาส แบบที่สองคือปัจจุบัน พระเยซูเสด็จมาหาเราอย่างต่อเนื่องทุกวัน และแบบสุดท้ายคืออนาคต เมื่อพระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งในพระสิริรุ่งโรจน์เพื่อพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย - เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเชิญชวนเราให้ไตร่ตรองบนสิ่งที่ตรงข้ามกันระหว่างชีวิตประจำวันกับสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเจ้า พระวรสารวันนี้ไม

โป๊ปฟรังซิส - การแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ คือหายนะร้ายแรงสุดในพระศาสนจักร

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน การแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์ คือหายนะร้ายแรงสุดในพระศาสนจักร ถ้าความก้าวหน้าไม่ใช่เรื่องเงิน ก็เป็นเรื่องอำนาจและความทะนงตน  ทรงย้ำ การที่พระสงฆ์บางคนดูแลสัตบุรุษร่ำรวย แบบ "สัตบุรุษเฟิร์สคลาส" และพยายามหาจังหวะแต่งตั้งคนรวยให้มีสถานะสำคัญ อาทิ "สังฆานุกร" การทำแบบนี้ไม่ต่างจากการแสวงหาความก้าวหน้าจากการเป็นสงฆ์  ทรงชี้ เมื่อฆราวาสมีบทบาทเข้มแข็งและเริ่มเป็นแนวหน้าในการแพร่ธรรม คนแรกที่จะรู้สึกอึดอัดก็คือสงฆ์บางคน ถ้าพระสงฆ์มัวแต่ทำตัวรีบๆ และหมกมุ่นกับปัญหาการบริหารจัดการ ที่นั่นจะไม่มีกระแสเรียกของการเป็นสงฆ์ พึงระลึกว่า ความล้มเหลวในการส่งเสริมกระแสเรียกในท้องถิ่นหมายถึงการฆ่าตัวตายชัดๆ  ทรงตั้งข้อสังเกตหลักสูตรฝึกอบรมเตรียมเป็นพระสงฆ์ ยังขาดเรื่อง "การวินิจฉัยแยกแยะให้เป็น" ผลที่ตามมาคือพระสงฆ์หลายคนมองสิ่งต่างๆ แค่ "ขาวหรือดำ" เท่านั้น  ทรงแบ่งปัน แม้แต่คนที่มีเจตนาร้ายที่สุดวิจารณ์พระสันตะปาปา มันก็มีประโยชน์เช่นกัน เพราะมันทำให้พระองค์ได้คิดไตร่ตรองคำวิจารณ์ ถ้าเราไม่สนใจคำวิจ

โป๊ปฟรังซิส - วิธีหลุดพ้นจากการล่อลวงของปีศาจคืออย่าไปคุยกับมัน

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ วิธีการหลุดพ้นจากการหลอกลวงของปีศาจคืออย่าไปคุยกับมัน เหมือนที่พระเยซูทรงทำให้เห็นตอนจำศีลในถิ่นทุรกันดาร  ทรงสอน มันเป็นการดีที่จะเรียกพระองค์ด้วยความสุภาพว่า 'พระเจ้า' ส่วนที่เหลือนั้น พระเจ้าจะจัดการทุกสิ่งเพื่อเราเอง ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือวิวรณ์ เป็นเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้ายที่เกี่ยวกับทูตสวรรค์จับงูดึกดำบรรพ์ (ซาตาน) แล้วล่ามโซ่ไว้ ก่อนจะโยนลงในบาดาลแล้วขังไว้ เพื่อไม่ให้มันออกมาหลอกลวงนานาชาติให้หลงผิดไป พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - ซาตานคือคนโกหก มันเป็นยิ่งกว่าบิดาแห่งการโกหก มันสร้างเรื่องโกหกและมันคือคนโกง ซาตานทำให้เราเชื่อว่าถ้าเรากินแอปเปิ้ล เราจะเป็นเหมือนพระเจ้า ซาตานหลอกขายเรื่องโกหกแบบนี้ให้เรา และเราก็หลงไปซื้อมันจนได้ ซาตานหลอกลวงและทำลายชีวิตของเรา - บางคนอาจถามพ่อว่า 'พระสันตะปาปาครับ เราจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากการหลอกลวงของปีศาจ' พระเยซูสอนเราว่าอย่างไร พระองค์สอนว่า '

โป๊ปฟรังซิส - การโกงคือการใช้ชีวิตดูหมิ่นพระเจ้า เราเป็นคนบาป แต่ต้องไม่เป็นคนโกง

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การโกงคือวิถีทางดำเนินชีวิตที่ดูหมิ่นพระเจ้า คนโกงจะนับถือเทพแห่งเงินตรา เขาจะกินอยู่อย่างหรูหราผ่านทางการแสวงหาผลประโยชน์จากคนอื่น  ทรงย้ำ เราต้องยอมรับว่าเราเป็นคนบาป แต่เราต้องไม่เป็นคนโกง ทรงชี้ เสียงของพระเจ้าเบามากเหมือนเสียงกระซิบ เฉกเช่นที่พระองค์ตรัสกับประกาศกเอลียาห์ ดังนั้น เราต้องตั้งใจฟังเสียงของพระเจ้าให้ดี ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือวิวรณ์ เป็นเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้ายที่เกี่ยวกับการถล่มของนครบาบิโลน เมืองของคนบาป พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - นครบาบิโลนเป็นเมืองของการโกงและบาปผิดต่างๆ การโกงคือแนวทางการดำเนินชีวิตที่ดูหมิ่นพระเจ้า การโกงคือภาษาของเมืองบาบิโลนและการดำเนินชีวิตแบบจิตตารมณ์ทางโลก การโกงคือรูปแบบของการดูหมิ่นว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้า แต่คนที่ดำรงอยู่ในโลกของการโกงคือเจ้าแห่งเงินตราและการกินอยู่อย่างอู้ฟู่ผ่านทางการแสวงหาผลประโยชน์จากคนอื่น - จิตตารมณ์ทางโลกเช่นนี้ล่อลวงเรา มันทำให้บาบิโลนต้องถ

โป๊ปฟรังซิส - การสงสัยความเชื่อเป็นเรื่องดี แต่ข้อแม้คือเราต้องเอาชนะความสงสัยให้ได้

