Posts

Showing posts from November, 2015

โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องขอโทษพระ เวลาลังเลหรือไม่เต็มใจจะเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คริสตชนถูกเรียกมาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น เราต้องขอโทษพระเจ้าในเวลาที่เราเกิดความลังเลหรือไม่เต็มใจที่จะเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ทรงขอร้องคริสตชนในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง จงรักษาความกระตือรือร้นในการเป็นผู้นำข่าวดี จงช่วยกันฟื้นฟูประเทศทั้งด้านมนุษยธรรมและจิตวิญญาณ ช่วงสายวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาวันฉลองนักบุญแอนดรูว์ อัครสาวกและมรณสักขี ภายในสนามกีฬาบาร์กเตเลมี โบก็องดา กรุงบังกี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 30,000 คน โดยมิสซานี้เป็นมิสซาปิดท้ายการเยือนทวีปแอฟริกาของพระสันตะปาปาด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า - เป็นเรื่องดีในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก การทดลอง และความทุกข์ระทม ยิ่งอนาคตยังไม่แน่นอนและเราสัมผัสถึงความอ่อนล้าและหวาดระแวง เราได้มาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าโดยพร้อมเพรียงกัน เรามาอยู่ร่วมกันในวันนี้เพื่อเฉลิมฉลองการประทับอยู่ของพระเจ้าโดยพร้อมหน้ากัน - การมองไปยังชีวิตนิรันดรไม่ใช่ความเชื่อผิดๆ มันไม่ใช่การต่อสู้ของโลกนี้ แต่นี่คือความจริงที่ทรงพลังซ

โป๊ปฟรังซิสเสด็จเยี่ยมพี่น้องชาวมุสลิมในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้อง "พี่น้องชาวมุสลิม" ในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ร่วมกันสร้างความสามัคคีและความเป็นพี่น้องกันให้เกิดอีกครั้งในสังคม ภายหลังประเทศแห่งนี้ต้องพบกับภาวะสงครามมายาวนานจนถึงทุกวันนี้ ทรงย้ำ การมาเยือนสาธารณรัฐแอฟริกากลางจะไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ได้มาเยี่ยมพี่น้องมุสลิม ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบผู้นำชาวมุสลิม ภายในมัสยิดกลาง กรุงบังกี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยพื้นที่ที่มัสยิดตั้งอยู่นั้น เป็นเขตสงครามกลางเมืองของสาธารณรัฐแอฟริกากลางด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับผู้นำมุสลิม พระองค์กล่าวว่า - พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าชื่นชมยินดียิ่งที่ได้มาอยู่ท่ามกลางท่านทุกคน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น การเดินทางมาสาธารณรัฐแอฟริกากลางครั้งนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าหากข้าพเจ้าไม่ได้มาพบกับชุมชนชาวมุสลิม - คริสตชนและมุสลิมคือพี่น้องชายหญิง พวกเราทราบดีว่า เหตุการณ์รุนแรงที่ผ่านมานั้นได้ทำร้ายประเทศของเราและไม่ได้ตั้งอยู่บนความต้องการที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้นำคริสตชนและมุสลิมต่างมีบทบาทสำคั

โป๊ปฟรังซิส: "สันติภาพไม่ใช่เอกสารที่แค่เซ็นต์แล้วก็เกิดได้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอนเยาวชน สันติภาพไม่ใช่เอกสารที่แค่นั่งลงแล้วเซ็นต์ชื่อ ก็เกิดขึ้นได้ แต่สันติภาพเรียกร้องการทำงานด้วยมือและชีวิตของเรา ทรงย้ำ วิธีสร้างสันติภาพคือต้องกำจัดความเกลียดชังออกจากจิตใจ ต้องรู้จักให้อภัยต่อคนที่ทำผิดกับเรา ทรงขอร้องเยาวชน ช่วยสวดให้พระองค์ด้วย เพื่อจะได้เป็นพระสันตะปาปาที่ดี ช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนเยาวชนจากสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ณ ลานหน้าอาสนวิหารแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล อัครสังฆมณฑลบังกี้ คืนนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนพวกเขาแบบสดๆ จากใจว่า - ในช่วงเวลาของความยากลำบากของสงครามและความเกลียดชัง พวกลูกต้องรู้จักการอดทนอดกลั้น พวกลูกคนบางคนอยากจะหนีไปให้ไกลๆ จากสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบให้กับชีวิต แต่สิ่งสำคัญสุดคือลูกต้องกล้าที่จะอดทน ต่อสู้เพื่อแสวงหาสิ่งดีงาม คนที่หนีคือคนที่ไม่มีความกล้าที่จะมอบชีวิตใหม่ให้สังคม - ว่าแต่ เราจะมีความกล้าได้อย่างไร สิ่งแรกเลย เราต้องสวดภาวนา การภาวนาจะชนะความชั่ว การภาวนาจะทำให้เราใกล้ชิดกับพระเจ้า - สอง เราต้องทำงานเพื่อสร้างสันติภาพ คำว่าสัน

