Posts

Showing posts from October, 2016

โป๊ปฟรังซิส: "คาทอลิกและลูเธอรันต้องตระหนักข้อผิดพลาดในอดีต และแสวงหาการให้อภัยระหว่างกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คาทอลิกและลูเธอรันต้องมองอดีตด้วยความรักและซื่อสัตย์ เพื่อตระหนักข้อผิดพลาดและแสวงหาการให้อภัยระหว่างกัน  ทรงชี้ ความแตกแยกทำให้เราถอยห่างจากความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องประชากรของพระเจ้า ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วต้องรวมเป็นหนึ่ง  ทรงแบ่งปัน ด้วยความเคารพต่อการปฏิรูปศาสนาของมาร์ติน ลูเธอร์ สิ่งนี้ได้ช่วยให้แก่นแท้พระคัมภีร์เป็นศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตพระศาสนจักร และเตือนใจเราว่า หากปราศจากพระเจ้า เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังอาสนวิหารประจำเมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน เพื่อร่วมงานรำลึก 500 ปีที่ "มาร์ติน ลูเธอร์" แยกตัวออกจากพระศาสนจักรคาทอลิก งานนี้ เจ้าภาพคือสหพันธ์ลูเธอรันสากล (The Lutheran World Federation) สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัส มีว่า - 'ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน' คำพูดนี้ พระเยซูตรัสในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พวกเราสามารถรู้สึกถึงหัวใจของพระคริสตเจ้าซึ่งเต้นอยู่ด้วยความรักเพื่อเราทุกคน พระองค์ทรงปรารถนาให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

โป๊ปฟรังซิส: "เราทำให้คนบาปกลับใจด้วยการประณาม แต่พระเจ้าทำให้คนบาปกลับใจด้วยไม่จดจำความชั่วที่เขาทำ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เราจ้องจะทำให้คนบาปกลับใจด้วยการประณาม แต่พระเจ้าชอบทำให้คนบาปกลับใจด้วยการเข้าไปหาแบบไม่จดจำความชั่วที่คนนั้นเคยทำ เพื่อให้เขาเห็นสัจธรรมความจริงว่าแท้จริงแล้วพวกเขายังมีค่า ไม่ใช่ถล่มซ้ำแบบที่มนุษย์ชอบทำกัน  ทรงชี้ การเข้าหาของพระเจ้าทำให้หลายคนประหลาดใจว่าทำไมพระองค์ทำแบบนั้น แต่นี่คือความประหลาดใจที่มุ่งหวังให้คนบาปเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น  ทรงขอคำภาวนาสำหรับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเมืองนอร์ชา ทางตอนกลางของอิตาลี และขอคำภาวนาสำหรับการเสด็จเยือนเมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน เพื่อร่วมงานรำลึกการปฏิรูปคริสตศาสนาของนิกายโปรเตสแตนท์ ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงพบ "ซักเคียส" หัวหน้าคนเก็บภาษีซึ่งถูกชาวยิวเรียกว่าเป็น "คนบาป" ซักเคียสทูลพระเยซูว่า "ข้าพเจ้าจะยกสมบัติครึ่งหนึ่งให้คนจน และถ้าโกงใครมา จะคืนให้เขาสี่เท่า" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - เราสามารถจินตนาการถึงความประ

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนคือสิ่งปลูกสร้างที่มีเสาหลักคือพระเยซู"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คริสตชนคือสิ่งปลูกสร้างที่มีเสาหลักคือพระเยซู พระองค์ทรงภาวนาเพื่อเรา นี่คือหลักประกันอันมั่นคงว่าเราจะปลอดภัย ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงใช้เวลาทั้งคืนเพื่อสวดภาวนา ก่อนวันรุ่งขึ้น พระองค์ได้เลือกอัครสาวก 12 คนให้มาติดตามพระองค์ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พระเยซูทรงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อภาวนาทั้งคืนต่อพระเจ้า จากนั้น สิ่งต่างๆ ก็ตามมา ทั้งศิษย์และประชาชนที่ติดตามพระองค์ บรรดาสาวกได้รักษาคนป่วยและขับไล่ปีศาจ ใช่แล้ว ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากเสาหลักก็คือพระเยซูผู้ทรงภาวนา พระองค์ยังคงภาวนเพื่อพระศาสนจักรและเราทุกคน จริงอยู่ที่เราสวดขอพระเยซู แต่แก่นแท้คือพระองค์ต่างหากที่กำลังภาวนาเพื่อเรา - การที่พระเยซูทรงภาวนาเพื่อเราถือเป็นหลักประกันของเราทุกคน นี่คือรากฐานของสิ่งต่างๆ เราแต่ละคนสามารถพูดได้เลยว่า เราปลอดภัยเพราะพระเยซูทรงภาวนาให้เรา พระองค์อยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระบิดาและสวดให้เรา - อีกหนึ่งตัวอย่างที่พระเยซูทรงภาวนาเพื่อพวกเราก็

