Posts

Showing posts from March, 2016

โป๊ปฟรังซิสร่วมประณามเหตุระเบิดพลีชีพเช้าวันปาสกาที่เมืองลาฮอร์ ปากีสถาน

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงร่วมประณามเหตุระเบิดพลีชีพในเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน ซึ่งเกิดเหตุในเช้าวันอาทิตย์ปาสกา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 65 คน พร้อมขอร้องให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐดูแลปกป้องชาวคริสต์ที่เป็นคนกลุ่มน้อยของประเทศด้วย  ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดราชินีแห่งสวรรค์ โอกาสวันจันทร์แรกของเทศกาลปาสกา โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันว่า - พวกเรามายืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้ ต่อหน้าคูหาฝังศพอันว่างเปล่าของพระเยซู เรามารำพึงด้วยความประหลาดใจและซาบซึ้งต่อธรรมล้ำลึกแห่งการเสด็จกลับคืนชีพของพระเจ้า ใช่แล้ว ชีวิตชนะความตาย ความเมตตาและความรักชนะบาป นี่คือสิ่งจำเป็นของความเชื่อและความหวังที่จะเปิดออกให้กับสิ่งใหม่ๆ - โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม พวกเราถูกเรียกมาให้กลับไปค้นหาและต้อนรับการประกาศการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูด้วยใจร้อนรน ขอให้เราพูดพร้อมกันว่า "พระคริสตเจ้าองค์ความหวังของข้าพเจ้า ทรงกลับคืนชีพแล้ว" - ถ้าพระคริสตเจ้าเสด็จมาในชีวิตของเรา พวกเราสามารถมองสิ่งต่างๆ ด้วยหัวใจใหม่ ดวงตาคู่ใหม่ มองในทุกเหตุการณ์ของชีวิต แม้

คาร์ดินัลโชนบอร์นยังหวังสงฆ์ซาเลเซียนที่ถูกไอซิสจับตัวไป ยังมีชีวิตและไม่ถูกตรึงกางเขน

Image
วันนี้ผมเห็นหลายท่านแชร์ข่าวที่รายงานว่า กลุ่ม ISIS ได้จับ "คุณพ่อโทมัส อัซฮันนาลิล" สงฆ์ซาเลเซียน ประหารชีวิตด้วยการตรึงกางเขนในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านมา โดยรายงานที่แชร์กันนั้น อ้างว่า พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น พระอัครสังฆราชแห่งเวียนนา ประเทศออสเตรีย กล่าวไว้ในพิธีตื่นเฝ้าปาสกา (เสาร์ศักดิ์สิทธิ์) ข่าวที่แชร์ๆ กันนี้ ผมลองไล่ตรวจสอบและมอนิเตอร์ดู ตัวจุดชนวนมาจากเว็บไซต์คาทอลิกในแคนาดา ตามด้วยการกระพือต่ออย่างหนักของ "วอชิงตัน ไทมส์" สื่อจากอเมริกา และมีการส่งข้ามมายังเอเชีย ด้วยรายงานของ "อินเดีย ไทมส์" จากนั้น ก็ถูกรายงานกันจนเป็นไวรัลไปทั่วโลก หลายคนส่งข้อความมาถามผมว่า "ข่าวนี้จริงไหม" ผมลองเช็คกับพวกนักข่าวสายวาติกัน ทุกคนยืนยันเหมือนกันหมดว่า "ข่าวลือดังกล่าว ไม่ยืนยันว่าเป็นความจริง" นอกจากนี้ นักข่าวสายวาติกันได้สอบถามไปยัง พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น ซึ่งถูกอ้างว่า เป็นคนบอกว่า คุณพ่ออัซฮันนาลิลถูกตรึงกางเขนแล้ว ปรากฏว่า พระคาร์ดินัลโชนบอร์น บอกว่า "ไม่จริง พ่อไม่ได้พูดแบบนั้น พ่อพูดเรื่องนี้ในวันอาทิตย์ปาสกากั