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยอมรับ พระองค์ก็เหมือนคนทั่วไปที่มีความสงสัยในความเชื่อต่อพระเจ้า แต่นี่เป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้เรายืนหยัดในความเชื่อนี้ได้ลึกซึ้งมากขึ้น  แต่มีข้อแม้ว่า เราต้องเอาชนะความสงสัยนี้ให้ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องฟังพระวาจาของพระเจ้าและเข้าใจในสิ่งที่พระคัมภีร์สอน  ทรงสอน เราต้องไม่ทำให้ความเชื่อในพระเจ้ากลายเป็นทฤษฎีที่จับต้องไม่ได้ เพราะความเชื่อกลายเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้ ความสงสัยในพระเจ้าจะเพิ่มทวีขึ้นอีกมากทีเดียว  ช่วงสายวันพุธที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปายังคงสอนเรื่องงานเมตตา แม้จะปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมไปแล้วก็ตาม วันนี้เป็นหัวข้อ "การสอนผู้ที่ไม่รู้(จักพระเจ้า)" และ "การชี้แนะต่อความสงสัยต่างๆ" พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมจบไปแล้ว ทุกสิ่งกลับสู่สภาวะปกติ แต่การไตร่ตรองบางอย่างยังคงมีต่อไปตามแนวทางของงานแห่งความเมตตา งานทั้งสองน

โป๊ปฟรังซิส - ถ้าเราเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าจนวาระสุดท้ายของชีวิต เราจะไม่กลัวความตาย

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ถ้าเราเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าจนวาระสุดท้ายของชีวิต เราจะไม่กลัวความตาย เพราะเมื่อตายไป เราจะไปสู่วันพิพากษา ซึ่งพระเจ้าจะประทานมงกุฎแห่งชีวิตให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์  ทรงแบ่งปัน ตอนเป็นเด็กและเรียนคำสอน คุณพ่อที่สอนมักขู่ให้กลัวเรื่องวันพิพากษาครั้งสุดท้าย แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่เราหนีไม่พ้น คนที่ต้องกลัวการพิพากษาคือคนที่ดำเนินชีวิตถอยห่างจากพระเจ้า  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือวิวรณ์ เป็นเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้าย ส่วนพระวรสารเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูตรัสถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายว่า "จะมีคนพูดว่าฉันคือพระคริสต์ ท่านจงอย่าตามเขาไป อย่าให้ใครมาหลอกลวงท่านได้" พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - วันนี้ พวกเรามาถึงสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรม  บทอ่านวันนี้ เราได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้าให้คิดเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของชีวิตและวาระสุดท้ายของเราแต่ละคน เพราะเราทุกคนต้องตาย จริงอยู่เราไม่ชอบคิดว่าเรากำลังจะตาย แต่นี่คือความจริงที่

โป๊ปฟรังซิสขยายเวลาให้สงฆ์คาทอลิกยกโทษบาปทำแท้งได้ - ประกาศให้วันอาทิตย์รองสุดท้ายของปีพิธีกรรมเป็นวันเพื่อผู้ยากไร้

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกสารอภิบาลชื่อว่า "Misericordia et misera" (ความเมตตาและความทุกข์ระทม) โอกาสสิ้นสุดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม รายละเอียดสำคัญ มีดังต่อไปนี้ 1) คำสอนเรื่องความเมตตาในพระวรสาร ต้องนำทางเราต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้แค่จบลงที่ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม 2) ในความสว่างของพระหรรษทานอันยิ่งใหญ่ในความเมตตาที่เราได้รับตลอดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม สิ่งแรกที่เราต้องทำคือขอบคุณพระเจ้าสำหรับของขวัญชิ้นนี้ จากนั้น เราต้องก้าวไปข้างหน้าและเฉลิมฉลองความเมตตานี้ เฉพาะอย่างยิ่งในพิธีกรรมต่างๆ ของพระศาสนจักร รวมทั้งในพิธีมิสซา และศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดีและศีลเจิมคนไข้ 3) พระสันตะปาปากำลังคิดอยู่ว่าจะจัดวันที่ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้าลงในปฏิทินพิธีกรรมอย่างไรดี พร้อมกันนี้ ทรงเรียกร้องคริสตชนให้ร่วมกันรื้อฟื้นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดีว่าเป็นศูนย์กลางของชีวิตคริสตชน 4) พระสันตะปาปาทรงขยายระยะเวลาให้กับ "สงฆ์คาทอลิกทุกคนสามารถยกโทษบาปการทำแท้งได้ จากเดิมที่จะจบลงแค่ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม อำนาจนี้จะสิ้นสุดลงเมื่

โป๊ปฟรังซิส - พ่อเป็นโรคภูมิแพ้พวกประจบสอพลอ มันเป็นเรื่องน่าละอาย

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้สัมภาษณ์พิเศษ พระองค์เป็นโรคภูมิแพ้พวกขี้ประจบ การประจบสอพลอเป็นเรื่องน่าละอาย เพราะมันคือการใช้คนอื่นเพื่อปกปิดความต้องการแท้จริงของเราในการได้รับอะไรบางอย่าง  ทรงย้ำ พระองค์เฉยๆ และไม่คิดมากเวลามีคนพูดจาให้ร้ายหรือนินทา เพราะรู้ว่าตนเองเป็นคนบาปอยู่แล้ว  ทรงชี้ เงินคือศัตรูที่น่ากลัวสุดต่อพระเจ้า เส้นทางสุดโปรดที่ปีศาจเจาะเข้ามาล่อลวงมนุษย์คือ "กระเป๋าสตางค์" พระเยซูถึงเตือนเราว่า จะรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมกันไม่ได้  ทรงแบ่งปัน พระสันตะปาปาก็เจอปีศาจประจญเช่นกัน มันชอบล่อลวงให้พระองค์ไม่อดทน เห็นแก่ตัว และบางครั้งชวนให้พระองค์ขี้เกียจ  ทรงเผย สวดขอพระเจ้าทุกวันให้พระองค์เป็นคนอารมณ์ดีและหัวเราะบ่อยๆ เพราะการเป็นคนอารมณ์ดีคือคติในการดำเนินชีวิตของพระองค์   ทรงเล่าเคล็ดลับการเป็นคนสุขภาพแข็งแรงทั้งที่อายุจะ 80 แล้ว สิ่งนี้เกิดจาก "การเป็นคนหลับลึก หลับสนิท 6 ชั่วโมงต่อคืน หลับเป็นตายยังกะท่อนไม้" ยิ่งวันที่มีแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในอิตาลี คนในกรุงโรมตื่นกลางดึกเพราะสัมผัสแรงสะเทือนที่รุนแรง แต่พระองค์นอนหล

