Posts

Showing posts from April, 2016

โป๊ปฟรังซิส: "ความสุขไม่ใช่แอพพลิเคชั่นที่สามารถดาวน์โหลดบนมือถือ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอนเด็กและเยาวชน "ความสุข" ไม่ใช่แอพพลิเคชั่นที่สามารถดาวน์โหลดบนมือถือ และไม่สามารถอัพเดทเวอร์ชั่นล่าสุดที่จะนำอิสรภาพและความรักมาให้เรา ความสุขหาซื้อไม่ได้ แต่เราพบความสุขได้จากการดำเนินชีวิตด้วยความรักต่อผู้อื่น ทรงเตือน จงระวังความต้องการที่ฝังอยู่ในนิสัยแบบ "ต้องได้ ต้องมี" เพื่อสนองความพอใจของเรา ทรงสงสัยในตัวคนที่บอกเด็กและเยาวชนว่าชีวิตจะมีความสุขแน่ ถ้าทำตัวตามดารานักแสดงและแต่งตัวด้วยแฟชั่นล่าสุด ทรงชี้ ความรักคือบัตรประชาชนของคริสตชน นี่คือเอกสารเดียวเท่านั้นที่ยืนยันว่าเราเป็นศิษย์พระเยซู ทรงแนะ เด็กและเยาวชนต้องกล้ามีความฝัน ถ้าคนวัยนี้ไม่มีความฝัน ก็เป็นเหมือนคนวัยเกษียณอายุ ทรงย้ำ การเป็นคนเมตตาหมายความว่าเราต้องสามารถให้อภัยทุกคน อย่าทำตัวติดกับดักความโกรธและแก้แค้น เพราะนิสัยแบบนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และมันยังเป็น "หนอนไม้" ที่กัดกินจิตวิญญาณของเรา  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ให้กับเด็กและเยาวชนกว่า 300,000 คน ณ ลานหน้ามหาวิห

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องประกาศข่าวดี ภาวนา และมีความหวัง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนต้องประกาศข่าวดีของพระเยซู ต้องภาวนา และมีความหวังอยู่เสมอ มันเป็นสิ่งดีที่เราจะลองถามตัวเองกันว่า เราประกาศพระนามของพระเยซูในชีวิตประจำวันบ้างหรือเปล่า เราภาวนาบ้างไหม และเรามีความเชื่อจริงจังหรือเปล่าว่า พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้ เป็นเหตุการณ์ที่เปาโลมาถึงเมืองอันทีโอ๊ค แล้วเริ่มประกาศข่าวดีทันที พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - สำหรับคริสตชนทุกคน มันมีเสาหลัก 3 อย่างที่เราต้องยึดไว้ หนึ่งคือการประกาศข่าวดี สองคือการเสนอวิงวอน และสามคือความหวัง หัวใจของการประกาศข่าวดีคือพระเยซูผู้ทรงสิ้นพระชนม์และเสด็จกลับคืนชีพจากความตาย พระองค์คือพระผู้ไถ่ของเรา บรรดาอัครสาวกได้ทำสิ่งนี้ต่อหน้าชาวยิวและคนต่างศาสนา พวกเขาเป็นประจักษ์พยานด้วยการยอมสละชีวิตและเลือดของตน - เมื่อเปโตรและจอห์นถูกนำไปตัวที่สภาซันเฮดริน เนื่องจากขัดขืนคำสั่งพวกสมณะที่สั่งห้ามพวกเขารักษาคนป่วยในนามของพระเยซู เปโตรและจอห์นไม่กลัว แต่พวกเขามีความกล