โป๊ปฟรังซิส: "คนที่อยู่อย่างสุขสบายต้องอย่าลืมช่วยคนกำลังตกทุกข์ได้ยาก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาสมโภชปาสกาและอวยพรแด่โรมและโลก พร้อมรำลึกผู้สูญเสียจากเหตุก่อการร้ายในทุกภาคส่วนของโลก เฉพาะอย่างยิ่งที่ตุรกีและเบลเยียม ซึ่งวันนี้ สมเด็จพระราชาธิบดี อัลแบร์ ที่ 2 และสมเด็จพระราชินี เปาลาของเบลเยียม มาร่วมพิธีด้วย ทรงย้ำ คนที่ตอนนี้อยู่อย่างสุขสบายต้องอย่าลืมช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก อาทิผู้ลี้ภัยสงครามและเด็กที่เผชิญภาวะอดอยากจากสงคราม ทรงปลอบโยนผู้สิ้นหวัง อาทิ คนชราที่ถูกทอดทิ้ง วัยรุ่นที่รู้สึกตนเองไร้อนาคต ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาสมโภชปาสกา และประทานพรแด่โรมและโลก (อูร์บ เอ็ด ออร์บิ) จากระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ซึ่งการประทานพรนี้ โดยปกติจะทำปีละ 2 ครั้งคือสมโภชปาสกาและสมโภชพระคริสตสมภพ สำหรับมิสซานี้ พระสันตะปาปาไม่ได้เทศน์ในพิธี โดยให้ทุกคนได้รำพึงเงียบๆ แบบส่วนตัว ในส่วนการประทานพรแด่โรมและโลก พระสันตะปาปาตรัสว่า - โอกาสวันปาสกา ขอพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ โปรดอยู่ใกล้ผู้ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้าย ซึ่งรูปแบบการก่อการร้ายอันป่าเถื่อนยังคงแผ่ขยายการนองเลือดในส่วนต่

โป๊ปฟรังซิส: "สารของวันปาสกาคือความหวังตามแบบฉบับคริสตชน นี่ไม่ใช่การมองโลกในแง่ดีแต่อย่างใด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ สารของวันปาสกาคือความหวังตามแบบฉบับคริสตชน สิ่งนี้ไม่ใช่การมองโลกแง่ดีหรือจิตวิทยากระตุ้นให้เรามีความกล้า ทรงย้ำ คริสตชนต้องประกาศความหวังนี้ให้ทุกคน ไม่ใช่ประกาศเพื่อตัวเราเอง เราประกาศได้ด้วยการดำเนินชีวิตและความรักของเรา ถ้าพระศาสนจักรไม่ประกาศและมอบความหวังให้โลก เราจะกลายเป็นแค่หน่วยงานสากลที่มีคนติดตามจำนวนมากและมีกฏระเบียบเต็มไปหมด แต่ไม่ได้ช่วยให้โลกมีความหวังขึ้นมาเลย  ช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นประธานในพิธีคืนตื่นเฝ้าปาสกา เสกน้ำ เสกไฟ และโปรดศีลล้างบาปให้กับคริสตชนใหม่ 12 คน โดย 6 คนมาจากอัลแบเนีย, 2 คนจากเกาหลีใต้, 1 คนจากอิตาลี, แคเมอรูน และจีน และแบ่งเป็นชาย 4 คน ผู้หญิง 8 คน พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - พระวรสารคืนนี้ เราได้ฟังเหตุการณ์ที่สตรีไปบอกสาวกทั้ง 11 คนว่าเข้าไปในคูหาแล้วไม่พบศพพระเยซู และได้พบกับทูตสวรรค์ซึ่งแจ้งว่าพระเยซูทรงกลับคืนชีพแล้ว แต่ว่าสาวกทั้ง 11 ไม่เชื่อ จากนั้น เปโตรลุกขึ้นและรีบวิ่งไปยังคูหา เขาเลือกจะไม่อยู่บ้