โป๊ปฟรังซิสปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ ย้ำแม้ประตูนี้ปิดลง แต่หัวใจพระเยซูยังเปิดเพื่อเราเสมอ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ แม้ประตูศักดิ์สิทธิ์จะปิดลง แต่หัวใจของพระเยซูซึ่งเป็นประตูแห่งความเมตตาที่แท้จริงยังคงเปิดให้เราเสมอ  ทรงสอน การท้าทายและล่อลวงพระเจ้าให้ลงจากกางเขน เป็นสิ่งชั่วร้ายมาก เราต้องอย่าล่อลวงพระเจ้า เพราะนี่คือนิสัยปีศาจที่ทำตั้งแต่สมัยสร้างโลก  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม จากนั้น ทรงถวายมิสซาสมโภชพระคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พร้อมกับบรรดาพระคาร์ดินัลใหม่ 16 คน ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารมิสซานี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกตรึงร่วมกับโจรอีก 2 คน มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - บนไม้กางเขน เราได้เห็นธรรมชาติความเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของพระเยซู พระองค์ไม่อวดอำนาจของตนเอง พระองค์ดูเหมือนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มากกว่าเป็นผู้ชนะ ความยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ของอาณาจักรพระเจ้าไม่ได้อยู่ที่อำนาจซึ่งโลกนี้มอบให้ แต่มันอยู่ที่ความรักของพระเจ้าต่างหาก ความรักที่สามารถเผชิญหน้าและรักษาทุกสิ่ง - กษัตริย์ของเราจบชีวิตบนโลกเพื่อช่วย

โป๊ปฟรังซิส - จงระวังไวรัสของการแบ่งฝ่ายและความเกลียดชังที่แทรกซึมในหมู่พระคาร์ดินัลหรือพระสงฆ์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำเตือน ในหมู่พระคาร์ดินัลหรือพระสงฆ์ มีไวรัสของการแบ่งฝ่ายและความเกลียดชังแทรกซึมอยู่ สิ่งนี้ทำลายความหลากหลายในพระพรของพระศาสนจักร  ทรงชี้ น่าเศร้าที่โลกยุคนี้มีความแตกแยกออกเป็นสองขั้ว และเศร้ายิ่งกว่าที่เรามองว่า การกีดกันคนออกจากสังคมเป็นหนทางแก้ความขัดแย้ง  ทรงสอน ปฏิกิริยาโต้ตอบศัตรูของเราคือ "ให้ร้ายและยัดเยียดให้ศัตรูเป็นปีศาจไว้ก่อน" เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมขับไล่พวกเขา แต่นี่เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับพระเยซูสอน พระองค์สอนเราว่า จงรักศัตรู จงทำดีกับคนที่เกลียดท่าน จงอวยพรคนที่สาปแช่งท่าน และจงภาวนาให้คนที่ทำร้ายท่าน  หลังพิธีจบลง พระสันตะปาปาทรงเชิญพระคาร์ดินัลใหม่ ไปเยี่ยมคำนับสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ในอารามมารดาพระศาสนจักรด้วย ช่วงสายวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ 17 คน โดย 13 คน อายุต่ำกว่า 80 ปีและมีสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป ส่วนอีก 4 คน อายุมากกว่า 80 ปีและจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมพระสันตะป

โป๊ปฟรังซิส - บางคนมองสิ่งต่างๆ แค่ดำหรือขาวเท่านั้น แต่ไม่แยกแยะสาเหตุที่มาที่ไป

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงตอบนักข่าวที่ถามเรื่องพระคาร์ดินัลสายอนุรักษ์นิยม 4 คน ซึ่งข้องใจเนื้อหาในสมณสาส์น Amoris Laetitia (ความชื่นชมยินดีแห่งความรัก) โดยตรัสว่า บางคนตีความสิ่งต่างๆ แค่ปลายทางว่าถูกหรือผิด แต่ไม่วิเคราะห์เส้นทางนั้นว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น  ทรงย้ำ ความเมตตาเป็นจุดอ่อนของพระเจ้า พระองค์ทรงเมตตาเราเสมอ เราทำผิดและขอโทษพระเจ้า พระองค์ก็ให้อภัยและไม่จดจำความผิดของเรา  ทรงชี้ มะเร็งร้ายในพระศาสนจักรคือพวกที่ตั้งใจแสวงหาอำนาจและหวังจะได้รับการยกย่องจากสถานะในพระศาสนจักร คนพวกนี้ใช้พระศาสนจักรเป็นเครื่องมือเพิ่มความทะเยอทะยาน ถ้าเป็นแบบนี้ จุดจบของพระศาสนจักรคือความแตกแยก สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้สัมภาษณ์กับ "สเตฟาเนีย ฟาลาสก้า" นักข่าวจาก "อัฟเวนิเร" หนังสือพิมพ์คาทอลิกของอิตาลีในหลายหัวข้อ อย่างไรก็ตาม Pope Report สรุปประเด็นที่น่าสนใจมา 3 หัวข้อ ดังต่อไปนี้ กรณีที่พระคาร์ดินัลสายอนุรักษ์นิยม(กึ่งสุดขั้ว) 4 คน ได้แก่ พระคาร์ดินัล เรย์มอนด์ เบิร์ก (อเมริกัน), พระคาร์ดินัล คาร์โล กัฟฟาร์ร่า (อิตาลี), พระคาร์ดินัลโยอาคิ