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องรักศัตรู สิ่งนี้จะป้องกันเราจากการแก้แค้น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ที่สาธารณรัฐแอฟริกากลาง โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม โดยพระองค์ทรงอนุญาตให้เปิดก่อนพิธีทางการที่กรุงโรมและนับเป็นครั้งแรกที่พระสันตะปาปาทรงเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์นอกกรุงโรมด้วย พร้อมสอน หน้าที่ของคริสตชนคือต้องรักศัตรูของตน สิ่งนี้จะช่วยปกป้องเราจากการประจญให้คิดแก้แค้น ทรงชี้ ผู้ประกาศข่าวดีต้องเป็นผู้ชำนาญการให้อภัย สร้างความปรองดอง และเปี่ยมด้วยเมตตา นอกจากนี้ ช่วงเที่ยงที่เสวยอาหารกลางวัน มีการแจ้งข่าวให้พระสันตะปาปาทราบว่า มีคริสตชนถูกฆ่าตาย พระสันตะปาปาทรงต้องการจะไปยังที่เกิดเหตุ แต่ถูกสมณทูตห้ามไว้ด้วย ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม‬ (Jubilee Year of Mercy) ณ อาสนวิหารแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล อัครสังฆมณฑลบังกี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง การเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระสันตะปาปาทรงเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์นอกกรุงโรม โดยปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการทั่วโลกในวันที่ 8 ธ

โป๊ปฟรังซิส: "การแตกแยกของกลุ่มคริสตชนคือการขัดพระประสงค์ของพระบิดา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องคริสตชนทุกนิกายในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง สามัคคีและร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะการแตกแยกในกลุ่มคริสตชนเป็นการขัดต่อพระประสงค์ของพระบิดาที่อยากให้เราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงย้ำ คาทอลิกและโปรเตสแตนท์ร่วมกันหลั่งโลหิตแห่งคริสตศาสนสัมพันธ์ อันเป็นผลจากความรุนแรงของสงครามและการแบ่งแยกต่างๆ  ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังศูนย์เทวศาสตร์อีแวนเจลิคั่ล กรุงบังกี้ เพื่อพบปะผู้นำคริสตชนนิกายต่างๆ ในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า - ข้าพเจ้าทราบดีว่าพวกท่านประสบปัญหามากมายอันเนื่องมาจากความรุนแรง ผลที่ตามมาคือการทนทุกข์อย่างแสนสาหัส สิ่งนี้ทำให้การประกาศพระวรสารทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ และจำเป็นอย่างยิ่ง - ข้าพเจ้าพูดอยู่เสมอเกี่ยวกับโลหิตแห่งคริสตศาสนสัมพันธ์ ทุกกลุ่มคริสตชนต้องทนทุกข์จากการแบ่งแยกอันเนื่องมาจากความอยุติธรรมและความเกลียดชัง - สำหรับพวกเราคริสตชน ในสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้ ข้าพเจ้าขอย้ำว่า การขาดความเป็นหนึ่งเดียวกันจัดเป็นเรื่องน่าละอายยิ่ง เพราะมันขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ

โป๊ปฟรังซิสเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยสงครามในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องพลเมืองของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ดำเนินชีวิตร่วมกันอย่างสันติ เพราะไม่ว่าเราจะมาจากชาติพันธุ์ใด วัฒนธรรมไหน นับถือศาสนาอะไร หรือจะมีสถานะทางสังคมแบบไหน พวกเราทุกคนก็เป็นพี่น้องกัน ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประทับเครื่องบินพระที่นั่งออกจากกรุงกัมปาลา ประเทศยูกันดา มาถึงกรุงบังกี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลาง‎การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด‬ เพราะนี่เป็นพื้นที่สงครามที่น่ากลัวสุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาทรงยืนยันว่า จะ‎ไม่ใช้รถกระจกกันกระสุน‬ เพราะต้องการใกล้ชิดกับประชาชนที่นั่นที่มารอต้อนรับพระองค์ด้วยความตื่นเต้นสุดๆ ทันทีที่มาถึง พระสันตะปาปาทรงกล่าวในพิธีต้อนรับที่ทำเนียบประธานาธิบดี (แต่เป็น "รักษาการประธานาธิบดี") โดยเป็นครั้งแรกที่พระสันตะปาปาตรัสเป็น "ภาษาฝรั่งเศส" พระองค์ย้ำว่า "มาที่นี่ในฐานะผู้สร้างสันติ และต้องการให้สันติภาพเกิดในประเทศแห่งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้ง ยุติการสู้รบ และหันมาคืนดีกันเถิด เพราะประเทศนองเลือดมามากพอแล้ว&q