โป๊ปฟรังซิสล้างเท้าผู้ลี้ภัยวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงล้างเท้าผู้ลี้ภัยจากหลากหลายศาสนาในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ โดยจำนวนนี้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พร้อมกันนี้ ทรงหวังเห็นความเป็นพี่น้องกันแผ่ขยายไปทั่งโลก เพื่อที่สันติภาพจะได้บังเกิดอย่างแท้จริง ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาระลึกถึงพระเยซูทรงเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายและล้างเท้าผู้ลี้ภัยซึ่งนับถือศาสนาต่างๆ ภายในศูนย์ผู้ลี้ภัยกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยผู้ลี้ภัยที่ได้รับการล้างเท้าจากพระสันตะปาปา เป็นชาวมุสลิม 3 คน โดยเป็นชาวซีเรีย, ปากีสถาน และ มาลี, ชาวฮินดู 1 คน, ชาวคาทอลิก 4 คน ทั้งหมดเป็นชาวไนจีเรีย, ชาวคริสต์นิกายค็อปติก 3 คน ทั้งหมดเป็นชาวเอริเทรีย และสตรีอิตาเลี่ยนที่เป็นคาทอลิก 1 คน โดยเธอทำงานที่ศูนย์ผู้ลี้ภัยแห่งนี้ สรุปแล้ว มีทั้งหมด 12 คน แบ่งเป็น ชาย 8 คน หญิง 4 คน สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - ยังมีหลายคนที่ทำตัวเหมือน จูดาส อิสคาริโอท ที่หว่านความขัดแย้งและบาดหมางเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อาทิ พวกที่ค้าอาวุธสงครามและค้าขายเครื่องมือที่ทำให้เกิดการนองเลือดเพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับ

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ต้องระวังการประจญจากกับดักโลกดิจิทัลและโฆษณาสินค้าเชิงพาณิชย์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน สงฆ์ต้องระวังการประจญล่อลวงที่สกัดกั้นเราในการช่วยเหลือฝูงแกะของพระเจ้า อาทิ กับดักโลกดิจิทัลที่ทำง่ายๆ แค่เปิดและปิดด้วยการกดคลิก หรือจะเป็นกับดักจากโฆษณาสินค้าอำนวยความสะดวกที่ทำให้เราไม่สามารถถอนตัวออกมา และก้าวไปข้างหน้าอย่างอิสระเพื่อก้าวไปหาฝูงแกะของพระเจ้า ทรงสอน ซีมอนเปโตรยอมรับอย่างจริงใจว่าตนเป็นคนบาป ส่วนหญิงคนบาปก็ร่ำไห้เช็ดเท้าพระเยซูด้วยการสำนึกผิดจริงๆ แต่เราหลายคน เวลาทำผิดก็สำนึกผิดด้วยการเดินก้มหน้าทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ แต่พอมีคนมาช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรี เรากลับใช้โอกาสนี้ปกปิดความผิดตนเอง และเดินโชว์ออฟให้คนอื่นเห็น เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ตนเองแทน การทำแบบนี้เป็นเรื่องผิด เพราะฟื้นฟูศักดิ์ศรีของตน ต้องเริ่มจากการถ่อมตัวลงต่างหาก ช่วงสายวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นมิสซารื้อฟื้นคำมั่นสัญญาของการเป็นสงฆ์ ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนใจความว่า - พระสงฆ์เป็นประจักษ์พยานถึงความเมตตาของพระบิดา นอกจากนี้ เรายังเป็นผู

โป๊ปฟรังซิสจะล้างเท้าให้ผู้ชาย 8 คน ผู้หญิง 4 คนในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์