โป๊ปฟรังซิส - สัตบุรุษจะไม่ยกโทษให้สงฆ์ที่ยึดติดกับเงินและข่มเหงพวกเขา

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ สัตบุรุษจะไม่ยกโทษให้สงฆ์ที่ยึดติดกับเงินและข่มเหงพวกเขา  ส่วนบาปและความผิดที่เกิดจากความอ่อนแอตามประสามนุษย์ที่พระสงฆ์ทำ สัตบุรุษอาจประณามพระสงฆ์ แต่สุดท้าย พวกเขาพร้อมให้อภัย  ทรงชี้ การยึดติดกับเงินจะทำให้สงฆ์กลายเป็นหัวหน้าบริษัทและทำตัวเป็นเจ้าชาย ผลที่ตามมาคือเขาจะไม่หยุดกับเงินที่มี แต่จะต้องไขว่คว้าให้ได้มากขึ้นไปอีก  ทรงแบ่งปัน น่าเศร้าถ้าต้องเห็นฉากจบชีวิตพระสงฆ์ที่ยึดติดกับเงินและกำลังจะตาย จะมีญาติที่มารอเฝ้าข้างเตียง แต่คิดในใจว่า "เราจะเอาสมบัติอะไรได้บ้าง" ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงขับไล่พวกพ่อค้าออกจากพระวิหาร พร้อมตรัสว่า คนพวกนี้กำลังจะทำให้บ้านของพระเจ้ากลายเป็นซ่องโจร พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - การกระทำของพระเยซูช่วยเราเข้าใจว่า ที่ไหนที่มีเมล็ดพันธุ์ของพวกต่อต้านพระคริสตเจ้าอยู่ด้วย ที่นั่นจะมีเมล็ดพันธุ์ของศัตรูซึ่งทำลายพระอาณาจักรของพระองค์ และสิ่งนั้นก็คือกา

โป๊ปฟรังซิส - นักธุรกิจอย่าใช้เงินครอบงำคนอื่น แต่จงใช้เงินเพื่อรับใช้สังคม

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน นักธุรกิจต้องใช้เงินเพื่อรับใช้สังคม ไม่ใช้ใช้เงินเพื่อปกครองคนอื่น ทรงย้ำ การโกงคือโรคระบาดที่เลวร้ายสุดในสังคม ความพยายามและจุดเริ่มต้นที่จะโกง เกิดจากการบูชาเงินเป็นพระเจ้า  ทรงหวังเห็นนายจ้างและลูกจ้างเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันและเห็นอกเห็นใจกัน วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้โอวาทกับนักธุรกิจคาทอลิก ที่มาร่วมการประชุมของสมณสภาเพื่อยุติธรรมและสันติ ใจความว่า 1) การใช้เงินในทางที่ถูกต้อง - เงินเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ยากที่สุดเกี่ยวกับการตระหนักด้านศีลธรรม นักธุรกิจต้องใช้เงินเพื่อรับใช้สังคม ไม่ใช้ใช้เงินเพื่อปกครองคนอื่น 2) ความซื่อสัตย์ - การโกงคือโรคระบาดที่เลวร้ายสุดในสังคม ความพยายามและจุดเริ่มต้นที่จะโกง เกิดจากการบูชาเงินเป็นพระเจ้า นักธุรกิจจะต้องไม่เป็นเช่นนั้น เราต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์และไม่บูชาเงินเป็นพระเจ้า 3) ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน - ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างควรได้รับการเคารพและเรียกร้องทุกฝ่ายให้ตระหนักถึงสิ่งนี้ เช่นเดียวกัน กา

โป๊ปฟรังซิส - พระเจ้าเสด็จมาหาเราทุกวัน แต่เราตระหนักถึงเสียงเรียกของพระเจ้าในใจเราหรือเปล่า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน พระเจ้าเสด็จมาหาเราทุกวัน แต่เราตระหนักถึงเสียงเรียกของพระเจ้าในใจเราบ้างหรือเปล่า  ทรงย้ำ เราต้องอย่าเป็นแบบชาวกรุงเยรูซาเล็มที่ไม่ตระหนักว่าพระเจ้ากำลังจะเสด็จมาเยี่ยม พระเยซูจึงร้องไห้ต่อบาปที่พวกเขาทำ  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา วันนี้ตรงกับวันระลึกถึงนักบุญเอลิซาเบ็ธแห่งฮังการี่ ราชินีผู้อุทิศตนช่วยเหลือคนยากไร้ พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงร้องไห้ให้กับบาปของกรุงเยรูซาเล็ม พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - ความไม่ซื่อสัตย์ของประชากรของพระเจ้านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้หัวใจของพระเยซูต้องเจ็บปวด นี่คือการย้ำว่าคนเหล่านี้ไม่ตระหนักว่าพระเจ้าทรงห่วงใยและรักพวกเขาแค่ไหน พระเยซูทรงเห็นแล้วว่ากรุงเยรูซาเล็มจะทำอะไรกับพระองค์ พระองค์จึงร้องไห้เพราะพวกเขาไม่ตระหนักเลยว่าพระเจ้ากำลังมาหาพวกเขา เรื่องดราม่าแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่ในยุคของพระเยซูและจบลงไปพร้อมกับพระองค์ แต่ดราม่าแบบนี้ยังเกิดทุกวันในยุคนี้ด้วย - พระวรสารเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป

โป๊ปฟรังซิส - เวลาเจอคนน่ารำคาญ เราต้องอดทน แต่ดูตัวเองด้วยว่า เราทำให้คนอื่นรำคาญหรือเปล่า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาเราเจอคนน่ารำคาญในชีวิต อาทิ คนที่ชอบโทรมานินทาคนอื่นให้ฟัง เราต้องอดทนเหมือนที่พระเยซูทรงแสดงออกตอนที่แม่ของยาค็อบและจอห์นเข้ามาถามพระเยซูเรื่องการนั่งฝั่งซ้ายและขวาของพระองค์  ทรงย้ำ เวลาสอนใครไป ก็ต้องทำตัวตามที่สอนด้วย เหมือนตอนที่พระเยซูสอนแม่ของยาค็อบและจอห์นว่าอย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงรับใช้เพื่อนมนุษย์ พระองค์ก็ทำตัวเป็นแบบอย่างให้เห็นตลอดมา  ทรงชี้ มันง่ายมากที่จะหาว่าคนอื่นน่ารำคาญ แต่เราควรตรวจสอบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราด้วยว่า เราทำให้คนอื่นรำคาญหรือเปล่า  ช่วงสายวันพุธที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ เป็นการเข้าเฝ้าทั่วไปก่อนจะปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ซึ่งจะมีพิธีในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พระสันตะปาปาจึงสอนเรื่องการปฎิบัติกิจเมตตาเป็นการส่งท้ายด้วย พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - งานเมตตาอย่างสุดท้ายที่พ่ออยากแบ่งปันเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี แต่บางครั้งเราไม่ได้นำไปปฎิบัติเท่าที่ควร นั่นคือ เราจ