โป๊ปฟรังซิส: "ทุกวันนี้พระเจ้าทรงร้องไห้ให้กับมนุษย์ที่ไม่เข้าใจเรื่องสันติภาพ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ ทุกวันนี้พระเจ้าทรงร้องไห้ให้กับมนุษย์ที่ไม่เข้าใจเรื่องสันติภาพที่พระองค์มอบให้ เหมือนในอดีตที่พระเยซูทรงร้องไห้ให้กับกรุงเยรูซาเล็มที่ฆ่าประกาศที่พระเจ้าส่งมา ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ ฟาริสีบางคนมาบอกพระเยซูว่า "ท่านจงออกจากที่นี่เถิด เพราะกษัตริย์เฮร็อดต้องการฆ่าท่าน" สิ่งนี้ได้ทำให้พระเยซูทรงมองดูกรุงเยรูซาเล็ม แล้วร้องไห้ เพราะเมืองนี้ฆ่าประกาศกที่พระเจ้าทรงส่งมาหลายคนแล้ว พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - บางคนพูดว่า พระเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์เพื่อที่พระองค์จะสามารถร้องไห้ให้กับสิ่งที่ลูกของพระองค์ได้ทำ เช่น ตอนที่พระเยซูทรงร้องไห้หน้าหลุมศพของลาซารัส ทำนองเดียวกัน เราสามารถเห็นการแสดงออกของพ่อในเรื่องลูกล้างผลาญ พ่อคนนั้นไม่เคยเที่ยวไปพูดกับเพื่อนบ้านเลยว่า 'ดูสิ่งที่ลูกคนนี้ทำกับเราซิ เราขอสาปแช่งมัน' ไม่เลย พ่อคนนั้นไม่ทำแบนั้น สิ่งที่เขาทำ อาจเป็นไปได้ว่า เขาอาจไปร้องไห้คนเดียวในห้องนอนก็ได้ - พระวรสารเรื่องลูกล้างผลาญบอกเร

โป๊ปฟรังซิสเล่าเรื่อง "คนขับแท็กซี่กลับใจ" หลังตอนแรกไม่อยากรับผู้ลี้ภัยไปจาริกที่ประตูศักดิ์สิทธิ์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเล่าเรื่องคนขับแท็กซี่ที่ตอนแรกไม่เต็มใจรับผู้ลี้ภัยตัวเหม็นขึ้นรถไปวาติกัน เพื่อไปจาริกผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ แต่พอฟังเรื่องราวของผู้ลี้ภัย เขากลับใจและไม่เก็บค่าโดยสาร เพราะประสบการณ์เลวร้ายเปลี่ยนความคิดของเขามากทีเดียว  ทรงแบ่งปัน เรื่องผู้ลี้ภัยตัวเหม็นจะกลายเป็นน้ำหอมให้จิตวิญญาณของเราได้ แรกๆ เราอาจไม่เต็มใจช่วย แต่พอได้สัมผัสประสบการณ์เลวร้ายแบบนั้น เราจะสำนึกและรู้สึกเป็นทุกข์ไปกับเขาทันที  ทรงย้ำ ทางแก้วิกฤติผู้ลี้ภัยคือเราต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้ลี้ภัย อย่ากีดกันใครเด็ดขาด  ทรงขอร้อง คาทอลิกต้องสวดสายประคำสม่ำเสมอ ไม่ใช่สวดแค่เดือนตุลาคมอย่างเดียว เพียงเพราะนี่เป็นเดือนแม่พระแห่งสายประคำ ช่วงสายวันพุธที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันเรื่องงานแห่งความเมตตา ซึ่งได้แก่ การต้อนรับผู้ลี้ภัยที่เป็นคนแปลกหน้าและไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ พระสันตะปาปาตรัสว่า - ยุคนี้ วิกฤติเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญได้เป็นตัวกระตุ้

โป๊ปฟรังซิส: "อาณาจักรสวรรค์เติบใหญ่ด้วยการนบนอบต่อพระจิต ไม่ได้โตเพราะแผนผังองค์กร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน พระอาณาจักรของพระเจ้าเติบโตด้วยการที่เรานบนอบเชื่อฟังพระจิต พระอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้เติบใหญ่ด้วยแผนผังองค์กร (Organisation Chart) ที่ถูกวางโครงสร้างไว้อย่างมีประสิทธิภาพ  ทรงย้ำ จงอย่าคิดว่า ใครก็ตามที่ไม่มีชื่ออยู่ในแผนผังองค์กร แล้วจะไม่ได้เข้าสวรรค์  ทรงเตือนสติ ถ้าเราไม่นบนอบและเอาแต่ทำตามใจตัวเอง พระอาณาจักรของพระเจ้าจะไม่เติบโต และเราก็จะไม่เติบโตด้วย ช่วงเช้าวันอังคารที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงสอนเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าที่เป็นเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดที่ชายคนหนึ่งทิ้งไว้ในสวน จนเติบใหญ่ให้ร่มเงาและนกในอากาศก็มาทำรังได้ และยังเป็นเหมือนเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำมาผสมกับแป้งสามถังจนฟูขึ้นมาหมด พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - ในความคิดของเรา พระอาณาจักรของพระเจ้าคือสิ่งใด อืม บางคนอาจคิดว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าคือโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นอย่างดี ทุกสิ่งเป็นระเบียบแบบแผน และแผนผังองค์กรถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครก็ตามที่ไม่ได้เข้ามาในแผนผังองค์กร ก็ไม่สามารถ