Image
เพื่อนนักข่าวสายวาติกัน ส่งข้อมูลมาให้ Pope Report เมื่อครู่นี้ (22.15 น.) สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส จะถวายมิสซาฉลองพระเยซูทรงตั้งศีลมหาสนิท และล้างเท้า "ผู้ลี้ภัย" ภายในศูนย์ผู้อพยพลี้ภัยประจำกรุงโรม  โดยผู้ลี้ภัยที่จะได้รับการล้างเท้าจากพระสันตะปาปา มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ - ชาวมุสลิม 3 คน โดยเป็นชาวซีเรีย, ปากีสถาน และ มาลี - ชาวฮินดู 1 คน - ชาวคาทอลิก 4 คน ทั้งหมดเป็นชาวไนจีเรีย - ชาวคริสต์ นิกายค็อปติก 3 คน ทั้งหมดเป็นชาวเอริเทรีย - สตรีอิตาเลี่ยนที่เป็นคาทอลิก 1 คน โดยเธอทำงานที่ศูนย์ผู้ลี้ภัยแห่งนี้ สรุปแล้ว 12 คน แบ่งเป็น ชาย 8 คน หญิง 4 คน ... ข้อมูลของเพื่อนักข่าวสายวาติกันที่ส่งให้ Pope Report มีความน่าเชื่อถือและถูกต้อง 99.99% ดังนั้น ผมมั่นใจว่า นี่ไม่ผิดพลาดแน่ จึงขอนำเสนอให้ทุกท่านได้รับทราบตามนี้ครับ

โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าเลือกวิถีทางแห่งการรับใช้ การให้ และการไม่ยึดติดกับตัวเอง ซึ่งต่างจากมนุษย์สิ้นเชิง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน วิถีแห่งการกระทำของพระเจ้าต่างจากมนุษย์ พระเจ้าทรงเลือกหนทางของการรับใช้ การให้ และไม่ยึดติดกับตนเอง เราทุกคนก็ต้องเลือกเดินบนหนทางนี้เหมือนที่พระเยซูทรงทำให้เห็น ทรงย้ำ แม้พระเยซูจะถูกทารุณอย่างหาที่สุดมิได้ แต่พระองค์ก็ยังเผยแสดงพระพักตร์ที่แท้จริงของพระเจ้าออกมา นั่นคือความเมตตา ตอนท้าย ทรงทักทายเยาวชนทุกคน พร้อมหวังเห็นพวกเขาไปร่วมงานเยาวชนโลกที่เมืองคราครูฟ ประเทศโปแลนด์ ดินแดนของนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 ผู้ก่อตั้งงานเยาวชนโลก ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีแห่ใบลานและถวายมิสซาวันอาทิตย์ใบลาน ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 60,000 คน สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - ประชาชนเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีที่ได้ต้อนรับพระเยซู พวกเราก็เช่นกัน เราต้องแสดงออกถึงความกระตือรือร้นของเราเอง ด้วยการด้วยการโบกต้นมะกอกและต้นปาล์มเพื่อแสดงออกถึงการสรรเสริญและความชื่นชมยินดี รวมไปถึงความปรารถนาที่จะรับพระเยซูผู้เสด็จมาหาเรา - ไม่มีสิ่งใดสามารถลดความกระตือรือร

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าสังฆราชไม่รักสงฆ์และสังฆานุกรที่เป็นคนใกล้ตัว เขาจะไม่สามารถรักใครได้เลย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ หน้าที่สำคัญสุดของพระสังฆราชคือสวดภาวนา หน้าที่สำคัญอันดับสองคือประกาศพระวรสาร ส่วนหน้าที่อื่นๆ เป็นเรื่องรองลงมาทั้งสิ้น ทรงสอน พระเจ้าวางใจให้พระสังฆราชดูแลพระสงฆ์และสังฆานุกร ถ้าพระสังฆราชไม่เรียนรู้ที่จะรักสงฆ์และสังฆานุกรซึ่งเป็นคนใกล้ตัว พระสังฆราชจะไม่สามารถรักใครได้เลย ทรงย้ำ เวลาได้รับจดหมายจากสัตบุรุษ จงอ่านอย่างจริงจัง เพราะในจดหมายนั้น มีความเป็นตัวตนของคนเขียนอยู่ เราต้องเรียนรู้ที่จะศึกษาพวกเขาผ่านการอ่านจดหมายเหล่านี้ เนื่องจากคนส่งยังรู้จักพระสังฆราช แล้วทำไมพระสังฆราชถึงไม่ยอมที่จะรู้จักพวกเขาบ้าง ช่วงสายวันเสาร์ที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาอภิเษกพระสังฆราชใหม่ 2 คน ได้แก่ พระสังฆราช ปีเตอร์ เวลล์ส ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้เป็นสมณทูตวาติกันประจำแอฟริกาใต้, บอตสวานา, เลโซโธ และนามิเบีย และ พระสังฆราช มิเกล อังเคล อายูโซ่ เลขาธิการสมณสภาเพื่อเสวนาระหว่างศาสนา มิสซานี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - เมื่อพระสังฆราชปฏิบัติศาสนกิจการอภิบาล สิ่งนี้คือพระคริสตเ