โป๊ปฟรังซิส - วัฒนธรรมทิ้งขว้างทำให้เกิดความแข็งกระด้างในจิตใจ มันทำให้เราสนใจแต่สิ่งที่ทำประโยชน์ให้ตนเองเท่านั้น

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาให้กับคนเร่ร่อนและคนจนโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม  พร้อมย้ำ คนยากจนและคนเร่ร่อนเป็นคนเหมือนกับเรา พวกเขาไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่หลายคนมองแบบเหยียดหยาม  ทรงชี้ วัฒนธรรมทิ้งขว้างที่กำลังระบาดในยุคนี้ เป็นบ่อเกิดของความแข็งกระด้างทางจิตใจซึ่งทำให้เราสนใจแต่วัตถุสิ่งของที่ทำประโยชน์ให้ตัวเองท่านั้น  ทรงเตือน ต่อให้เป็นบ้านของคนรวย มันก็จะไม่มีวันสงบสุข ตราบใดที่บ้านของเขายังขาดความยุติธรรม ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ให้กับคนเร่ร่อนและคนจนกว่า 6,000 คนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมพิธีโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยนี่เป็นมิสซาสุดท้ายของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมที่พระสันตะปาปาถวายให้กับกลุ่มต่างๆ ส่วนสัปดาห์หน้า พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาสมโภชพระเยซูกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งจะมีการสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ และพระสันตะปาปาจะปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - คนยาก

ประตูศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลกปิดลงแล้ว เหลือแต่ที่วาติกันจะปิดวันอาทิตย์หน้า

Image
วันนี้ (อาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016) ประตูศักดิ์สิทธิ์ของสังฆมณฑลต่างๆ ทั่วโลก จะถูกปิดลง จะเหลือแค่ประตูศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน เท่านั้น ที่จะยังเปิดอยู่ แต่จะถูกปิดลงในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2016 (วันสมโภชพระเยซูกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งจะมีการสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ และพระสันตะปาปาจะปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม) อัพเดทตัวเลขล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2015 ซึ่งเป็นวันเปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม จนถึงวันนี้ อาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2016 มีผู้แสวงบุญมาจาริกผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร ประมาณ 20.4 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ น้อยกว่า ค.ศ.2000 โอกาสปีปีติมหาการุญ ตอนนั้น มีผู้แสวงบุญที่ประตูศักดิ์สิทธิ์มหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ถึง 32 ล้านคน

โป๊ปฟรังซิส - ถ้าเราคิดว่าตัวเองเป็นคนมีเมตตา เราต้องอย่ากีดกันและแบ่งแยกเพื่อนมนุษย์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ถ้าเราคิดว่าตัวเองเป็นคนมีเมตตา เราต้องอย่ากีดกันและแบ่งแยกเพื่อนมนุษย์ เพราะไม่มีใครที่ถูกกีดกันออกจากความรักและความเมตตาของพระเยซู  ทรงย้ำ คริสตชนได้รับศีลล้างบาปและถูกเรียกให้มีเมตตาเปิดใจต้อนรับทุกคน ดังนั้น อย่าปิดตัวเองอยู่กับมุมปลอดภัยที่เต็มไปด้วยอีโก้  ช่วงสายวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไปโอกาสพิเศษปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยนี่เป็นการเข้าเฝ้าทั่วไปครั้งสุดท้ายประจำวันเสาร์ในปีศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากสัปดาห์หน้า พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมแล้วนั่นเอง สำหรับบทเทศน์สอนประจำวันนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า - ในฐานที่พวกเราเป็นลูกของพระเจ้าผ่านทางศีลล้างบาป พวกเราก็ได้รับกระแสเรียกให้แสดงออกถึงความเมตตาและรวมทุกคนไว้ในชีวิตของเรา มากกว่าจะปิดตัวเองและใช้ชีวิตในมุมปลอดภัยที่เต็มไปด้วยอีโก้ของตน - พระวรสารที่เราได้ฟังเมื่อครู่นี้ พระเยซูทรงสอนว่า 'ใครที่แบกภาระหนัก จงมาหาเรา' ดังนั้น จำไว้ว่า ไม่มีใครที่ถูกกีดกันออกไ

โป๊ปฟรังซิสเสด็จเยี่ยมอดีตสงฆ์คาทอลิก 7 คนที่ลาออกจากการเป็นสงฆ์และไปสร้างครอบครัว

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จเยี่ยมอดีตสงฆ์คาทอลิก 7 คนที่ลาออกจากการเป็นสงฆ์และไปสร้างชีวิตครอบครัว  พระองค์ทรงพบกับภรรยาและลูกๆ ของอดี ตสงฆ์เหล่านี้ด้วย  วาติกันออกแถลงการณ์ย้ำว่า การไปเยี่ยมครั้งนี้ พระสันตะปาปาต้องการแสดงให้อดีตสงฆ์เหล่านี้ รู้ว่า พระองค์ไม่ทอดทิ้งและยังห่วงใยพวกเขา ที่สำคัญ ไม่มีใครที่ถูกตัดขาดความรักและกำลังใจจากพระสันตะปาปา เย็นวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปเยี่ยมและให้กำลังใจ "อดีตสงฆ์คาทอลิก 7 คนที่ขอลาออกจากการเป็นสงฆ์ เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัว" โดยการพบกันครั้งนี้ มีขึ้นที่ ปอนเต ดิ โนน่า ชานกรุงโรม ประเทศอิตาลี การเยี่ยมสัตบุุรุษทุกวันศุกร์เป็นสิ่งที่พระสันตะปาปาทรงทำกรณีพิเศษโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พระองค์จะไปเยี่ยมสัตบุรุษแบบเงียบๆ แล้วแต่จะตั้งใจว่าจะไปไหน อย่างเช่นเมื่อสองเดือนที่แล้ว พระองค์ทรงทำเซอร์ไพรส์ด้วยการไปเยี่ยมทารกแรกเกิดที่โรงพยาบาล การเยี่ยมครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พระสันตะปาปาทรงตั้งใจไปพบอดีตสงฆ์คาทอลิก 7 คนที่ขอลาออกจา