โป๊ปฟรังซิส: "ประกาศข่าวดี อย่าทำหน้าเศร้า & อย่าทำดีเพื่อหวังตำแหน่งใหญ่โตจากการเป็นสงฆ์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาประกาศข่าวดี อย่าทำหน้าเศร้า เพราะข่าวดีคือความชื่นชมยินดีที่มาจากใจและนี่คือเครื่องบ่งชี้ถึงพระหรรษทานและความรักที่เราได้รับ  ทรงย้ำ ความเมตตาไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ แต่มันต้องเป็นสไตล์การดำเนินชีวิตของสงฆ์เยสุอิต เหมือนที่พระเจ้ามองเราด้วยความเมตตาและเลือกเราให้ติดตามพระองค์  ทรงเตือนสติ จงรับใช้ความตั้งใจดี แต่ต้องแยะแยกให้ได้ว่า อย่าทำดีเพื่อหวังความก้าวหน้าและตำแหน่งใหญ่โตจากการเป็นพระสงฆ์ ช่วงสายวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังศูนย์กลางของคณะเยสุอิต เพื่อพบปะกับผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาคณะ ครั้งที่ 36 ซึ่งได้เลือก "คุณพ่ออาร์ตูโร่ โซซ่า" เป็นมหาอธิการเจ้าคณะเยสุอิตคนใหม่ การเสด็จมาครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เพราะตามธรรมเนียม สมาชิกเยสุอิตที่ร่วมสมัชชา จะเดินไปเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา แต่ครั้งนี้ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงทำสิ่งที่กลับกัน นั่นคือทรงมาหาพวกเขาถึงที่เลยทีเดียว ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาองค์แรกในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรคาทอลิกที่มาจากคณะเยสุอิต ตรัสกับชาวเยสุอิต

โป๊ปฟรังซิส: "ความไม่ยืดหยุ่นทำให้เรามีชีวิต 2 ด้าน ภายนอกดูดี ภายในเป็นคนหน้าซื่อใจคด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การเป็นคนไม่ยืดหยุ่นจะทำให้เรามีชีวิต 2 ด้าน ด้านหนึ่งเราจะดูดีที่ปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด แต่อีกด้าน เราจะเป็นพวกหน้าซื่อใจคดที่หลงตัวเองคิดว่าเราคือผู้ชอบธรรม แต่กลับไม่รู้จักการให้อภัยคนทำผิดที่สำนึกกลับใจ  ทรงยกตัวอย่าง พี่ชายคนโตในอุปมาเรื่องลูกล้างผลาญ เป็นตัวอย่างชัดเจนมาก เขาทำตัวอยู่ในกฏระเบียบตลอด แต่เมื่อพ่อชื่นชมยินดีที่น้องคนเล็กสำนึกผิดกลับใจจากชีวิตล้างผลาญ พี่คนโตกลับโกรธพ่อว่าให้อภัยน้องได้อย่างไร  ทรงย้ำ กฎไม่ได้มีขึ้น เพื่อให้เราตกเป็นทาสของมัน แต่มันมีเพื่อทำให้เราเป็นอิสระและทำให้เราได้เป็นลูกของพระเจ้า ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่้เกิดในวันสับบาโต พระเยซูทรงเทศน์สอนในศาลาธรรม และทรงรักษาสตรีคนหนึ่งที่ป่วยมา 18 ปีด้วยโรคหลังค่อม สิ่งนี้ทำให้หัวหน้าศาลาธรรมไม่พอใจและพูดตำหนิพระองค์ที่รักษาคนป่วยในวันสับบาโต พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนให้ข้อคิดว่า - พระวรสารวันนี้ บอกเราว่า สิ่งที่พระเยซูทรงทำได้สร้างความเดือดดาลให้กับหั

โป๊ปฟรังซิส: "การประกาศข่าวดีเรียกร้องความกล้า แต่ความกล้าไม่การันตีว่างานต้องสำเร็จ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน การประกาศข่าวดีเรียกร้องความกล้าจากคาทอลิกทุกคน  อย่างไรก็ตาม ความกล้านี้ไม่การันตีว่า ประกาศข่าวดีแล้ว คนอื่นต้องเปลี่ยนศาสนา ไม่การันตีว่าพันธกิจจะสำเร็จ  แต่ความกล้านี้เรียกร้องเราให้เป็นทางเลือกให้กับโลก ความกล้านี้เรียกร้องเราว่า อย่าเป็นคนเถียงทุกอย่างหรือก้าวร้าว แต่จงเป็นคนกล้าแย้งกับความสงสัยที่มีต่อพระเจ้า ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ความพิเศษของวันนี้ พระศาสนจักรคาทอลิกกำหนดให้เป็นวันแพร่ธรรมสากล โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวแบ่งปันว่า - ยุคนี้คือช่วงเวลาของพันธกิจประกาศข่าวดีและนี่คือเวลาของความกล้า กล่าวคือ กล้าที่จะแสวงหาความยินดีของการได้ใช้ชีวิตเพื่อพระวรสารอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญไม่สามารถการันตีชัยชนะ เพราะความกล้าไม่ได้หมายความว่าเรามีความมั่นใจในความสำเร็จ ความกล้าเรียกร้องให้เราลุกขึ้นสู้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะชนะ แน่นอน ความกล้าเรียกร้องให้เราลุกขึ้นประกาศข่าวดี แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดการเปลี่ยนศาสนา -