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนที่หัวใจแข็งกระด้างก็เป็นเหมือนลูกกำพร้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนที่หัวใจแข็งกระด้างปฏิเสธการนำทางไปหาพระคริสตเจ้า ก็เป็นเหมือนลูกกำพร้า เพราะเขาไม่ฟังเสียงของพระบิดา ตัวอย่างชัดเจนคือพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ที่ถามพระเยซูซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้พระองค์แสดงอัศจรรย์ให้ดู หรือจะเป็นเหตุการณ์ที่ทหารเฝ้าคูหาฝังศพพระเยซูเผลอหลับไป ก็ดันไปปั้นเรื่องว่าพวกอัครสาวกขโมยศพไปอีก  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ ชาวยิวถามพระเยซูว่า "จะให้พวกเราสงสัยอีกนานแค่ไหน ถ้าท่านเป็นพระคริสตเจ้า จงบอกพวกเราให้ชัดเจนเถิด" พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "เราบอกท่านแล้ว แต่ท่านไม่เชื่อ เพราะท่านไม่ใช่แกะของเรา แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักมัน และมันก็ตามเรา" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - คำถามของพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ที่ถามซ้ำๆ แบบนี้ มันคือความคิดที่ออกมาจากจิตใจปิดตายและมืดบอดทางความเชื่อ พระเยซูอธิบายเรื่องนี้ชัดเจนมาก 'ท่านไม่เชื่อ เพราะท่านไม่ใช่แกะของเรา' ดังนั้น การเป็นแกะของพระคริสตเจ้าคือพระหรรษทาน สิ่งนี้

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องติดตามพระเยซู ไม่ใช่เดินตามหมอดูดวงชะตาหรือหมอดูไพ่"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนต้องติดตามพระเยซู ไม่ใช่เชื่อและเดินตามคำแนะนำของหมอดูดวงชะตาหรือหมอดูไพ่ เพราะถ้าทำแบบนั้น เราไม่ได้ติดตามพระเยซู แต่ไปติดตามคนอื่นแล้ว ทรงสอน วิธีการฟังและจำเสียงของพระเยซู ก็คือ จงไปอ่านพระวรสารเรื่องมหาบุญลาภ (ผู้เป็นสุข) หากใครสอนเราให้ดำเนินชีวิตตรงกันข้ามกับมหาบุญลาภ คนนั้นก็เข้ามาทางหน้าต่าง ไม่ได้มาทางประตู และแน่นอน เขาไม่ใช่พระเยซู ทรงถาม เวลาเราตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต เราทำในนามพระเยซูหรือเปล่า  ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสว่า "เราเป็นประตูคอกแกะ ทุกคนที่มาก่อนหน้าเรา เป็นขโมยและโจร เราเป็นประตู ผู้ที่เข้ามาทางเราก็จะรอดพ้น" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พระเยซูทรงพูดกับประชาชนด้วยคำการยกตัวอย่างแบบง่ายๆ เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน พระองค์ทรงยกตัวอย่างเรื่องคนเลี้ยงแกะ เพราะคนที่ฟังพระองค์ ต่างเข้าใจชีวิตของคนเลี้ยงแกะเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขาพบเห็นทุกวัน ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส - พระเจ้าทรงกล

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ใหม่อย่าลืมประวัติความเป็นมาของตนเด็ดขาด เป็นสงฆ์ต้องเมตตาให้มากๆ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงบวชสงฆ์ใหม่ 11 คน พร้อมเตือนสติ อย่าลืมประวัติความเป็นมาของตนเองเด็ดขาด ทรงย้ำ พระสงฆ์ต้องเป็นคนเปี่ยมด้วยเมตตาให้มากๆ ต้องรู้จักแบกกางเขน ที่สำคัญ การได้บวชหมายความว่า พระเยซูเลือกคนเหล่านี้ ไม่ใช่สงฆ์ใหม่เลือกพระเยซู ส่วนการสวดราชินีแห่งสวรรค์ ทรงเชิญทุกคนภาวนาเพื่อผู้สูญเสียจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นและเอกวาดอร์ พร้อมแบ่งปันความรู้สึกที่ไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยบนเกาะเลสบอส ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาวันภาวนาเพื่อกระแสเรียก ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พร้อมบวชพระสงฆ์ใหม่ 11 คน สงฆ์ใหม่ที่อายุน้อยสุดคือ 26 ปี อายุมากสุดคือ 44 ปี และมีสงฆ์ใหม่ชาวฟิลิปปินส์ด้วย สำหรับรายละเอียดสงฆ์ใหม่ 11 คน ประกอบด้วย 4 คนมาจากสามเณราลัยมารดาพระผู้ไถ่, 3 คนมาจากสามเณราลัยโรมาโน่ มาจจอเร่, 1 คนจากสามเณราลัยอัลโม่ คอลเลโจ้ คาปรานีก้า และสามเณราลัยแม่พระแห่งความรักที่ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีก 2 คนนั้น เป็นสงฆ์ชาวอิรัก 1 คน และสงฆ์ใหม่จากคณะโอราโตริโอ ซึ่งก่อตั้งโดยนักบุญฟิลิปโป้ เนรี่ ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์