โป๊ปฟรังซิสตอบนักข่าวเรื่อง โดนัลด์ ทรัมพ์ ว่าพระองค์คิดอย่างไร

Image
"ลา เรปุบบลิก้า" หนังสือพิมพ์ของอิตาลี ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ที่ ยูเจนิโอ สคัลฟารี่ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ฉบับนี ไปสัมภาษณ์สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2016 หรือหนึ่งวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำถามเรื่อง "โดนัลด์ ทรัมพ์" ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้ ยูเจนิโอ สคัลฟารี่: "พระสันตะปาปา พระองค์คิดอย่างไรกับ โดนัลด์ ทรัมพ์" สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส: "พ่อไม่ตัดสินคนและนักการเมือง พ่อแค่อยากจะรู้ว่าความทุกข์ยากรูปแบบไหนบ้างที่พวกเขาทำให้เกิดกับคนยากจนและคนที่ถูกกีดกัน"  --------------------------------------------------------- (ต้นฉบับภาษาอิตาเลี่ยน อ่านเต็มๆ ได้ที่ http://bit.ly/2ePGCV ) ยูเจนิโอ สคัลฟารี่: Santità - gli ho chiesto - cosa pensa di Donald Trump? พระสันตะปาปา: Io non do giudizi sulle persone e sugli uomini politici, voglio solo capire quali sono le sofferenze che il loro modo di procedere causa ai poveri e agli esclusi. -------------------------------------------------

โป๊ปฟรังซิสขอโทษคนเร่ร่อนและคนยากจน หากพระองค์เคยล่วงเกินและไม่ช่วยเหลือพวกเขาตอนทุกข์ยาก

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับคนเร่ร่อนและคนยากจนโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พร้อมขอโทษพวกเขาแทนคริสตชนที่ทำตัวไม่ดีและไม่ช่วยเหลือคนเร่ร่อน  ทรงขอโทษจากใจ หากพระองค์เคยล่วงเกินคนเร่ร่อนและคนยากจนทั้งทางคำพูดและการกระทำด้วย  ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและผู้ยากไร้กว่า 6,000 คน ที่มาเข้าเฝ้าจากทั่วอิตาลีและบางประเทศในยุโรป พวกเขามาเข้าเฝ้าโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม งานนี้ เริ่มด้วยผู้แทนคนไร้บ้าน 2 คนขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์ จากนั้น พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า - พวกเราที่อยู่ตรงนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากบุคคลยิ่งใหญ่ของโลก คนทุกคนไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยเพียงใด ทุกคนล้วนแต่มีความฝันและความชอบของตนเอง สำคัญสุดคืออย่าหยุดฝัน! พ่ออยากย้ำกับพวกท่านว่า คนยากจนคือหัวใจของพระวรสาร คนยากจนคือคนที่มาหาพระเยซูทุกครั้ง เพราะพวกเขามีความฝันว่า พระเจ้าจะช่วยเหลือและรักษาพวกเขา - โลกทุกวันนี้ต้องการความสงบสุข เราจึงต้องช่วยกันทำงานเพื่อสร้างสันติให้กับโลก จำไว้ว่า ความยากจนที่ร้ายแรงสุดคือสง

โป๊ปฟรังซิส - ความรักตามแบบคริสตชนคือขจัดความเห็นแก่ตัวของตนเอง แล้วไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ความรักตามแบบคริสตชนคือการกำจัดความเห็นแก่ตัวออกจากตนเอง แล้วก้าวออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นี่เป็นความรักที่สัมผัสได้ตามหลักคำสอนที่พระวจนาตถ์ทรงมารับสภาพมนุษย์เพื่อไถ่บาปเรา  ทรงเตือน ระวังคนที่นำเสนอความรักว่าไม่ใช่การตัดความเห็นแก่ตัวและไปรับใช้ผู้อื่น เพราะความรักของเขาจะเป็นรักแบบเบาๆ และหลุดจากหลักคำสอนคริสตชน ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากจดหมายของนักบุญจอห์น ฉบับที่ 2 ท่านสอนว่าคริสตชนต้องรักกัน ความรักคือการดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติแห่งความรักที่พระเยซูทรงสอน นอกจากนี้ เราต้องระวังคนหลอกลวงจำนวนมากที่ออกไปทั่วโลกและไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์เสด็จมาเป็นมนุษย์ พวกนี้พยายามอธิบายความรักในความหมายที่แตกต่างไปจากความรักตามแบบของคริสตชน พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - ความรักที่ไม่ตระหนักว่าพระเยซูคือพระเจ้าที่มารับสภาพมนุษย์ ก็ไม่ใช่ความรักที่พระเจ้ากำลังร้องขอจากเรา มันเป็นแค่ความรักตามจิตตารมณ์ทางโลก ความรักเชิงปรัชญาซึ่งจับต้อง

โป๊ปฟรังซิส - พ่อไม่ชอบเทศน์โดยอ่านจากกระดาษที่เตรียมไว้ เพราะทำให้พ่อมองตาสัตบุรุษไม่ได้