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์และนักบวชต้องสานต่อการเป็นประจักษ์พยาน อย่ามัวแต่กินบุญเก่าสมัยมรณสักขี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ พระสงฆ์และนักบวชยูกันดา อย่ามัวแต่กินบุญเก่าตั้งแต่สมัยมรณสักขี จนไม่ยอมสานต่อการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ทรงแนะ พระสงฆ์ในสังฆมณฑลที่กระแสเรียกพรั่งพรู ควรมีความศรัทธาด้วยการสมัครใจไปขอพระสังฆราชไปทำงานในสังฆมณฑลที่ขาดแคลนพระสงฆ์  ทรงย้ำ พระสงฆ์และนักบวชอย่ามาอ้างว่าไม่มีเวลาสวดภาวนา เพราะงานเยอะเด็ดขาด ทรงเตือน พระสงฆ์และนักบวชอย่าดำเนินชีวิตสองมาตรฐาน อย่าดำเนินชีวิตเหยาะแหยะ ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังอาสนวิหารเซ็นต์ แมรี่ อัครสังฆมณฑลกัมปาลา ประเทศยูกันดา เพื่อพบปะและให้โอวาทกับบรรดาพระสงฆ์ และนักบวชชาวยูกันดา โดยพิธีนี้เป็นพิธีการสุดท้ายของพระสันตะปาปาในยูกันดาอีกด้วย สำหรับบทเทศน์สอนที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา พระองค์ทรงเทศน์สอนแบบสดๆ จากใจ ใจความว่า - ในหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ โมเสสพูดกับประชาชนหลายครั้งว่า 'จงอย่าลืม' ดังนั้น ในวันนี้ พ่อขอกล่าวกับพวกท่านว่าอย่าลืม 3 เรื่องสิ่งต่อไปนี้ - หนึ่ง จงอย่าลืมพระหรรษทานแห่งความทรงจำ อย่าหลงลืมเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อซึ่งบรรดามรณสักขีได้หว่า

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องอย่าเห็นแก่ตัวและอย่าเฉยชาต่อความทุกข์ร้อนของผู้อื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คริสตชนต้องอย่าเห็นแก่ตัวและอย่าเฉยชาต่อความทุกข์ร้อนของเพื่อนมนุษย์ คริสตชนห้ามยืนเฉยๆ เวลาเห็นเพื่อนมนุษย์กลายเป็นเหยื่อของวัฒนธรรมทิ้งขว้าง แต่เราต้องเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา เราต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ทรงย้ำอีกครั้ง ประตูวัดคาทอลิกห้ามปิดตาย แต่ต้องเปิดเสมอเพื่อช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก  ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังบ้านแห่งความเมตตา เขตนาลูโกลองโก้ กรุงคัมปาล่า ประเทศยูกันดา เพื่อเยี่ยมบรรดาผู้สูงอายุในศูนย์แห่งนี้ โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับผู้สูงอายุที่อยู่ที่นี่ว่า - ณ บ้านหลังนี้ พ่อขอเรียกร้องไปยังวัดคาทอลิกทุกแห่งทั้งในยูกันดาและทั่วทั้งทวีปแอฟริกา อย่าทอดทิ้งผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยเป็นอันขาด เพราะพระเยซูตรัสไว้ว่า พระองค์ประทับอยู่กับพวกเขาทุกคน - พระวรสารสั่งเราทุกคนว่า เราต้องก้าวออกไปยังพื้นที่ชายขอบของสังคม เพื่อไปหาพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่กับผู้ต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้ - พระเจ้าตรัสกับเราใช่ไหมว่า พระองค์จะตัดสินเราตามสิ่งที่เราทำ มันน่าเศร้าเพียงใดที่ในสังคมขอ

โป๊ปฟรังซิส: "ชีวิตก็เหมือนไมโครโฟน ติดบ้าง ดับบ้าง ถ้าชีวิตมีปัญหา จงสวดขอความช่วยเหลือจากพระเยซู"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอนเยาวชน ชีวิตก็เหมือนไมโครโฟน ติดบ้าง ดับบ้าง งานของเราจึงไม่ได้สำเร็จเสมอไป เมื่อใดที่ทำงานแล้วผลลัพธ์ไม่ดี เราต้องสวดขอความช่วยเหลือจากพระเยซู พระองค์จะเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้น ทรงแนะ ที่สำคัญอย่าลืมสวดขอแม่พระด้วย เพราะตอนเราเป็นเด็ก เราหกล้ม เราร้องหาแม่ ดังนั้น ชีวิตมีปัญหา เราก็ต้องขอให้แม่พระช่วยเหลือเราด้วย ทรงขอร้องเยาวชน กล้าเปลี่ยนประสบการณ์ร้ายๆ ในชีวิตให้เป็นความหวัง เปลี่ยนความเกลียดชังให้เป็นความรัก ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบและให้โอวาทเยาวชนยูกันดากว่า 150,000 คน ภายในลานจอดเครื่องบินของสนามบินเก่าโคโลโล่ กรุงคัมปาล่า ประเทศยูกันดา ช่วงเริ่มต้นพิธีการ พระสันตะปาปาทรงรับฟังการแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อจากผู้แทนเยาวชน 2 คน ได้แก่ วินนี่ แนนซัมบ้า เยาวชนหญิงอายุ 24 ปีที่ติดเชื้อเอดส์ตั้งแต่เกิด และพ่อแม่เสียชีวิตตอนเธออายุ 7 ขวบ ตอนนี้ เธอมุ่งมั่นใช้เวลาที่เหลือของชีวิตให้กับการเป็นอาสาสมัครให้ความรู้ป้องกันโรคเอดส์, เอ็มมานูเอล โอโดคอนเยโร่ เณรที่เคยถูกกลุ่มกบฏคริสต์ในยูกันดาลักพาตัวไปในปี