โป๊ปฟรังซิสให้สัมภาษณ์สาเหตุที่พาผู้ลี้ภัยมุสลิมมาพำนักที่วาติกัน

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเผย สาเหตุที่พาผู้ลี้ภัยชาวมุสลิม 12 คน มาอาศัยที่วาติกัน เป็นเพราะพวกเขามีเอกสารพร้อมที่จะดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จริงๆ แล้ว ตั้งใจจะพาผู้ลี้ภัยชาวคริสต์กลับมาด้วย แต่ติดที่เอกสารตามกฎหมายไม่ครบ จึงดำเนินการต่อไม่ได้ พร้อมย้ำ ไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน เพราะทุกคนเป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน ทรงยอมรับ เข้าใจความกลัวของคนที่เรียกร้องให้ยุโรปควบคุมการเปิดปิดพรมแดน เพื่อรักษาความปลอดภัย แต่การทำแบบนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาวแต่อย่างใด ทรงอยากเห็นพวกพ่อค้าอาวุธสงครามมาเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัย เผื่อจะคิดได้ว่าความลำบากของเหยื่อเหล่านี้รุนแรงขนาดไหน ทรงตอบกลับพวกชอบแต่งเรื่อง การที่พระองค์ทักทาย เบอร์นี่ แซนเดอร์ส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต้องเป็นเรื่องการเมืองเสมอไปอย่างนั้นเหรอ หากใครคิดแบบนี้ ควรไปพบ "จิตแพทย์" ได้แล้ว  สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประทานการสัมภาษณ์นักข่าวบนเครื่องบินกลับจากเกาะเลสบอส ประเทศกรีซ มายังกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยประเด็นสำคัญ มีดังนี้ พระสันตะปาปาทรงเริ่มต้นด้วยการทักทายบรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จว่

โป๊ปฟรังซิสเสด็จเยี่ยมผู้ลี้ภัยบนเกาะเลสบอส ประเทศกรีซ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงให้กำลังใจผู้ลี้ภัย "พวกท่านไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว" พร้อมกันนี้ ทรงรับผู้ลี้ภัยชาวมุสลิม 12 คนไปอยู่ที่กรุงโรมด้วย นอกจากนี้ ยังมีบรรยากาศสะเทือนใจเมื่อผู้ลี้ภัยคุกเข่าลงแทบเท้าพระสันตะปาปา ก่อนจะร้องไห้และขอบคุณพระองค์ที่ไม่ลืมพวกเขา พร้อมกันนี้ ทรงเชิญทุกคนร่วมภาวนาให้สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 โอกาสวันคล้ายวันสมภพครบ 89 ชันษา วันเสาร์ที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จเยี่ยมผู้อพยพและลี้ภัยกว่า 2,500 คน ภายในแคมป์ที่เกาะเลสบอส ประเทศกรีซ หลังจากที่พระองค์ทรงมาถึงเกาะแห่งนี้ พระอัยกาบาร์โธโลมิว ผู้นำคริสตชนออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ก็มารอรับเสด็จด้วย ในส่วนของตารางเวลาการเยือนครั้งนี้ เป็นแบบไปเช้า-เย็นกลับ พระสันตะปาปาทรงอยู่บนเกาะเลสบอส ประมาณ 5 ชั่วโมง พิธีการส่วนมากจะเป็นพระสันตะปาปาพบกับผู้ลี้ภัยและทานอาหารกับพวกเขา นอกจากนี้ ยังมีช่วงเวลาสั้นๆ ให้พระสันตะปาปาพบกับประธานาธิบดีของกรีซ รวมถึงการลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างคาทอลิกกับออโธด็อกซ์ในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ส่วนมิสซานั้นไม่มี เพราะผู้ลี้ภัยเ