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเผย พระองค์เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเทศน์โดยอ่านจากแผ่นกระดาษที่เตรียมไว้ เพราะวิธีนี้จะทำให้มองตาสัตบุรุษไม่ได้ และไม่รู้ว่าบทเทศน์นั้น เข้าไปสัมผัสจิตใจเขาหรือเปล่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมพระองค์ถึงเลี่ยงเทศน์ในมิสซาด้วยการอ่านจากแผ่นกระดาษอยู่เสมอ ทรงแบ่งปันวิธีเตรียมเทศน์ในมิสซา พระองค์จะเตรียมล่วงหน้า 1 วัน โดยจะอ่านพระวรสารและบทอ่านของมิสซาวันพรุ่งนี้ออกมาดังๆ แล้วจะวงกลมประโยคที่โดนใจ จากนั้นจะไปรำพึงไตร่ตรองดูว่า จะเทศน์อย่างไร ถ้าหากคิดไม่ออกว่าจะเทศน์เรื่องอะไร วิธีที่ใช้คือ "นอนหลับพร้อมคิดถึงพระวรสารและบทอ่านของวันพรุ่งนี้" เพราะพอตื่นมาแล้ว แรงบันดาลใจจะออกมาเอง ทรงสอน การใกล้ชิดสัตบุรุษ จะช่วยพระสงฆ์เทศน์ได้ดีขึ้น แต่ถ้าพระสงฆ์ถอยห่างจากสัตบุรุษ พระสงฆ์จะเทศน์ไม่รู้เรื่อง จะเทศน์ในเรื่องที่จับต้องไม่ได้ และบ่อยครั้ง เทศน์ในเรื่องที่สัตบุรุษไม่ได้อยากรู้ ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คุณพ่ออันโตนิโอ สปาดาโร่ สงฆ์เยสุอิต ได้ทำการเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ชื่อว่า "Nei tuoi occhi è la mia parola" แ

โป๊ปฟรังซิส - การบังคับคริสตชนต่างนิกายให้มานับถือนิกายของตน เป็นยาพิษสำหรับงานคริสตศาสนสัมพันธ์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ การที่คริสตชนนิกายหนึ่งบังคับคริสตชนต่างนิกายให้มานับถือนิกายเดียวกับตนเอง จัดเป็น "ยาพิษสำหรับงานคริสตศาสนสัมพันธ์อย่างแท้จริง"  ทรงสอน ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนนิกายต่างๆ เริ่มด้วยการทำงานร่วมกัน ภาวนาร่วมกัน และรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แค่นี้ เราก็เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว  ทรงชี้ ความแตกต่างทางเทวศาสตร์ พิธีกรรม ชีวิตจิต และกฎเกณฑ์ของคริสตชนนิกายต่างๆ คือทรัพย์สมบัติแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระศาสนจักร การที่เราพยายามกำจัดข้อแตกต่างเหล่านี้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ถือเป็นการกระทำที่ต่อต้านพระจิตผู้ทรงหล่อเลี้ยงคริสตชนด้วยพระพรที่หลากหลายอย่างชัดเจน สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมของสมณสภาเพื่อการส่งเสริมเอกภาพคริสตชน ซึ่งจัดภายใต้หัวข้อ "สิ่งใดคือแบบอย่างของความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์" โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้ข้อคิดว่า - พ่อขอให้ข้อคิด 3 เรื่องที่้เกี่ยวกับแบบอย่างการเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบผิดๆ มันเริ่มต้นด้วยความเชื่อที่ว่า เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยผ่านทา

โป๊ปฟรังซิส - อย่าหลงไปกับการล่อลวงที่ทำศาสนาให้เป็นการแสดงเหมือนพลุไฟ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน อย่าหลงไปกับการประจญที่ทำให้ศาสนาเป็นการแสดงเหมือนพลุไฟที่สว่างแวบเดียวแล้วหายวับไปทันที  เพราะบ่อยครั้ง เราถูกทำให้หลงไปกับศาสนาที่เน้นเรื่องตื่นเต้น ทั้งยังเผยแสดงความสุภาพถ่อมตนของพระเจ้าแบบผิดๆ และทำให้เราต้องการจะครอบครองสิ่งต่างๆ  ทรงถาม ถ้าวันนี้ พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเรา เราจะปกป้องพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร เราจะแยกแยะความชั่วออกจากพระอาณาจักรของพระเจ้าหรือไม่ ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ ฟาริสีถามพระเยซูว่า "พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด" พระเยซูตรัสตอบว่า "พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่พวกท่านแล้ว" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พระอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่ศาสนาที่เป็นการแสดง เพราะพระเจ้าทรงพูดทุกสิ่งผ่านทางพระเยซูคริสต์ และนี่คือคำพูดสุดท้ายของพระเจ้า ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเหมือนพลุไฟที่ถูกจุดขึ้นชั่วขณะ จากนั้นล่ะ มันหายวับไปกับตา - บ่อยครั้ง เราถูกประจญล่อลวงด้วยศาสนาที่เน้นเ

โป๊ปฟรังซิส - การทำตัวเป็นคนสองหน้า ทำให้เราไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน พวกคนสองหน้าไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า คนพวกนี้คือคนที่รับใช้ทั้งพระเจ้าและเงินไปพร้อมกัน  ทรงย้ำ การเป็นคนสองหน้าจะทำลายความสงบในจิตใจของเรา ตรงกันข้าม มันจะทำให้เรากระวนกระวายจากความโอหังและการขี้อวดของตัวเอง  ทรงชี้ อุปสรรคขัดขวางการเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ได้แก่ การกระหายอำนาจที่ต้องการคุมทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิตัส ท่านสอนว่า "จงทำตัวให้สมกับเป็นผู้มีความเชื่อในพระเจ้า อย่าใส่ความ อย่านินทา และอย่าติดเหล้า" พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - "อุปสรรคขัดขวางเราจากการรับใช้พระเจ้ามีมากมาย หนึ่งในนั้นคือการกระหายอำนาจ บ่อยครั้งแค่ไหนที่เราต้องเห็นเรื่องแบบนี้ บางทีก็เห็นในบ้านของเรานี่แหละที่เราอยากโชว์ว่าเราเป็นคนจัดการทุกอย่าง แต่พระคริสตเจ้าสอนเราว่า คนที่มีอำนาจต้องเป็นผู้รับใช้ ถ้าท่านอยากเป็นคนแรก ท่านต้องทำตัวเป็นผู้รับใช้คนอื่น การกระ

โป๊ปฟรังซิส: ไม่มีใครกลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ แต่จงใส่ใจอนาคตซึ่งกำลังจะเริ่มต้นวันนี้