แต่งตั้ง "บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตต้า" เป็น "นักบุญ" วันที่ 4 ก.ย. 2016

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงลงนามอนุมัติการแต่งตั้ง "บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตต้า" เป็น "นักบุญ" อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมิสซาสถาปนานักบุญใหม่องค์นี้ จะจัดวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2016 (วันที่ 5 กันยายน 2016 เป็นวันครบรอบ 19 ปีที่ซิสเตอร์เทเรซาแห่งกัลกัตต้า สิ้นใจ ... ท่านสิ้นใจวันที่ 5 กันยายน ค.ศ.1997) นอกจากนี้ การแต่งตั้งนักบุญใหม่องค์อื่น มีรายละเอียดดังนี้ วันที่ 5 มิถุนายน 2016 พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาแต่งตั้ง "บุญราศีสตานิสลาฟ ป้าปซินสกี้ และ บุญราศี แมรี่ เอลิซาเบ็ธ เฮสเซลบลัด" เป็นนักบุญ วันที่ 16 ตุลาคม 2016 พระสันตะปาปาจะถวายมิสซาแต่งตั้ง "บุญราศีโรซาริโอ โบรเชโร่ และ บุญราศี ซานเชส เดล ริโอ" เป็นนักบุญ

โป๊ปฟรังซิส: "เราอาจบ่นตัดพ้อพระเจ้า แต่ขอให้เราวางใจพระเจ้าและถวายทุกสิ่งให้พระองค์ดูแล"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาเราเจอเรื่องสุดเลวร้ายในชีวิต เราอาจบ่นตัดพ้อพระเจ้าว่า "พระเจ้าอยู่ไหน พระเจ้ายังเดินเคียงข้างเราหรือเปล่า ทำไมพระเจ้าทำแบบนี้ ลูกไม่เข้าใจพระองค์เลย" ถ้าเราตัดพ้อแบบนี้ แต่เรายังเชื่อและวางใจในพระเจ้า คำพูดนี้คือเรื่องงดงาม เพราะเราได้มอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ เรามอบให้พระเจ้าดูแล ทรงยอมรับ เหตุการณ์ร้ายๆ ที่เพิ่งเกิด ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าซิสเตอร์ 4 คนในเยเมน, ข่าวผู้ไร้ที่อยู่อาศัยนอนหนาวตายในกรุงโรม, ข่าวเด็กๆ ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่เป็นธรรม ล้วนเป็นเรื่องลึกลับที่พระสันตะปาปาก็หาคำตอบไม่ได้ แต่พระสันตะปาปาก็มอบทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์พระเจ้า เพราะมั่นใจว่า พระเจ้าไม่ทอดทิ้งลูกของพระองค์แน่นอน ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซานตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันเหตุการณ์น่าเศร้าหลายอย่างที่เกิดในรอบหลายวันที่ผ่านมา อาทิ ผู้ไร้ที่อยู่อาศัยซึ่งหนาวตายในกรุงโรม, เหตุการณ์ที่ซิสเตอร์คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรมถูกฆ่าตายในเยเมน และการที่ชาวบ้านหลายคนต้องล้มป่วยลงในแ

โป๊ปฟรังซิสจะล้างเท้า "ผู้ลี้ภัย" ในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์