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาพูดจากับคนอื่น เราชอบพูดแทรกและชักจูงว่าเราถูกเสมอใช่หรือไม่"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การพูดจากันต้องมีเวลาเงียบบ้างเพื่อรับฟังคนอื่น  ลองถามตัวเองซิว่า เวลาพูดกับคนอื่น เราชอบพูดแทรกและโน้มน้าวคนอื่นว่าเหตุผลของเราถูกเสมอใช่หรือไม่  นอกจากนี้ ลองถามตัวเองว่า เราเคยเตรียมตัวฟังคนอื่นพูดบ้างไหม  ทรงชี้ โลกจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ ถ้าเราพูดกันด้วยความสุภาพ แทนที่จะตะโกนใส่กัน ช่วงสายวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป โอกาสพิเศษปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ความพิเศษอีกอย่างของวันนี้คือตรงกับวันระลึกถึง "นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2" อีกด้วย สำหรับบทเทศน์สอนในวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า - การพูดจากันช่วยให้เรารู้จักตัวเองและช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของคนอื่น ทั้งสองอย่าง (การรู้จักตัวเองและเข้าใจความต้องการของคนอื่น) คือเครื่องหมายของความเคารพและความรัก มันทำให้เราเห็นคนอื่นเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่มีต่อเรา - สิ่งหนึ่งที่พ่ออยากให้เราหยุดคิด บ่อยครั้งแค่ไหนเวลาเราพบคนอื่น เราไม่ได้เตรียมตัวฟังเขาพูดใช่ไหม แทนที่จะฟัง เราเอาแต่พูดแทรกขัดจังหวะและโน้มน้าวคนอื่นว่าเหตุผลของเร

โป๊ปฟรังซิส: "น่าเศร้าที่คนสมัยนี้ไร้ความสามารถในการพูดกันด้วยความสุภาพ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ น่าเศร้าที่คนสมัยนี้ไร้ความสามารถในการพูดกันด้วยความสุภาพ ตรงกันข้าม เราเลือกการตะโกนใส่กันและพูดจาให้ร้ายคนอื่น  ดังนั้น ทรงหวังเห็นคริสตชนทุกคนรู้จักค้นหาความสุภาพในตัวเองอีกครั้ง เพราะถ้าเราสุภาพถ่อมตน เราจะสามารถอดทนต่อความผิดของคนอื่นและสิ่งที่เราไม่ชอบ  ทรงสอน จิตชั่วจะหว่านเมล็ดพันธุ์ของความอิจฉาริษยา ความขัดแย้ง และการนินทา เพื่อทำให้เราแตกแยกกัน วิธีแก้ปัญหานี้ เราต้องดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพถ่อมตนและอดทนต่อกันด้วยความรัก ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส ท่านสอนว่า คริสตชนต้องดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพถ่อมตน พากเพียร และอดทนต่อกันด้วยความรัก พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - วันนี้เราเริ่มพิธีด้วยคำว่า 'ขอสันติสุขจงดำรงอยู่กับท่าน' คำพูดคำนี้คือการบำรุงเลี้ยงสันติและความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังหลีกเลี่ยงการสร้างสงครามและความขัดแย้ง คำพูดคำนี้ พระเจ้าทรงทักทายเราเพื่อสร้างสายสัมพันธ์แห่งสันติและรวมเราให้เป็น

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์คาทอลิกต้องใจกล้า-ใจกว้างในการเดินไปกับสัตบุรุษ โดยไม่จ้องควบคุมพวกเขา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ สงฆ์คาทอลิกต้องใจกล้าและใจกว้างในการเดินร่วมทางไปกับสัตบุรุษ โดยไม่จ้องควบคุมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพวกเขา เพราะนี่คือการมองสัตบุรุษตามแบบพระเยซู  ทรงชี้ พระศาสนจักรต้องก้าวออกไปหาทุกคน ไม่ใช่ขังตัวเองอยู่กับกลัวความล้มเหลว  ทรงสอน พระเยซูไม่เคยบังคับให้ใครเปลี่ยนศาสนา ไม่เคยจัดคอร์สอบรมเยอะๆ เพื่อให้คนมาติดตามพระองค์ ดังนั้น สงฆ์คาทอลิกต้องศึกษาวิธีการที่พระเยซูเรียกคนให้ติดตามพระองค์และนำไปปรับใช้ วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาพระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์ ที่มาเข้าเฝ้า หลังจากได้ไปเข้าร่วมการสัมมนาเรื่องกระแสเรียก ซึ่งจัดภายใต้หัวข้อ "ทรงเมตตาในการเลือกเขา" (Miserando atque eligendo - เป็นคำขวัญประจำพระองค์) โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงให้ข้อคิดพวกเขาว่า - ประเด็นเรื่องกระแสเรียกต้องไม่ถูกลดคุณค่าลงไปตามกฏเกณฑ์ต่างๆ อาทิ แผนงานอภิบาล ตรงกันข้าม กระแสเรียกต้องเป็นวิถีทางในการดำเนินชีวิตซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นให้ค้นพบความชื่นชมยินดีของพระวรสาร ดังที่เราเรียนรู้ได้จากแนวทางการดำเนินชีวิตของพ