โป๊ปฟรังซิส: "ระวังการเบียดเบียนรูปแบบใหม่ มาแบบสุภาพแต่ทำให้เราถอยห่างจากพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือนสติ คริสตชนต้องระวังการเบียดเบียนรูปแบบใหม่ มันคือการเบียดเบียนเราให้ถอยห่างจากพระเจ้า โดยใช้ความทันสมัย วัฒนธรรม และความสุขสบายต่างๆ มาล่อลวง นี่คือการเบียดเบียนอย่างสุภาพไม่โหดร้ายป่าเถื่อนถึงขั้นนองเลือด เหมือนการเบียดเบียนที่มุ่งหวังชีวิต ช่วงเช้าวันอังคารที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่สตีเฟ่นถูกธรรมาจารย์ ผู้อาวุโส และประชาชน ลากออกไปนอกเมืองแล้วนำหินหุ่มจนตาย ทำให้สตีเฟ่นเป็นมรณสักขีองค์แรกของพระศาสนจักร พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - เรื่องราวของสตีเฟ่นในวันนี้ บอกเราได้เป็นอย่างดีถึงการเบียดเบียนคริสตชนที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์ความเชื่อมากว่า 2,000 ปี การเบียดเบียนนี้คืออาหารประจำวันของพระศาสนจักร พระเยซูก็ตรัสแบบนี้ มันมีการเบียดเบียนแบบนองเลือดมากมาย ไล่ตั้งแต่การให้สัตว์ป่าฉีกร่างคริสตชนออกเป็นชิ้น หรือจะเป็นการปาระเบิดใส่ตอนจบมิสซา นอกจากนี้ มันยังมีการเบียดเบียนที่ดูนุ่มนวลและซุกซ่อนด้วยความสุภาพ นั่นคือ การทำให

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าทำตัวเป็นปราชญ์ตามตัวอักษรที่ชอบปั้นเรื่องโกหกและเป็นพยานเท็จปรักปรำคนอื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือนคริสตชน อย่าทำตัวเป็น "ปราชญ์ตามตัวอักษร" ที่ดีแต่ตีความทุกอย่างตามตัวอักษร ไม่คอยหาทางออกให้ปัญหา แต่เลือกจะปั้นเรื่องโกหกขึ้นมา พร้อมทำตัวเป็นพยานเท็จปรักปรำคนอื่น เพราะนิสัยแบบนี้เลวร้ายกว่าพวกหน้าซื่อใจคดด้วยซ้ำ ตัวอย่างของคนแบบนี้คือพวกที่ทำเป็นมือสะอาดแล้วเลือกตัดสินคนอื่นแบบหน้าตาย ทรงย้ำ พวกปราชญ์ตามตัวอักษรจะมีจิตใจแข็งกระด้าง จิตใจโง่เขลา และไม่สามารถอดทนต่อความจริงใดๆ ทั้งสิ้น  ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่สตีเฟ่นถูกพวกคนในศาลาธรรมปรักปรำว่าพูดจาดูหมิ่นโมเสสและพระเจ้า เพียงเพราะสตีเฟ่นโต้เถียงชนะพวกเขา อันเป็นผลงานจากพระจิต พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - หัวใจของพวกธรรมาจารย์เหล่าปิดตายต่อความจริงของพระเจ้า พวกเขายึดติดแต่ความจริงตามตัวบทกฏเกณฑ์ ตีความตามตัวอักษร และไม่แสวงหาทางออกใดๆ นอกจากปั้นเรื่องโกหกขึ้นมาและทำตัวเป็นพยานเท็จ พระเยซูทรงตำหนิทัศนคติของคนพวกนี้หลายครั้ง เพราะบรรพบุร