Image
ผมได้รับข้อความทางโทรศัพท์มือถือเมื่อครู่นี้จากกลุ่มนักข่าวสายวาติกัน วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ปีนี้ (24  มี.ค. 2016) สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส จะถวายมิสซาฉลองพระเยซูทรงตั้งศีลมหาสนิท และล้างเท้า "ผู้ลี้ภัย" ภายในศูนย์ผู้อพยพลี้ภัยประจำกรุงโรม  หากยังจำกันได้ Pope Report เคยรายงานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า พระสันตะปาปาส่งจดหมายถึง พระคาร์ดินัล โรเบิร์ต ซาร่าห์ สมณมนตรีแห่งสมณกระทรวงพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ ใจความสำคัญคือ "ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คนที่ได้รับเลือกเพื่อการล้างเท้าในมิสซาวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ จะเลือกทุกคนที่เป็นประชากรของพระเจ้า ไม่ได้จำกัดแค่สุภาพบุรุษหรือเด็กผู้ชายอีกต่อไป" (อ่านข่าวนี้ได้ที่ http://on.fb.me/25010pj ) ดังนั้น หลายคนเชื่อกันว่า ผู้ลี้ภัยที่จะได้รับการล้างเท้าในปีนี้ จะมีสตรีและเด็กด้วยแน่นอน นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า น่าจะมีชาวมุสลิมด้วย เพราะพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงทำเช่นนี้เป็นประจำอยู่แล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นพระอัครสังฆราชที่บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา หมายเหตุ - ตามปกติ พระสันตะปาปา ฟรังซิส จะล้างเท้า "ผู้ต้องขัง" ในมิสซาวันพฤห

โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าไม่เคยต้องการให้คนบาปพบกับความตาย แต่ต้องการให้คนบาปกลับใจ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระเจ้าไม่เคยต้องการให้คนบาปพบกับความตาย แต่พระเจ้าต้องการให้คนบาปกลับใจและเริ่มดำเนินชีวิตใหม่ ดังที่เราเห็นจากพระวรสารวันนี้ที่พระเยซูทรงไม่ประณามสตรีคนบาป ก่อนจะถามฝูงชนกลับไปว่า "ถ้าผู้ใดไม่เคยทำบาป จงเอาหินทุ่มสตรีคนนี้เลย" ทรงสอน เราต้องตระหนักถึงบาปของตัวเอง เราต้องกล้าที่จะทิ้งหินที่เราเตรียมขว้างใส่คนอื่น แล้วกลับมาสำนึกถึงความผิดที่เราทำ  ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 45,000 คน ความพิเศษของวันนี้ ยังเป็นวันครบรอบ 3 ปีแห่งสมณสมัยของพระสันตะปาปา ฟรังซิส ด้วย (ได้รับเลือกตั้งวันที่ 13 มีนาคม 2013) ในส่วนการแบ่งปันพระวรสารวันอาทิตย์ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูตรัสถามฝูงชนว่า "ถ้าผู้ใดไม่เคยทำบาป จงเอาหินทุ่มสตรีคนนี้เลย" หลังจากตรัสเช่นนี้ ทุกคนก็เดินจากไปจนเหลือแต่พระเยซูกับสตรีคนนั้นที่ถูกจับฐานล่วงประเวณี จากนั้น พระเยซูตรัสกับหญิงคนนี้ว่า "ไปเถิด เราไม่ลงโทษเจ้าด้วย และตั้งแต่นี้ไป อ

โป๊ปฟรังซิส: "ความรักคือการถ่อมตนลงและรับใช้ผู้อื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ความรักคือการถ่อมตนลงและรับใช้คนอื่น เฉพาะอย่างยิ่ง รับใช้คนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ทรงแบ่งปัน การที่พระเยซูถ่อมตนลงมาล้างเท้าให้บรรดาสาวก จัดเป็นการเชิญชวนเราให้ยอมรับความบกพร่องของตนเอง และเราต้องให้อภัยกันและกันด้วยใจจริง ช่วงสายวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2016 สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษกว่า 30,000 คน ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดเป็นกรณีพิเศษทุกวันเสาร์ ตลอดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - พระวรสารที่เราได้ฟังเมื่อครู่นี้เป็นเหตุการณ์พระเยซูทรงล้างเท้าอัครสาวก นี่คือการกระทำที่แสดงออกถึงความถ่อมตน - พระเยซูทรงสั่งพวกสาวกให้ทำแบบนี้ต่อกันด้วย พระองค์ทรงมอบแบบอย่างที่ชัดเจนถึงพระบัญญัติแห่งความรัก - พระเยซูแสดงให้เราเห็นว่า ความรักคือการรับใช้ ถ่อมตัวลง ไม่แสดงตนออกหน้าออกตา และอยู่แบบเงียบๆ เราต้องรับใช้เพื่อนพี่น้อง เฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างถึงที่สุด - การถ่อมตัวลงมาล้างเท้าให้บรรดาสาวก พระเยซูยังเชิญชวนเราให้ยอมรับความบกพร่องของตัวเราเอง เราต้องภาวนาเพื่อกัน