โป๊ปฟรังซิส: "การเรียนคำสอนไม่เพียงพอที่จะให้เรารู้จักพระเยซูอย่างถ่องแท้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การเรียนคำสอนไม่เพียงพอที่จะให้เรารู้จักพระเยซูอย่างถ่องแท้  การจะรู้จักพระเยซูอย่างแท้จริง ขึ้นกับสามสิ่ง  หนึ่ง สวดภาวนาขอพระบิดาโปรดประทานพระจิตให้เรา  สอง รำพึงภาวนาสรรเสริญพระเจ้าด้วยความสงบเงียบ  สาม ต้องยอมรับว่าเราเป็นคนบาป  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส ท่านกล่าวว่า ท่านภาวนาขอพระเจ้าประทานพละกำลังแก่คริสตชนด้วยฤทธานุภาพของพระจิตและพระคริสตเจ้าผู้ทรงพำนักในจิตใจของท่าน พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันว่า - นักบุญเปาโลพูดถึงการเข้าสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ซึ่งก็คือพระคริสตเจ้า ว่าแต่ พวกเราจะรู้จักพระคริสตเจ้าได้อย่างไร เราจะเข้าใจความรักของพระคริสตเจ้าซึ่งเกินกว่าความรู้ของเราได้อย่างไร - พระคริสตเจ้าประทับอยู่ในพระวรสารและเรารู้จักพระคริสตเจ้าด้วยการอ่านพระวรสาร เราทุกคนทำเช่นนี้ อย่างน้อย เราก็ได้ยินได้ฟังพระวรสารเวลาที่เราไปร่วมมิสซา การเรียนคำสอนก็สอนเราว่าพระคริสต์คือใคร แต่มันไม่เพียงพอหรอกนะ! การที่จะเข้าใจความ

โป๊ปฟรังซิส: "ความยากจนคือสิ่งท้าทายให้คิดด้วยสติว่า เราจะเบือนหน้าหนีหรือจะเข้าไปช่วยเหลือ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การเห็นความยากจนคือการท้าทายเราให้คิดอย่างมีสติว่า เราจะเบือนหน้าหนีหรือจะเข้าไปช่วยเหลือ  ทรงชี้ คนที่เลือกเบือนหน้าหนีไม่ช่วยเหลือ ต้องไตร่ตรองว่า เวลาสวดบทข้าแต่พระบิดา ตนเองใส่ใจกับสิ่งที่สวดหรือเปล่า โดยเฉพาะคำว่า 'โปรดประทานอาหารประจำวัน'  ทรงย้ำ ยังมีคนที่อดอยากและหิวโหยซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากพระสันตะปาปา ดังนั้น พระองค์ไม่สามารถมอบหมายหน้าที่ที่จะช่วยเหลือพวกเขาให้ใครไปทำแทนได้  ทรงแบ่งปัน พระวรสารที่พระเยซูทรงทำอัศจรรย์กับขนมปังและปลา สอนว่า ถ้าเราวางใจในสิ่งเล็กๆ ที่เรามีไว้ในพระหัตถ์ของพระเยซู และเราแบ่งปันสิ่งเล็กๆ นี้แก่กัน เมื่อนั้น สิ่งเล็กๆ นี้จะกลายเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างล้นเหลือเลยทีเดียว ช่วงสายวันพุธที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนเรื่องการช่วยเหลือผู้อดอยากและให้น้ำดื่มแก่ผู้กระหาย พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - หนึ่งในผลลัพธ์ของสิ่งที่เรียกว่า 'กินดีอยู่ดี' ก็คือ การนำพาให้เราจมอย

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ที่ยึดติดอำนาจ เงิน และพวกพ้อง ตอนสิ้นใจหลานๆ จะแย่งชิงสมบัติที่เคยครอบครอง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ สงฆ์ที่ยึดติดอำนาจ เงิน และพวกพ้อง ตอนสิ้นใจอาจไม่โดดเดี่ยว เพราะหลานๆ จะคอยเฝ้ารอว่า ถ้าสิ้นใจเมื่อไหร่ เราจะยึดครองทรัพย์สมบัติอะไรไปได้บ้าง  ต่างจากสงฆ์ที่ยึดมั่นศรัทธาร้อนรนในพระเยซู ตอนตายอาจโดดเดี่ยว เหมือนนักบุญเปาโล รวมไปถึงนักบุญเปโตร นักบุญจอห์น แบ๊ปติสต์ และนักบุญมักซีมีเลียน โกลเบ ที่ตายแบบถูกทิ้ง แต่ไม่ทุกข์ระทม เพราะพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างพวกท่าน  ทรงแบ่งปันตัวอย่างสงฆ์ที่ยึดมั่นในพระเยซู ได้แก่พวกสงฆ์เกษียณอายุหลายคน เวลาไปเยี่ยมท่านเหล่านั้น คำถามที่พูดออกมา มีแต่ถามถึงพระศาสนจักร สังฆมณฑล และกระแสเรียกด้วยความห่วงใยจากใจจริง  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงทิโมธีฉบับที่ 2 ท่านกล่าวว่า ศิษย์บางคนได้ละทิ้งท่าน เพราะหลงไปกับจิตตารมณ์ทางโลก บางคนทำร้ายท่าน ในการสู้คดีครั้งแรก ไม่มีใครเป็นพยานให้นักบุญเปาโลเลย" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - โดดเดี่ยว ต้องเที่ยวขอร้องคนอื่น ถูกทุกคนทอดทิ้ง และเป็นเหยื่อของความ