โป๊ปฟรังซิสทรงเรียกร้องไอซิสให้ปล่อยตัวสงฆ์ซาเลเซียนที่ถูกลักพาตัวในเยเมน

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเรียกร้องกลุ่มไอซิส โปรดปล่อยตัวคริสตชนที่ถูกลักพาตัวไปในพื้นที่สงคราม เฉพาะอย่างยิ่ง "คุณพ่อทอม อัซฮันนาลิล" สงฆ์ซาเลเซียนที่ถูกจับลักพาตัวไปในเยเมน หลังจากทรงทราบแน่ชัดแล้วว่า คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ ทรงสอน การที่พระเยซูแสดงพระองค์แก่เราคือการมอบความหวังและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในชีวิตเราให้ดีขึ้น  ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดราชินีแห่งสวรรค์ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงแสดงพระองค์ต่อบรรดาศิษย์หลังการเสด็จกลับคืนชีพ พร้อมสั่งให้พวกเขาเหวี่ยงแหตามที่ทรงสั่ง จากนั้น พวกเขาก็จับปลาได้อย่างมากมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่มีวี่แววว่าจะจับปลาได้เลย พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "การแสดงพระองค์ของพระเยซูได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่าง เปลี่ยนการทำงานที่สูญเปล่าให้เป็นการทำงานที่บังเกิดผลและเด่นชัด เปลี่ยนความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังให้เป็นความฮึมเหิม และแน่นอน พระองค์ประทับอยู่กับเรา นี่คือการฟื้นฟูความหวังและพันธก

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาทำบุญให้ทาน อย่าทำเพื่อหวังคำสรรเสริญเยินยอ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ เวลาทำบุญให้ทาน อย่าทำเพื่อหวังคำสรรเสริญเยินยอ เพราะพระเยซูสอนเราแล้วว่า เวลาทำบุญ จงทำเงียบๆ ทรงสอน เวลาทำบุญ จงทำด้วยความใจกว้าง ไม่ใช่ทำด้วยใจขี้เหนียว เพราะนี่คือการมอบความเมตตาให้คนอื่น ไม่ใช่มอบภาระอันหนักอึ้งให้พวกเขา ช่วงสายของวันเสาร์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดขึ้นเป็นพิเศษทุกวันเสาร์โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงสอนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของความเมตตาและการทำบุญให้ทาน พระสันตะปาปา ตรัสว่า - การทำบุญให้ทานมีความสัมพันธ์กับความเมตตาเป็นอย่างมาก ในพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงเรียกร้องเราให้ดูแลผู้ยากไร้ ผู้ขัดสน ผู้กำพร้า และหญิงม่าย อย่างไรก็ตาม การที่พระเจ้าเรียกร้องให้ทำบุญ พระองค์ทรงสั่งไว้ชัดเจนว่า "เมื่อท่านทำบุญให้ทาน จงทำด้วยความใจกว้าง อย่าทำด้วยหัวใจที่ขี้เหนียวเด็ดขาด สิ่งนี้หมายความว่า เหนือสิ่งอื่นใดนั้น ความรักความเมตตาเรียกร้องทัศนคติที่เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีในจิตใจ มันคือการมอบความเมตตาให้คนอื่น ไม่ใช่มอบภาระอันหนักอึ้งหรือสร้างป

สารเตือนใจ "ความชื่นชมยินดีแห่งความรัก" ย้ำ คาทอลิกหย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ ไม่ได้ถูกขับออกจากพระศาสนจักร

Image
วันนี้ (ศุกร์ที่ 8 เมษายน 2016) วาติกันเปิดตัวสารเตือนใจของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว (Post-Synodal Apostolic Exhortation) เมื่อเดือนตุลาคม 2015 มาเป็นแนวทางในการอภิบาลชีวิตครอบครัวและการแต่งงาน งานนี้ พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น พระอัครสังฆราชแห่งเวียนนา ประเทศออสเตรีย เป็นผู้แถลงรายละเอียด สารเตือนใจนี้ มีชื่อว่า "ความชื่นชมยินดีแห่งความรัก" (Amoris Laetitia) มีความหนา 264 หน้า ประกอบไปด้วย 9 บท และ 325 หัวข้อ ต้องขอย้ำว่า สารเตือนใจนี้ พระสันตะปาปา "ยังคงเน้นย้ำและไม่เปลี่ยนแปลง" หลักคำสอนพระศาสนจักรเรื่องการแต่งงานระหว่างชายและหญิง ส่วนเนื้อหาหลักๆ เป็นอย่างไรนั้น ผมขอสรุปข้อหลักๆ แล้วกันครับ เพราะต้นฉบับยาวมาก อ่านและเก็บใจความสำคัญเท่าที่ได้ ตามแบบฉบับ "ฆราวาส" ไปก่อนแล้วกันครับ  สิ่งที่ Pope Report เก็บมาได้จากสารนี้ ได้แก่ 1) คาทอลิกที่หย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ ต้องได้รับการรวมเข้าไว้อย่างสมบูรณ์แบบในพระศาสนจักร พวกเขาควรได้รับความรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของพระ