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ต้องตรวจสอบความประพฤติที่ไม่นำพาสัตบุรุษไปใกล้ชิดพระเยซู"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน สงฆ์คาทอลิกต้องตรวจสอบความประพฤติต่างๆ ที่ไม่ได้นำพาสัตบุรุษใกล้ชิดพระเยซู อาทิ ตารางและแผนงานต่างๆ ที่ไม่ตอบสนองความต้องการเรื่องศีลอภัยบาป, กฏเกณฑ์ตามประสามนุษย์ หรือความไม่ยืดหยุ่นที่ทำให้คนถอยห่างจากพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ต้องถูกนำมาพิจารณาอีกครั้ง ทรงแนะ การพิจารณานี้ต้องไม่ลดคุณค่าของพระวรสาร ขณะเดียวกัน มันต้องไม่ทำให้ผู้รับศีลอภัยบาปที่อยากคืนดีกับพระบิดา ต้องพบความผิดหวัง ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีโปรดศีลอภัยบาปและเฝ้าศีลมหาสนิท 24 ชั่วโมง ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พระวรสารประจำพิธีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ "บาร์ทิเมอัส" ชายขอทานตาบอดส่งเสียงร้องหาพระเยซูที่กำลังเสด็จผ่านไปให้มาช่วยรักษาเขา ที่สุดแล้ว ความเชื่อของเขาที่มีต่อพระเจ้าได้ทำให้เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง สำหรับบทเทศน์ในพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - พระเยซูเดินผ่านและเข้าไปช่วยเหลือบาร์ทิเมอัส แต่โชคร้าย ยังมีอีกหลายคนที่เดินไปโดยไม่หยุดดู และไม่อยากเสียเวลากับใครบางคนที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดังนั้น ในปีศักดิ์สิทธิ

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าหัวใจเราแข็งกระด้างและปิดตาย เราจะไม่มีวันเข้าใจพระเมตตาของพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ถ้าหัวใจของเราแข็งกระด้างและปิดตาย เราจะไม่มีวันเข้าใจพระเมตตาของพระเจ้าเหมือนกับพวกธรรมาจารย์ในพระคัมภีร์ที่รู้ดีเรื่องเทวศาสตร์ แต่ทัศนคติไม่เปิดรับสิ่งที่พระเยซูสอนเลย ทรงย้ำ หัวใจที่ปิดตาย จะไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนบาปและจะเป็นหัวใจที่ไม่รู้จักการให้อภัยด้วย มิสซาเช้าวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือประกาศกเจเรมีห์ พระเจ้าตรัสกับประชาชนว่า "จงฟังเสียงของเรา แล้วเราเป็นพระเจ้าของท่าน และท่านจะเป็นประชากรของเรา จงเดินตามทางที่เราสั่งไว้ แล้วท่านจะได้อยู่อย่างเป็นสุข" อย่างไรก็ตาม ชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้า กลับดื้อด้านและประพฤติผิดยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนพระวรสารประจำวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูขับไล่ปีศาจออกจากตัวคนใบ้ แต่พวกธรรมาจารย์กล่าวว่า พระองค์ทำได้ด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจ และเรียกร้องให้พระองค์แสดงเครื่องหมายจากสวรรค์อีกครั้ง พระสันตะปาปาทรงเทศนให้ข้อคิดว่า - ในบทอ่านวันนี้ ประชากรของพระเจ้าที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้านั้น รวมถึงตัวพวกเราด้วย มันเป็นความไม่ซื่อสัตย์ของเราเองที่ทำให้ใจแข็งกระด้างยิ่งขึ้น มันคือการป