[คำแปลทางการ] พระสันตะปาปาส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล

Image
เรียน ฯพณฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ข้าพเจ้ารู้สึกโทมนัสอย่างสุดซึ้งเมื่อทราบถึงการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชฯ และข้าพเจ้าขอร่วมในความอาลัยด้วยใจจริงมายังสมาชิกทุกองค์แห่งพระบรมศานุวงศ์และประชาชนทุกคนแห่งราชอาณาจักรในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกครั้งนี้  เพื่อการเทิดทูนแด่พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถ พระพละกำลัง และความเที่ยงธรรมอันเป็นมรดกอันทรงค่าอนันต์แก่ปวงชน ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาเพื่อพี่น้องชาวไทยทุกคนขอให้พวกเราทำงานร่วมกันในการส่งเสริมเส้นทางไปสู่สันติภาพ  ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระพรนานัปการจากองค์พระเจ้ามายังพวกท่านทุกคนที่กำลังคร่ำครวญโศกเศร้าถึงการจากไปของพระองค์ท่าน ขอให้พวกท่านได้รับความบรรเทาและการปลอบโยน พระสันตะปาปา ฟรังซิส ------------------------------------------------------ His Excellency Prayut Chan-o-cha Prime Minister of the Kingdom of Thailand I was deeply saddened to learn of the death of His Majesty King Bhumibol Adulyadej, and I extend my heartfelt condolences to the Members of the Royal Family and

พระสันตะปาปาส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล  เรียน ฯพณฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ข้าพเจ้ารู้สึกโทมนัสอย่างสุดซึ้งเมื่อทราบถึงการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชฯ และข้าพเจ้าขอร่วมในความอาลัยด้วยใจจริงมายังสมาชิกทุกองค์แห่งพระบรมศานุวงศ์และประชาชนทุกคนแห่งราชอาณาจักรในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกครั้งนี้  เพื่อการเทิดทูนแด่พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่รงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถ พระพละกำลัง และความเที่ยงธรรมอันเป็นมรดกอันทรงค่าอนันต์แก่ปวงชน ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาเพื่อพี่น้องชาวไทยทุกคนขอให้พวกเราทำงานร่วมกันในการส่งเสริมเส้นทางไปสู่สันติภาพ  ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระพรนานัปการจากองค์พระเจ้ามายังพวกท่านทุกคนที่กำลังคร่ำครวญโศกเศร้าถึงการจากไปของพระองค์ท่าน ขอให้พวกท่านได้รับความบรรเทาและการปลอบโยน พระสันตะปาปา ฟรังซิส ----------------------------------------------------- His Excellency Prayut Chan-o-cha Prime Minister of the Kingdom of Thailand I was deeply saddened to learn of the death of His Majesty King Bh

โป๊ปฟรังซิส: "อย่านับถือศาสนาเหมือนเครื่องสำอาง ที่ทำดีเพื่ออวดและเพื่อแสร้งให้ตัวเองดูดี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ อย่านับถือศาสนาเหมือนใช้เครื่องสำอาง ที่ทำดีเพื่ออวดและเพื่อเสแสร้งให้ตัวเองดูดี คนที่ทำแบบนี้เป็นเหมือนหลุมศพสีขาว ข้างนอกดูดี แต่ข้างในมีแต่กระดูกแห่งความตายและการคดโกง  ทรงสอน อย่าทำดีหรือสวดภาวนาแบบอวดตัวให้คนอื่นเห็น เหมือนพวกไร้ยางอาย (cheeky) และพวกหน้าหนา (shameless people) ซึ่งภาวนาและให้ทานเพื่อที่ตัวเองจะได้รับการสรรเสริญ เพราะพระเจ้าสอนเราให้ทำดีด้วยความสุภาพถ่อมตน ทำดีแบบเงียบๆ ไม่ใช่อวดตัว ช่วงเช้าวันอังคารที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย ท่านกล่าวว่า "สำหรับคริสตชน การมีความเชื่อในพระเยซูไม่ได้อยู่ที่การเข้าสุหนัต แต่มันอยู่ที่การมีความเชื่อซึ่งแสดงออกด้วยการกระทำที่เปี่ยมด้วยความรัก" ส่วนพระวรสารวันนี้ พระเยซูไปเสวยอาหารที่บ้านของฟาริสี และไม่ได้ล้างมือก่อนเสวยตามธรรมเนียม พวกฟาริสีจึงจับผิดพระองค์ พระเยซูตรัสตอบว่า "ใจของท่านเต็มไปด้วยสิ่งที่ขโมยมาและความชั่ว คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ทรงสร