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาให้บรรดาผู้ต้องขัง  พร้อมสอน ไม่มีใครกลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีต ดังนั้น จงโฟกัสอนาคตซึ่งเริ่มต้นขึ้นวันนี้ อนาคตจะถูกเขียนขึ้นด้วยพระหรรษทานของพระเจ้าและความรับผิดชอบของตัวเรา  ทรงย้ำ อย่าคิดว่าเราจะไม่มีวันได้รับการยกโทษ แม้ใจของเราจะบอกแบบนั้น แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าหัวใจของเรา เราต้องวางใจในพระองค์ ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาให้กับผู้ต้องขังกว่า 1,000 คนที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือนจำมาร่วมพิธีที่มหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - วันนี้ เราฉลองปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมให้กับพวกท่านบรรดาพี่น้องชายหญิงที่ถูกจองจำ ความเมตตาคือการแสดงออกถึงความรักของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องคิดให้ลึกซึ้ง แน่นอนว่า การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องจบลงค่าชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนการสูญเสียอิสรภาพคือเวลาที่เสียไปแบบเสียหายที่สุด - อาศัยจิตตารมณ์แห่งพระวรสาร ความหวังต้องไม่หายไป การภาวนาเพื่อความผิดพลาดที่เราทำก็เ

โป๊ปฟรังซิส: สังคมการเมืองและบ้านเณรไม่ใช่สถานที่สำหรับคนชอบให้ตัวเองดูดีและยึดติดวัตถุ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ สังคมการเมืองและบ้านเณรไม่ใช่สถานที่สำหรับคนชอบทำให้ตนเองต้องดูดี รักเงินทอง ชอบงานเลี้ยงหรู ต้องมีบ้านใหญ่โต มีเสื้อผ้าสวยๆ และรักรถ ทรงชี้ ทุกคนได้รับกระแสเรียกให้เป็นคนซื่อสัตย์ แต่เมื่อเจอการโกง ยารักษาโรคที่ดีสุดคือความสมถะ สำหรับผู้นำทางสังคมและผู้อภิบาล ยารักษาการโกงอีกตัวก็คือ "การทำตัวเป็นแบบอย่าง" สิ่งนี้มีพลังมากกว่าคำพูดพันๆ คำ ยอดไลค์เป็นพันๆ ยอดรีทวีตเป็นพันๆ และมากกว่ายอดวิวบนยูทูบ ทรงสอน ถ้าเจอความเกลียดชัง แล้วตอบโต้กันไปมา มันก็ไม่รู้จบ เราต้องเป็นคนที่แกร่งกว่านั้น ด้วยการตัดวงจรความเกลียดชังและความชั่วออกจากชีวิตให้ได้ ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางสังคมในประเทศโลกที่สาม โดยกลุ่มเหล่านี้เป็นการรวมตัวกันขององค์กรที่ช่วยเหลือคนรากหญ้า คนว่างงาน และคนชาติพันธุ์ต่างๆ สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา มีดังนี้ - การทำงานแบบพวกท่าน สิ่งที่ต้องระวังคือกฎของเงินซึ่งปกครองโดยการกดขี่ด้วยความกลัว ความไม่เท่าเที

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาไปสุสาน ความรู้สึกของคริสตชนคือเศร้าผสมกับมีความหวัง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาระลึกถึงดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ  พร้อมแบ่งปัน เวลาไปสุสาน ความรู้สึกของคริสตชนมี 2 แบบคือเศร้าและมีความหวัง เศร้าที่คนรักจากไป แต่เรามีความหวังว่าเราจะกลับคืนชีพเหมือนพระเยซู  ทรงย้ำ ไม่ช้าก็เร็ว เราก็จะต้องเดินไปสู่ความตายเหมือนคนที่เรารักได้เดินไปก่อนแล้ว  ช่วงเย็นวันพุธที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาระลึกถึงดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ พิธีนี้จัดที่สุสานฟลามินิโอ กรุงโรม ช่วงเริ่มต้นพิธี พระสันตะปาปาทรงไปวางดอกไม้และภาวนาหน้าหลุมศพหลายหลุมด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนแบบสั้นๆ ว่า - ความรู้สึกเวลาเรามาที่สุสาน มี 2 แบบ อย่างแรกคือเศร้า อย่างที่สองคือมีความหวัง สุสานคือสถานที่แห่งความเศร้าโศก มันเตือนใจเราเกี่ยวกับคนที่เรารักซึ่งจากไป ทำนองเดียวกัน มันเตือนใจเราถึงเรื่องภายภาคหน้าหรือชีวิตหลังความตาย ในช่วงเวลาแห่งความเศร้า เราได้นำดอกไม้ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังมาวางไว้หน้าหลุมศพ ถ้าพ่อไม่ได้พูดเกินไปนัก ดอกไม้คือเครื่องหมายแห่งการฉลอง แต่เราจะยังไม่ฉลองตอนนี้ - เราทุกคนกำลั

สัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบิน: "พระศาสนจักรคาทอลิกจะไม่มีทางบวชสตรีเป็นสงฆ์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระศาสนจักรคาทอลิกจะไม่มีทางบวชสตรีเป็นสงฆ์ นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 เคยตรัสเรื่องนี้แบบเด็ดขาดไปแล้ว และคำพูดนั้นก็ยังประยุกต์ใช้ได้จนถึงทุกวันนี้  ทรงยกย่องสวีเดนเป็นประเทศที่รอบคอบและดูแลผู้อพยพและผู้ลี้ภัยได้สุดยอดมาก เพราะสวีเดนรับคนมาแล้ว จะจัดเตรียมบ้าน โรงเรียน และงานให้ผู้ลี้ภัยทันที  นี่คือตัวอย่างประเทศที่มีความสามารถในการหลอมรวมคนเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น  ทรงชี้ การตัดศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต ซึ่งแพร่หลายมากในยุโรป เกิดจากความอ่อนแอและเฉื่อยชาของพระศาสนจักรในพื้นที่นั้น อาทิ สงฆ์มักใหญ่ใฝ่สูง และคริสตชนก็ไม่ประกาศข่าวดี สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินต่อบรรดานักข่าวสายวาติกันบนเที่ยวบินจากเมืองมัลเม่อ ไปยังกรุงโรม ประมาณ 40 นาที โดยนักข่าวทั้งหมดได้ตามเสด็จพระสันตะปาปา ไปทำข่าวการมาร่วมงานรำลึก 500 ปีแห่งการปฎิรูปคริสตศาสนาของมาร์ติน ลูเธอร์ ซึ่งจัดที่เมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญ มีดังต่อไปนี้ นักข่าว: "ประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัยนะครับ ทุกวันนี้ยังมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่แสวงหาสถานะการเป็นผู