โป๊ปฟรังซิส: "ประเทศชาติต้องการวีรบุรุษ ส่วนพระศาสนจักรต้องการประจักษ์พยานและมรณสักขี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ประเทศชาติต้องการวีรบุรุษ พระศาสนจักรก็ต้องการวีรบุรุษเช่นกัน แต่เป็นวีรบุรุษในแบบประจักษ์พยานและมรณสักขี ซึ่งดำเนินชีวิตอย่างยืนหยัดมั่นคงในพระเจ้า พูดและทำตามสิ่งทีพระเยซูสอน ไม่ใช่ดำเนินชีวิตครึ่งๆ กลางๆ หน้าไหว้หลังหลอก  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่เปโตรประกาศในสภาซันเฮดรินว่า "เราต้องเชื่อฟังพระเจ้า ยิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์" สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในนั้นรู้สึกโกรธและอยากจะฆ่าบรรดาอัครสาวกมาก พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - ความกล้าหาญของเปโตรในครั้งนี้ ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก "เปโตร คนขี้ขลาด" ซึ่งปฏิเสธพระคริสตเจ้าสามครั้งในคืนวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ เปโตรกลับกลายเป็นคนเข้มแข็งในการเป็นประจักษ์พยาน นี่แหละคือการเป็นประจักษ์พยานตามแบบฉบับคริสตชน นี่คือการเป็นประจักษ์พยานในการติดตามพระเยซูแม้จะต้องสละชีวิตของตนเองก็ตาม - ความสอดคล้องกันระหว่างชีวิตของเรากับสิ่งที่เราได้ยินได้เห็น

โป๊ปฟรังซิส: "ไม่มีใครถูกกีดกันจากความรักอันเมตตาของพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ ไม่มีใครถูกกีดกันจากความรักที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของพระเจ้า แม้เราทุกคนเป็นคนบาป แต่พระเจ้าทรงเมตตาและให้อภัยเราเสมอ ดังนั้น เราต้องอย่ากลัวที่จะยอมรับว่าตนเป็นคนบาปและขอการอภัยจากพระองค์ พร้อมกันนี้ ทรงอวยพรเด็กหญิงชาวอเมริกันวัย 6 ขวบ ที่ดวงตากำลังจะบอด อันเนื่องจากโรคอัชเชอร์ ซินโดรม ประเภท 2 ด้วย ช่วงสายวันพุธที่ 6 เมษายนที่๋่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาเทศน์สอนระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ความพิเศษของวันนี้อยู่ที่ตอนท้ายของการเข้าเฝ้า พระสันตะปาปาทรงอวยพร "ลิซซี่ ไมเออร์ส" เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ซึ่งกำลังจะตาบอด เนื่องจากป่วยด้วยโรคอัชเชอร์ ซินโดรม ประเภท 2 (Usher syndrome - type 2 ... เด็กมีลักษณะจอตาอักเสบ เนื่องจากมีสีผิดปกติ จึงทำให้ตาบอดและหูหนวกเมื่อเจริญเติบโตไปสักระยะ) โดยพระสันตะปาปาทรงอวยพรดวงตาและหูของเธอเป็นพิเศษ ท่ามกลางบรรยากาศที่เคล้าน้ำตาเป็นอย่างมาก ในส่วนของพระดำรัสสอน พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า - พระวรสารแสดงให้เราเห็นถึงพระเยซู ผู้ซึ่งในทุกทำนองของชีวิตบนโลกนี้ พระองค์ทรงแสดงออกถ