โป๊ปฟรังซิส: "ความต้องการทางโลกและอำนาจทางโลกไม่ได้นำสันติสุขที่แท้จริงมาให้เรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซารำลึกถึงบรรดานักบุญมรณสักขีชาวยูกันดา 45 คน จำนวนนี้เป็นคาทอลิก 22 คนและแองกลิกัน 23 คน พร้อมยกย่องการสละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเจ้านี้เป็นการหลั่งเลือดแห่งคริสตศาสนสัมพันธ์อย่างแท้จริง ทรงสอน ความพอใจทางโลกและอำนาจทางโลกไม่ได้นำความชื่นชมยินดีที่แท้จริงและสันติสุขที่แท้จริงมาให้กับเรา ตรงกันข้าม การซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและการยึดมั่นในความดีต่างหากที่นำสันติมาให้กับเรา  ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซารำลึกการครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาเหล่านักบุญมรณสักขีชาวยูกันดาที่ถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อในพระเจ้าช่วงศตวรรษที่ 19 โดยมรณสักขีเหล่านี้ เป็นคาทอลิก 22 คน และเป็นแองกลิกัน 23 คน มิสซานี้จัดที่สักการะสถานเนมูกอนโก้ ประเทศยูกันดา ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 250,000 คน สำหรับประวัติของมรณสักขีเหล่านี้ ทั้งหมดถูกกษัตริย์แห่งบูกันดา (ปัจจุบันคือยูกันดา) สั่งเผาทั้งเป็น การสั่งประหารชีวิตเกิดระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.1885 - 27 มกราคม ค.ศ.1997 เพราะมรณสักขีทั้งหมดยังคัดค้านพฤติกรรมรักร่วมเพศของกษัตริย

โป๊ปฟรังซิส: "การเป็นครูคำสอนจะไร้ประโยชน์ ถ้าครูคนนั้นไม่ทำตัวเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน การเป็นครูคำสอนจะไม่เกิดประโยชน์เลย ถ้าหากครูคำสอนไม่ทำตัวเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ทรงชี้ การเป็นประจักษ์พยานนี้ทำได้โดยการเปี่ยมด้วยเมตตาและรู้จักให้อภัย ทรงขอบคุณครูคำสอนที่ยืนหยัดในหน้าที่นี้ เพราะนี่คืองานศักดิ์สิทธิ์ และต้องสอนให้คนสวดภาวนาถึงพระเจ้า สอนให้พวกเขามีความเชื่อในพระองค์  ช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบปะครูคำสอนคาทอลิกที่เขตมันยอนโย่ กรุงกัมปาลา เมืองหลวงของยูกันดา โดยนี่เป็นพันธกิจแรกของพระสันตะปาปาในประเทศแห่งนี้ด้วย สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับครูคำสอน มีใจความว่า - คำว่าครูนี่เป็นคำที่สวยงามมากๆ นะ พระเยซูทรงเป็นครูคนแรกและเป็นครูที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราครูคำสอนทุกคน นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า พระเยซูไม่ได้มอบอัครสาวกและผู้อภิบาลให้กับพระศาสนจักรเท่านั้น แต่พระองค์ยังมอบครูให้กับพระศาสนจักรด้วย เพื่อที่เราจะได้ช่วยกันสร้างพระศาสนจักรให้เปี่ยมด้วยความเชื่อและความรัก - พ่อขอขอบคุณครูคำสอนทุกคนสำหรับการอุทิศตนเสียสละ ขอบคุณสำหรับตราประทับอันสำคัญยิ่งในหน้าที่การงานที่พวกท่านได้รั

โป๊ปฟรังซิส: "การโกงมีทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่ในวาติกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยอมรับ การโกงไม่ได้มีแค่ในสังคมการเมืองเท่านั้น แต่มันมีทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่ในวาติกัน การโกงมีรสหวานเหมือนน้ำตาล แต่เรารู้อยู่แล้วว่า กินหวานมากๆ จะมีแต่โทษทั้งนั้น ทรงสอน ถ้าเราไม่สวดภาวนา เราจะไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่พระเจ้าจะช่วยเหลือเรา ทรงหวังเห็นชาวเคนยาเอาชนะทัศนคติแบ่งแยกชาติพันธุ์ในสังคม ทรงแบ่งปัน สิ่งที่พระองค์พกติดตัวเสมอมีสองอย่าง ได้แก่ สายประคำและหนังสือเดินรูป 14 ภาค ช่วงสายวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบเยาวชนชาวเคนยากว่า 70,000 คน ภายในสนามกีฬาการาซานี่ กรุงไนโรบี โดยนี่เป็นพิธีการสุดท้ายของพระสันตะปาปาในเคนยาด้วย สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับเยาวชน พระองค์ทรงเทศน์สอนแบบสดๆ จากใจ ตามหัวข้อต่อไปนี้ 1) อย่าลืมสวดภาวนา - คนเราจะสูญเสียส่วนที่ดีที่สุดของชีวิตไปถ้าเขาลืมสวดภาวนา เพราะการที่เราไม่สวดภาวนา จะทำให้เราไม่รับรู้ถึงความจำเป็นในการวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการเผชิญหน้ากับความยากลำบากต่างๆ เยาวชนที่รัก อย่าลืมนะว่า เราไม่ได้มีชีวิตอยู่บนสวรรค์ แต่เรากำลังอยู่บนโลก เรากำลังอยู่กับควา