โป๊ปฟรังซิส: "ใครนำเงินที่ได้จากการเอาเปรียบมาบริจาคให้พระศาสนจักร จงนำกลับไปแล้วเผามันทิ้งซะ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ทุกวันนี้ ยังมีบางคนบริจาคเงินให้พระศาสนจักร ด้วยเงินที่ได้มาจากการเอาเปรียบลูกจ้างของตน อาทิ การใช้แรงงานเยี่ยงทาสและให้ค่าจ้างต่ำกว่ามาตรฐาน หากใครทำแบบนี้ พระสันตะปาปาจะบอกคนเหล่านั้นว่า "โปรดเอาเช็คเงินสดกลับไป แล้วเผามันทิ้งซะ! พระศาสนจักรไม่ต้องการเงินสกปรกที่มาจากการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม" ทรงย้ำ พระเจ้าไม่ได้พอพระทัยเครื่องบูชาที่เปื้อนเลือดเพื่อนมนุษย์  ช่วงสายวันพุธที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยหัวข้อการสอนคำสอนวันนี้เป็นเรื่องความรักของพระเจ้าพระบิดาและการให้อภัย พระสันตะปาปา ตรัสสอนว่า - เมื่อลูกของพระเจ้าทำผิดตามวิถีของตน พระเจ้าทรงเรียกพวกเขากลับมาและไม่เคยปฏิเสธพวกเขา ความชั่วร้ายสุดของผู้ชาย ผู้หญิง และมนุษย์ทุกคน ทั้งหมดก็เป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน พระองค์จึงไม่เคยปฏิเสธพวกเรา พระองค์เรียกเราให้มาใกล้ชิดพระองค์เสมอ สิ่งนี้แหละคือความรักของพระบิดา นี่แหละคือพระเมตตาของพระเจ้า การที่เรามีพระบิดาแบบนี้ จัดเป็นการให้ค

โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าให้อภัยและไม่จำความผิด ต่างจากมนุษย์ที่ปากพูดอภัยได้ แต่ไม่ลืมสิ่งที่เขาทำ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ พระเจ้าให้อภัยและไม่จดจำความผิดของเรา เพราะพระองค์ทรงเมตตามนุษย์ทุกคน ต่างกับมนุษย์ ที่บางครั้งบอก "อภัยได้ แต่ไม่ลืมความเลวที่เขาทำกับเรา" สาเหตุที่มนุษย์เป็นแบบนี้เพราะหัวใจของเรายังไร้ความเมตตา ทรงถาม เราสวดบทข้าแต่พระบิดา "โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น" แต่ถ้าเราให้อภัยคนอื่นไม่ได้ แล้วพระเจ้าจะให้อภัยเราได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจของเราไม่เปิดรับการอภัยจากพระองค์ ทรงสอน บางครั้งเจอคู่กรณีบนถนน แล้วไม่ทักทายกัน แต่ในใจไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว แค่นี้ก็โอเคแล้ว  มิสซาเช้าวันอังคารที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พระวรสารวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงสอนว่า "เราต้องยกโทษเจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง" (มธ 18:22) พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - เมื่อพระเจ้าทรงให้อภัยโทษ การอภัยโทษนี้ช่างยิ่งใหญ่และดูราวกับว่าพระเจ้าทรงไม่จดจำความผิดของเรา มันช่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรามนุษย์ทำเลยก็ว่าได้ เราไปไล่ดูประวัติศาสตร์เลยก็ได้ ตั้งแต่ยุคโบราณ ยุคกลาง ยุคใหม่ และยุคปัจจุบัน เราไม่เคยลืมเลือน ทำไม? ก็เพราะเราไม่มีหัวใจที่เปี่ยม