โป๊ปฟรังซิส: "ความสามัคคีที่เกิดจากเงิน สุดท้ายจะทำให้เราแตกแยกกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ ความสามัคคีที่มาจากเงิน จะทำให้เราแตกแยกกัน เพราะเงินคือศัตรูของความสามัคคี และเป็นบ่อเกิดของความเห็นแก่ตัว เราจะรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมๆ กัน ไม่ได้เด็ดขาด ทรงสอน กลุ่มคริสตชนต้องแยกให้ออกระหว่างความสามัคคีกับความเงียบ เพราะบางสังฆมณฑลดูเหมือนเงียบสงบ แต่ถ้าไปแตะปัญหาใดเข้า สงครามจะปะทุขึ้นทันที สิ่งนี้คือความสามัคคีแบบเสแสร้ง มันแตกต่างจากความสามัคคีที่เป็นผลงานของพระจิต ซึ่งทำให้เราสงบและแบ่งปันทุกอย่างให้กัน โดยไม่แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ช่วงเช้าวันอังคารที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้มีความเชื่อดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตน แต่เป็นของส่วนรวม ไม่มีผู้ใดขัดสน เพราะทุกคนแบ่งปันสิ่งต่างๆ แก่กัน พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - คำพูดเดียวที่สรุปความรู้สึกและวิถีการดำเนินชีวิตของคริสตชนยุคแรกเริ่มก็คือคำว่าความสามัคคี พวกเขาดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริ

โป๊ปฟรังซิส: "แม่พระตอบ YES กับพระเจ้าคือการเปิดประตูให้พระเยซูมาอยู่ท่ามกลางเรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน การที่แม่พระตอบรับ (YES) ต่อพระเจ้า ถือเป็นการเปิดประตูให้พระเยซูเข้ามาอยู่ท่ามกลางเรา นี่เป็นการตอบรับพระเจ้าที่พิเศษกว่าในอดีตที่บรรดาประกาศกตอบรับเสียงเรียกของพระเจ้า เพราะในพระธรรมเก่า พระเจ้าแค่มองดูมนุษย์ แต่การตอบรับของแม่พระคือการทำให้พระเจ้าลงมารับสภาพมนุษย์และอยู่ท่ามกลางเรา ทรงย้ำ เราอย่าทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้า แต่จงพร้อมจะฟังเสียงของพระองค์เสมอ ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าโอกาสวันสมโภชการแจ้งสารเรื่องพระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์ (ชื่อเดิม สมโภชแม่พระรับสารจากอัครเทวดากาเบรียล) มิสซานี้จัดในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา และนับเป็นมิสซาแรกหลังจากหยุดพักช่วงปาสกา บทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - เรื่องการเชื่อฟังพระเจ้าแบบสิ้นสุดจิตใจ เราพบเห็นได้ตั้งแต่ยุคของอับราฮัม ท่านเชื่อฟังพระเจ้าและเดินทางออกจากแผ่นดินของตนโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง นี่แหละคือความสุภาพนอบน้อมต่อพระเจ้าอย่างหาที่สุดมิได้ แม้ว่า จะมีหลายคนที่เป็นผู้สูงอายุอย่างอับราฮัมและโมเสส แต่พวกท่านเหล่านั

สภาสังฆราชคาทอลิกอินเดียยืนยัน สงฆ์ที่ถูก ISIS จับตัวไป ยังมีชีวิต

Image
คุณพ่อโทมัส อัสฮันนาลิล สงฆ์อินเดียของคณะซาเลเซียน ที่ถูกกลุ่ม ISIS ลักพาตัวไปในเยเมน "ยังมีชีวิตและอาจจะได้รับการปล่อยตัวในไม่ช้า" จากการเปิดเผยของ "คุณพ่อโจเซฟ ชินนายยัน" รองเลขาธิการของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศอินเดีย  เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศอินเดีย เข้าพบ "ศุษมา สวราช" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย เพื่อขอความช่วยเหลือให้รัฐบาลอินเดียเจรจาทางการทูตกับกลุ่ม ISIS ซึ่งคำตอบที่ ศุษมา สวราช ตอบกลับมาคือ "คุณพ่อทอม ยังมีชีวิต ตอนนี้ รัฐบาลกำลังเจรจากับ ISIS และเราคิดว่า ท่านน่าจะได้รับการปล่อยตัวในไม่ช้า" ... เรื่องนี้ นักข่าวสายวาติกันร่วมยืนยันว่า "เป็นความจริง" นอกจากนี้ นักข่าวสายวาติกันได้คุ้ยต้นตอข่าวลือที่บอกว่า คุณพ่อทอม จะถูกจับตรึงกางเขนว่ามาจากไหน และได้คำตอบแล้วดังนี้ "ข่าวลือนี้เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2016 เมื่อกลุ่มซิสเตอร์คณะฟรานซิสกันแห่งเซียสเซ่น (อยู่ในแอฟริกาใต้) ได้โพสต์ข้อความบน Facebook ของคณะว่า คุณพ่อทอมถูก ISIS จับตัวไป และกำลังถูกทรมาน ท่านจะถูกจับตรึงกางเขนใน