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อไม่อายที่จะพูดว่าชุมชนแออัดคือสถานที่พิเศษในชีวิตของพ่อ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน ไม่อายเลยที่จะพูดว่าชุมชนแออัดเป็นสถานที่พิเศษในชีวิต เพราะที่นี่ทำให้เหมือนได้อยู่บ้านจริงๆ ที่นี่มีแต่ความจริงใจ ไม่มีอีโก้ ทั้งหมดนี้คือคุณค่าที่ไม่มีให้เห็นในตลาดหุ้น ทรงขอร้องผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัด ร่วมใจต่อต้านความรุนแรงและยาเสพติด ทรงหวังเห็นรัฐบาล ใส่ใจความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานของชุมชนแออัด อาทิ น้ำดื่มสะอาด เพราะนี่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปเยี่ยมผู้คนในชุมชนแออัดกันเจมี่ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา โดยชุมชนแออัดแห่งนี้ มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 100,000 คน และเป็นหนึ่งในชุมชนแออัดที่สภาพความเป็นอยู่เลวร้ายสุดของประเทศด้วย เพราะไม่มีระบบระบายน้ำเสีย ในส่วนของการอภิบาลของชุมชนแห่งนี้ คณะเยสุอิตเป็นผู้ทำงานรับใช้ชุมชนอยู่ด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับผู้อาศัยในชุมชนนี้ มีใจความว่า - การที่พ่อได้มาเยี่ยมชุมชนแออัดแห่งนี้ ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนกับได้อยู่บ้านจริงๆ สมัยยังเป็นพระอัครสังฆราชที่บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา) พ่อไปเยี่ยมผู้อาศัยในชุมชนแออัดเป็นประจำ นอกจากนี้ พ

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์และนักบวช อย่าติดตามพระเยซูเพราะความโลภในเงินและอำนาจ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอนพระสงฆ์และนักบวช อย่าติดตามพระเยซูเพราะความโลภในเงินและอำนาจ เพราะพระศาสนจักรไม่ใช่บริษัททำธุรกิจ ทรงย้ำ พระเจ้าเลือกเราให้มาเป็นสงฆ์และนักบวช พระเจ้าไม่ได้สถาปนาเราเป็นนักบุญ ทรงชี้ พระสงฆ์และนักบวชห้ามจำนนต่อบาปแห่งความไม่รู้สึกทุกข์ร้อนต่อเพื่อนมนุษย์ ทรงแนะ ถ้าพระสงฆ์และนักบวชหยุดสวดภาวนา จิตวิญญาณของเขาจะน่าขยะแขยงและเหี่ยวเฉาตายแน่นอน ทรงเตือนสติ พระสงฆ์และนักบวชถูกพระเจ้าเรียกมาเป็นผู้รับใช้ ไม่ใช่ให้คนอื่นมารับใช้ พร้อมยกตัวอย่างเวลาเข้าเงียบ พระสงฆ์บางคนเต็มใจรับใช้ด้วยการเสิร์ฟอาหาร แต่บางคนไม่เต็มใจทำ เราต้องอย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดในพระศาสนจักรเด็ดขาด ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงพบปะและให้โอวาทกับบรรดาพระสงฆ์ นักบวช และเณร ภายในโรงเรียนเซนต์ แมรี่ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา พิธีการในช่วงนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับทุกคนแบบสดๆ จากใจเป็นภาษาสแปนิช แล้วมีมองซินญอร์ มาร์ค ไมล์ เป็นผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษ พระสันตะปาปาตรัสกับบรรดาพระสงฆ์ นักบวช และเณร ใจความว่า - คนที่อยู่ในชีวิตพระสงฆ์และนักบวชคือคนที่เข้าสู่

โป๊ปฟรังซิส: "ครอบครัวคริสตชนต้องแผ่รังสีความรักของพระเจ้าให้กับสังคม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ ครอบครัวคริสตชนมีพันธกิจพิเศษคือต้องแผ่รังสีความรักของพระเจ้าไปให้สังคม ทรงหวังเห็นชาวเคนยาปกป้องสถาบันครอบครัว ปกป้องชีวิตของเด็กทารกที่ยังไม่ลืมตาดูโลก และน้อมรับลูกที่พระเจ้าประทานมาให้ ทรงชี้ เราต้องขัดขวางการกระทำที่ทำให้เกิดการทำร้ายและดูหมิ่นเกียรติผู้หญิง ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาท่ามกลางสัตบุรุษกว่า 250,000 คนที่มาร่วมพิธีท่ามกลางสายฝน ภายในมหาวิทยาลัยแห่งไนโรบี ประเทศเคนยา มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงสวมหมวกที่ทำจากขนแกะ ซึ่ง พระอัครสังฆราช เวียร์จีโญ่ ปานเต้ พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลมาราลาล ประเทศเคนยา นำมาถวายพระสันตะปาปาก่อนเริ่มมิสซาด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - ความเชื่อที่มีต่อพระวาจาของพระเจ้า เรียกร้องเราให้ส่งเสริมครอบครัวในพันธกิจต่างๆ เรียกร้องให้เรายอมรับลูกหลานที่เกิดมาว่าเป็นพระพรที่พระเจ้ามอบให้กับโลก ความเชื่อนี้ยังเรียกร้องเราให้ปกป้องศักดิ์ศรีของชายและหญิงแต่ละคน ทั้งนี้ เพราะเราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน - อาศัยการนบนอบต่อพระวาจาของพระเจ้า พวกเรายั