โป๊ปฟรังซิส: "การกลับมาขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ สะท้อนถึงความสุภาพถ่อมตนในจิตใจเรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือนสติ อย่าทำตัวง่ายๆ แบบวอนขอพระเจ้าแล้วได้รับสิ่งที่ต้องการ แต่ไม่ยอมกลับมาขอบคุณพระองค์ ทรงชี้ การที่เรารู้จักกลับมาขอบคุณคนที่ช่วยเหลือเรา สะท้อนถึงความสุภาพถ่อมตนในจิตใจเรา ทรงทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการประกาศรายชื่อ "พระคาร์ดินัลใหม่ 17 คน" พิธีแต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่จะทำวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน จากนั้น วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พระคาร์ดินัลใหม่ จะถวายมิสซาร่วมกับพระสันตะปาปา และเป็นมิสซา "ปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม" "มาเลเซีย" มีพระคาร์ดินัลองค์แรกในประวัติศาสตร์ด้วย ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเดือนแม่พระในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พิธีนี้จัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงรักษาคนโรคเรื้อน 10 คน แต่มีเพียงคนเดียวที่กลับมาขอบคุณพระองค์ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - คนโรคเรื้อน 9 คนที่พระเยซูทรงรักษา เป็นพวกหลงลืมผู้ให้ ซึ่งก็คือพระบิดาผู้ทรงรักษาพวกเขาผ่านทางพระเยซู ผู้เป็นพระบุตรของพระองค์ ขณะที่คนป่วยที่กลับมาขอบคุณพระเจ้า เป็นชาวสะ

โป๊ปฟรังซิส: "พระจิตคือพลังที่ทำให้พระศาสนจักรก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ พระจิตคือพลังที่ทำให้พระศาสนจักรก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้า หากไม่มีพระจิต พระศาสนจักรคงจะปิดตัวเองด้วยความกลัวไปแล้ว ทรงเตือน อย่าคิดว่าเราเป็นผู้ชอบธรรม เพียงเพราะทำตามธรรมบัญญัติอย่างเดียว การทำแบบนั้นไม่มีความยืดหยุ่นและทำให้เราเป็นคนเสแสร้ง แต่จงเปิดตัวเองให้กับพระจิต และเราจะเป็นเหมือนเรือใบที่แล่นฉิวไปข้างหน้าด้วยแรงลม ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย นักบุญเปาโลกล่าวว่า "พวกท่านได้รับพระจิต เพราะทำตามธรรมบัญญัติหรือได้รับเพราะการประกาศข่าวดี" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พระจิตคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่จากพระบิดา นี่คือพลังที่ทำให้พระศาสนจักรก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้า แม้จะเป็นการก้าวไปจนวาระสุดท้ายของโลกก็ตาม พระจิตคือองค์อุปถัมภ์แห่งการก้าวไปข้างหน้าของพระศาสนจักร หากไม่มีพระจิต พระศาสนจักรคงจะปิดตัวเองด้วยความกลัวไปแล้ว - มีทัศนคติ 3 แบบที่เราสามารถมีต่อพระจิต ทัศนคติแรก นักบุญเปาโลได้ตำหนิคริสตชนเมืองก

สัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบิน: "พ่อเดินร่วมทางไปกับคนที่มีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศเสมอ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระองค์เดินร่วมทางไปกับคนที่เบี่ยงเบนทางเพศและไม่ทอดทิ้งพวกเขา เพราะทรงมั่นใจว่า ถ้าเป็นพระเยซู พระองค์ก็จะให้คนรักร่วมเพศเข้ามาหาพระองค์ พระเยซูจะไม่พูดว่า "ไปไกลๆ ซะ" อย่างแน่นอน ทรงแนะ การอภิบาลคาทอลิกรักร่วมเพศและแปลงเพศ ต้องพิจารณาเป็นกรณี อย่าเหมารวมว่าทุกเคสต้องเป็นเหมือนกันหมด ทรงเผย ปี 2017 จะมาเยือน "อินเดียและบังคลาเทศ" และจะไป "ฟาติมา ประเทศโปรตุเกส" ในวันที่ 13 พฤษภาคม เพื่อร่วมฉลองการประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา ครบ 100 ปี พร้อมกันนี้ ทรงแย้ม กำลังศึกษารายชื่อผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลใหม่ โดยหลักการคัดเลือกคือต้องการกระจายผู้ที่จะเป็นพระคาร์ดินัลออกไปทั่วโลก ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่ยุโรปเท่านั้น สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินต่อบรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จไปทำข่าวการเยือนจอร์เจียและอาร์เซอร์ไบจาน ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญ มีดังต่อไปนี้ นักข่าว: "พระสันตะปาปาที่เคารพ พระองค์ตรัสที่จอร์เจียถึงเรื่องทฤษฎีเรื่องเพศ (แนวคิดว่า เราสามารถเลือกเพศของตัวเองได้) พระองค์บอกว่า นี่คือ