โป๊ปฟรังซิส: "คาทอลิกทุกคนถูกเรียกให้เป็นผู้เขียนพระวรสารแห่งพระเมตตา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คาทอลิกทุกคนถูกเรียกให้เป็นผู้เขียนพระวรสารแห่งพระเมตตา และต้องประกาศสารแห่งการให้อภัยต่อมนุษยชาติ เราเขียนพระวรสารนี้ได้โดยผ่านทางการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงความเมตตาและช่วยเหลือผู้อื่นแบบไม่หวังผลตอบแทน ทรงย้ำ พระวรสารคือหนังสือแห่งพระเมตตาของพระเจ้า ทุกสิ่งที่พระเยซูสอนคือการแสดงออกถึงพระเมตตาของพระบิดา ไม่มีสิ่งใดจะลบเลือนพระเมตตานี้ได้ ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาวันอาทิตย์พระเมตตา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ความพิเศษของมิสซานี้คือวันนี้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ก็เป็นวันอาทิตย์ฉลองพระเมตตาและยังตรงกับหนึ่งวันให้หลังสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงสิ้นพระชนม์ด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - พระวรสารแห่งพระเมตตาต้องได้รับการประกาศและเขียนขึ้นในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคน เราต้องแสวงหาคนเหล่านั้นด้วยความอดทนและเปิดใจต้อนรับพวกเขา จงทำตัวเหมือนกับชาวสะมาเรียผู้ใจดีซึ่งเข้าใจความทุกข์ร้อนของเพื่อนมนุษย์ - พระวรสารแห่งพระเมตตาเรียกร้องความใจกว้างและการเป็นผู้รับใช้ท

โป๊ปฟรังซิส: "เราได้รับพระเมตตาของพระเจ้ามากเท่าไหร่ เราต้องแบ่งปันให้คนอื่นมากเท่านั้น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน ยิ่งเราได้รับพระเมตตาของพระเจ้ามากเท่าไหร่ เราต้องยิ่งแบ่งปันให้ผู้อื่นมากเท่านั้น เพราะพระเมตตาของพระเจ้าไม่ใช่ของที่ให้เราเก็บไว้กับตัวคนเดียว ทรงสอน พระเมตตาของพระเจ้าจะทำให้เราเห็นพระพักตร์ของพระเยซูในตัวผู้อ่อนแอ ผู้ถูกทอดทิ้ง ผู้ที่อยู่ชายขอบของสังคม ผู้ที่กำลังสับสนในชีวิต และผู้ที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการภาวนาคืนตื่นเฝ้าวันฉลองพระเมตตา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน นอกจากนี้ ยังตรงกับวันครบรอบ 11 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 ด้วย ใจความสำคัญของสิ่งที่พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปัน มีใจความว่า - พระเมตตาของพระเจ้าเป็นเหมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ พระเมตตาของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่และไม่มีวันสิ้นสุด นี่จึงเป็นความท้าทายอย่างแท้จริงที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้กับมนุษยชาติทั้งมวลได้เข้าใจ - พระเมตตาของพระเจ้าเข้ามาหาเราด้วยความใกล้ชิดและอ่อนโยน เช่นเดียวกัน พระเมตตาของพระเจ้ายังมาหาเราดุจความเห็นอกเห็นใจ ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน การปลอบโยน และการให้อภัย