โป๊ปฟรังซิส: "ผู้นำศาสนาต้องเป็นผู้สร้างสันติ อย่าใช้พระนามพระเจ้าสร้างความรุนแรง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงพบผู้แทนศาสนาต่างๆ ในเคนยา พร้อมตรัสย้ำ ผู้นำศาสนาต้องเป็นผู้สร้างสันติ เป็นประกาศกแห่งสันติภาพ และเชิญทุกคนให้ดำเนินชีวิตเคารพกันและกัน ทรงประณามการใช้พระนามของพระเจ้ามาสร้างความรุนแรง ทรงชี้ การเสวนาศาสนสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องดูโก้เก๋ แต่นี่คือเรื่องจำเป็นบนโลกที่เต็มไปด้วยบาดแผลความขัดแย้งและความแตกแยก  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงพบปะกับผู้นำศาสนาต่างๆ ในเคนยา ภายในสถานเอกอัครสมณทูตวาติกัน โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า - ข้าพเจ้าทราบเรื่องที่กลุ่มคนร้ายบุกโจมตีมหาวิทยาลัยการิสซ่าและแมนเดร่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวยังติดอยู่ในความทรงจำของชาวเคนยาทุกคน นี่เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่า เยาวชนกลายเป็นเครื่องมือสร้างความรุนแรงโดยแอบอ้างพระนามของพระเจ้า หว่านความกลัว การบิดเบือน และสร้างการร่ำไห้ให้กับสังคม - เป็นเรื่องสำคัญมากที่พวกเราผู้แทนศาสนาต่างๆ จะต้องเป็นประกาศกเห็นสันติ เราต้องเป็นผู้สร้างสันติซึ่งเชิญชวนทุกคนให้ดำเนินชีวิตสามัคคีกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ และเคารพกันและกัน - ด้วยควา

โป๊ปฟรังซิสทรงหวังรัฐบาลเคนยากล้าลงทุนกับการสร้างเยาวชน

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องรัฐบาลเคนยา กล้าลงทุนในตัวเยาวชนทุกคน เพื่อเสริมสร้างพวกเขาให้เติบโตเป็นคนดี โปร่งใส และยังเป็นการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในสังคม ทรงหวังเห็นชาวแอฟริกันที่มีความตั้งใจดี ช่วยกันทำงานเพื่อสร้างสันติและให้อภัยกัน หลังจากหลายประเทศในแอฟริกาเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคม ช่วงบ่ายวันพุธที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังทำเนียบประธานาธิบดีของเคนยา เพื่อพบปะ อูฮูรู เกนยัตตา (Uhuru Kenyatta) ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลผู้บริหารประเทศ ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสเป็นภาษาอังกฤษกับประธานาธิบดี อูฮูรู เกนยัตตา และคณะรัฐบาลผู้บริหารประเทศ มีใจความว่า - ทั้งเคนยาและแอฟริกาทั้งทวีป ต่างประสบปัญหาความขัดแย้ง ความแตกแยกในสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนา และเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ชายและหญิงที่มีจิตใจดีต่างถูกเรียกมาเพื่อทำงานที่เสริมสร้างสันติ การคืนดีกันในสังคม การให้อภัย และการเยียวยาบาดแผลของความขัดแย้ง การจะทำงานสร้างสิ่งเหล่านี้ เราจำเป็นต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วนและรู้จักเคารพกัน เพราะจุดมุ่งหมายสูงสุดของพวกเร