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อไม่ได้เสียเวลาแบบเปล่าประโยชน์ในการมาเยี่ยมคาทอลิกกลุ่มเล็กๆ ที่อาร์เซอร์ไบจาน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระองค์ไม่ได้เสียเวลาแบบเปล่าประโยชน์ในการมาเยี่ยมคาทอลิกกลุ่มเล็กๆ ในอาร์เซอร์ไบจาน ภายหลังมีคนพูดว่าพระสันตะปาปากำลังเสียเวลาโดยใช่เหตุในการเดินทางไกลๆ แบบนี้ ทรงสอน คาทอลิกอย่าทำนิสัยคิดคำนวณว่า ถ้าเรารับใช้เพื่อนมนุษย์แล้ว เราจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่และคุ้มกับเวลาที่เสียไปหรือไม่  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาแรกในการเยือนอาร์เซอร์ไบจาน ภายในวัดแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล กรุงบากู ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีประมาณ 300 คน พระวรสารวันนี้ บรรดาศิษย์ทูลพระเยซูว่า "โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด" พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - เราอย่าสับสนว่า ความเชื่อในพระเจ้าต้องเป็นเรื่องของการกินดีอยู่ดี เพราะในความเป็นจริง ความเชื่อในพระเจ้าคือการที่เราได้รับการบรรเทาใจและได้รับสันติในจิตใจ ค - พระเยซูสอนเราว่า ความเชื่อประกอบไปด้วยการรับใช้ ความเชื่อและการรับใช้ไม่สามารถแยกจากกันได้ ในทางกลับกัน มันถักทอกันแน่นจนแยกไม่ออกด้วยซ้ำ ยิ่งในพระวรสารวันนี้  ยิ่งตอกย้ำเรามากๆ ว่า ถ้าเรามีความเชื่อมากเท่าไหร่ เราต้อง

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าพ่อแม่หย่าร้าง คนชดใช้ค่าเสียหายคือลูก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ถ้าพ่อแม่หย่าร้าง คนชดใช้ค่าเสียหายคือลูกที่ต้องทนทุกข์ระทม ทรงย้ำอีกรอบ สามีภรรยาทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าให้จบวันนี้ไปโดยไม่เคลียร์กัน มิฉะนั้น วันรุ่งขึ้นจะกลายเป็น "สงครามเย็น" และอาจจบลงด้วยการหย่าร้าง ทรงสอน ถ้าปีศาจล่อลวงเราให้นอกใจคู่ครอง เราต้องสำนึกผิดและขอโทษ ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องใจกว้างและกล้าให้อภัยคนทำผิดที่สำนึกผิด ทรงเตือน คาทอลิกห้ามบังคับออโธด็อกซ์เปลี่ยนความเชื่อเด็ดขาด เพราะการทำเช่นนี้คือบาปที่ขัดกับหลักคริสตศาสนสัมพันธ์ ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังวัดอัสสัมชัญ กรุงทบิลิซี่ ประเทศจอร์เจีย เพื่อพบปะและให้โอวาทกับพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสคาทอลิกชาวจอร์เจีย โดยใจความสำคัญมีว่า - พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าสร้างเราชายและหญิงตามภาพลักษณ์ของพระองค์ สรุป เราคือเลือดเนื้อเชื้อไขของพระเจ้า แต่ยุคนี้เราเจอความยากลำบากที่มาพร้อมการแต่งงาน เราเจอความเข้าใจผิด และการล่อลวงต่างๆ ผลที่ตามมาคือการหย่าร้าง ถ้าสามีภรรยาหย่าร้างกัน ใครคือคนจ่ายค่าเสียหาย คำตอบคือลูกๆ นั่นเอง ลองคิดดูนะ ลูกๆ จะทุก

โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรอย่ามัวแต่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระศาสนจักรอย่ามัวแต่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง อย่าติดกับดักการบริหารจัดการองค์กรแบบเยอะเกินความจำเป็น แต่เราต้องมีจิตใจแบบเด็กๆ ที่เน้นความใสซื่อ เรียบง่าย ทรงย้ำ การที่เราถ่อมตัวลงและทำตัวต่ำต้อยเหมือนเด็กๆ อาจถูกโลกโลกมองว่าอ่อนแอ แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว เรายิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระองค์ ทรงเตือนสติบรรดานายชุมพาบาล อย่าหลงไปกับจิตตารมณ์ทางโลกที่มุ่งเน้นแต่ความสำเร็จส่วนตัว ช่วงสายวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาแรกในการเยือนจอร์เจีย ช่วงเริ่มพิธี พระสันตะปาปาทรงเดินผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ในสนามกีฬาด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมเพื่อชาวจอร์เจีย ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พระเจ้าทรงต้องการปลอบโยนมนุษย์ ดังนั้น พระศาสนจักรต้องเป็นบ้านแห่งการปลอบโยน ดังนั้น พ่ออยากให้เราถามตัวเองว่า เราที่อยู่ในพระศาสนจักร เรานำการปลอบโยนเห็นอกเห็นใจของพระเจ้าไปมอบให้คนอื่นบ้างไหม เราต้อนรับคนต่างความเชื่อที่มาเยี่ยมเราหรือเปล่า - เงื่อนไขของการได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้าคืออะไร คำตอบคือ