โป๊ปฟรังซิส: "ไปแอฟริกา พ่อไม่กลัวเรื่องความปลอดภัย แต่พ่อกลัวยุง!"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเผย สิ่งที่กลัวสุดในการเยือนแอฟริกา ไม่ใช่เรื่องความปลอดภัย แต่ทรงกลัวยุง! ตรัสเสร็จทรงนำสเปรย์ฉีดกันยุงมาฉีดใส่แขนของพระองค์ด้วย ทรงสัญญา จะแจ้งเหตุผลที่ไปเยือน "สาธารณรัฐแอฟริกากลาง" ประเทศที่เป็นพื้นที่สงครามอันดุเดือด ระหว่างเที่ยวบินกลับกรุงโรม ช่วงเช้าวันพุธที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทับเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบินนายชุมพาบาล (The Shepherd One: AZ 4000) จากกรุงโรม มุ่งหน้าสู่กรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนยา เพื่อเริ่มพันธกิจการเสด็จเยือนทวีปแอฟริกาอย่างเป็นทางการ โดยระหว่างที่อยู่บนเครื่อง พระสันตะปาปาทรงทักทายบรรดานักข่าวสายวาติกันที่ตามเสด็จอย่างเป็นกันเองและไปทักทายแบบตัวต่อตัวด้วย สำหรับประเด็นสำคัญที่พระสันตะปาปาตรัสกับบรรดานักข่าวสายวาติกันทั้ง 74 คน มีดังนี้ - ก่อนอื่น พ่อขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาทำข่าวการเยือนแอฟริกาของพ่อในครั้งนี้ พ่อหวังว่า ทริปนี้จะบังเกิดผลอย่างดียิ่ง - จากนั้น นักข่าวสายวาติกันได้ทูลถามพระสันตะปาปาว่า "กังวลหรือไม่กับความปลอดภัยในการเยือนแอฟริกา ยิ่งสถา

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าพระศาสนจักรสนแต่ความมั่นคงทางโลก เราจะกลายเป็นคนเฉยชาจืดชืดไปวันๆ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ถ้าพระศาสนจักรมองหาแต่หลักประกันความมั่นคงทางโลก สนใจแต่จิตตารมณ์ทางโลก และไม่รักพระเจ้ามากพอ พระศาสนจักรก็จะกลายเป็นพระศาสนจักรที่เฉยชาจืดชืดไปวันๆ ทรงแบ่งปัน ชอบภาพลักษณ์ "หญิงม่ายในพระวรสาร" เพราะมีแต่ภาพลักษณ์ที่งดงามของคนที่วางใจพระเจ้าเต็มเปี่ยม เป็นทุกข์และปกป้องลูกของตนเต็มที่ หญิงม่ายนี้ก็คือพระศาสนจักรนั่นเอง เพราะเราต้องละทิ้งทุกสิ่งเพื่อรอคอยการกลับมาของพระคริสตเจ้า  ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ เป็นเหตุการณ์ที่คนรวยทำบุญลงตู้ทาน จากนั้น หญิงม่ายยากจนก็ทำเงินด้วยเงินทั้งหมดที่มีลงในตู้ทานด้วย พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า "หญิงม่ายคนนี้ทำบุญมากกว่าทุกคน เพราะเธอทำบุญด้วยเงินทั้งหมดที่มี" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - ในพระวรสารวันนี้ หญิงม่ายคือหญิงที่อยู่คนเดียว เธอไม่มีสามีแล้ว เธอมอบความวางใจทั้งหมดไว้กับพระเจ้า พ่อชอบภาพลักษณ์ของหญิงม่ายในพระวรสาร เพราะนี่คือภาพสะท้อนถึงพระศาสนจักรที่เป็นม่าย ซึ่งกำลังรอ

โป๊ปฟรังซิส: "ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูคือการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยความรัก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูคือการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยความรัก ทำทุกอย่างด้วยความสุภาพถ่อมตนและไม่ยึดติดกับตัวเอง พร้อมกันนี้ ทรงขอคำภาวนาเป็นพิเศษ เพราะวันที่ 25-30 พฤศจิกายนนี้ พระองค์จะเสด็จเยือนเคนยา, ยูกันดา และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ เป็นวันสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล อีกด้วย สำหรับการเทศน์สอนในวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า - ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูคือการยืนตรงกันข้ามกับจิตตารมณ์ทางโลกที่ให้รางวัลกับความทะเยอทะยานและตอบแทนต่อความโหดเหี้ยม พระเยซูเลือกที่จะสุภาพถ่อมตนและไม่ยึดติดกับตนเอง - อาณาจักรของโลกนี้สร้างขึ้นบนความจองหองและความเป็นศัตรู แต่อาณาจักรของพระคริสตเจ้าตั้งอยู่บนความยุติธรรม ความรัก และสันติ การปกครองพระอาณาจักรของพระเจ้าหมายถึงการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง นี่เป็นการรับใช้ที่มาจากความรัก และนี่คือตำแหน่งกษัตริย์ของพระเยซู หลังการเทศน์สอนจบลง พระสันตะปาปาทรงขอคำภา

โป๊ปฟรังซิส: "การที่ครูได้เงินเดือนต่ำมาก สะท้อนว่าสังคมให้คุณค่าการศึกษาเช่นไร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ครูเป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้เงินเดือนต่ำสุดในสังคม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมให้คุณค่ากับการศึกษามากน้อยเพียงใด ทรงเตือน ความผิดพลาดครั้งใหญ่สุดของครูก็คือการสอนให้เด็กอยู่แต่ในพื้นที่ของตนเอง ยึดติดกับตัวเอง และยึดติดกับความสุขสบาย ทรงย้ำ การศึกษาคาทอลิกต้องไม่กีดกันคนยากจน เราต้องก้าวออกจากโรงเรียนฐานะร่ำรวยและปานกลาง และไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน ทรงสอน ในฐานะที่เคยเป็นครูเหมือนกัน ครูต้องอย่าเข้มงวดจนลืมคิดถึงหลักความเป็นมนุษย์ ช่วงสายวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติของสมณกระทรวงเพื่อการศึกษาคาทอลิก ซึ่งมาเข้าเฝ้าภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้ข้อคิดพวกเขาว่า - ทุกวันนี้ ครูอาจารย์คือหนึ่งในผู้ได้รับค่าตอบแทนต่ำที่สุดในสังคม สิ่งนี้บอกเราได้ว่าเราให้คุณค่ากับการศึกษามากน้อยเพียงใด นี่เป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้องอุทิศตนทั้งกายและใจเพื่อสร้างคนขึ้นมาให้เปี่ยมด้วยคุณภาพ น่าเศร้ากับความจริงที่เกิดขึ้นเช่นนี้ - ในฐานะที่พ่อเคยเป็นครูอาจารย์ พ่ออยากเตือนสต

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์คาทอลิกอย่าทำตัวเผด็จการหรือคนสั่งการ แต่จงเป็นผู้รับใช้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน สงฆ์คาทอลิกต้องเป็นนายชุมพาบาลและผู้รับใช้ ไม่ทำตัวเผด็จการหรือเป็นพนักงานสั่งการ เพราะเราไม่ได้บวชเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทรงย้ำ สงฆ์คาทอลิกต้องหนักแน่น แต่อย่าแข็งกร้าว อย่าทำอะไรแบบขอไปที อย่าทำตัวซึมเศร้าอมทุกข์ เพราะมันไม่ดีต่อตัวเองและสัตบุรุษ ทรงชี้ พระสงฆ์ทุกคนมีประวัติชีวิตแตกต่างกัน ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าวันที่เขาได้รับการบวช แล้วจะต้องเติบโตสุดขีดทันที ทรงแนะ เวลารับสมัครคนเข้าบ้านเณร ต้องพิจารณาให้ดี ควรระวังคนที่มีบุคลิกแข็งกร้าวและยึดมั่นอะไรสุดขั้ว ทรงเตือนสติพระสังฆราช อย่าเดินทางบ่อยเกินไป เพราะพระสงฆ์จะบ่นได้ว่าไม่อยู่กับฝูงแกะเลย  ช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมของสมณกระทรวงเพื่อพระสงฆ์ ซึ่งมาประชุมกันในโอกาสครบ 50 ปีของการประกาศจากสังคายนาวาติกัน ที่ 2 เรื่องข้อกำหนดการอภิบาลและชีวิตของพระสงฆ์ (Presbyterorum ordinis) และ ข้อกำหนดเรื่องการฝึกอบรมพระสงฆ์ (Decree on Priestly Training) โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้โอวาทพวกเขาแบบสดๆ จากใจว่า - พ่อขอแบ่งสิ่งที่จะกล่าวในวัน

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าพระศาสนจักรถูกครอบงำด้วยเงินและอำนาจ ภาวะถดถอยและจุดจบจะมาเยือน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน เมื่อใดที่พระศาสนจักรถูกครอบงำด้วยเงินและอำนาจ เราก็เข้าสู่ภาวะถดถอยและจุดจบจะเป็นแบบเลวร้าย ทรงชี้ พระเยซูทรงหนักแน่นกับคำสอนของพระองค์ พระเยซูไม่มีที่ว่างให้กับจิตตารมณ์ทางโลก ไม่มีที่ว่างให้กับการคดโกง นี่จึงเป็นความท้าทายของเราทุกคนที่ต้องเจอ  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงขับไล่พ่อค้าออกจากพระวิหาร พร้อมตรัสว่า "บ้านของเราเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่พวกท่านมาทำให้เป็นซ่องโจร" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ไม่ให้เกียรติกับพระเจ้าและทำตัวหยวนๆ กับการค้าขายในพระวิหาร พวกเขาไม่ให้เกียรติบ้านของพระเจ้า พระวิหารคือสัญลักษณ์ของพระศาสนจักร พระศาสนจักรจะเป็นเป้าหมายของการประจญล่อลวงของจิตตารมณ์ทางโลกและอำนาจอยู่เสมอ พ่อย้ำเลยนะว่า เสมอเลย! - พระเยซูไม่ได้พูดว่า 'อย่าขายของข้างในพระวิหาร แต่ไปขายข้างนอกพระวิหารได้' แต่พระองค์ตรัสว่า 'ท่านมาทำให้บ้านของพระเจ้ากลายเป็นซ่องโจร!' เมื่อใด

โป๊ปฟรังซิส: "พระเยซูกำลังร้องไห้ให้กับสงครามที่เกิดกับโลก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน ทุกวันนี้ พระเยซูทรงร้องไห้ให้กับสงครามที่กำลังเกิดกับโลก ส่วนคนที่ร่ำรวยและได้ประโยชน์จากสงครามคือพวกพ่อค้าอาวุธ คนพวกนี้ค้าขายอาวุธเพื่อให้ตัวเองร่ำรวยเท่านั้น ทรงชี้ พ่อค้าอาวุธบางคนอาจเย้ยหยันคนที่พยายามทำงานสร้างสันติว่าเป็นการทำงานที่เสียเวลาโดยใช่เหตุ อาทิ พวกที่เคยสบประมาท "บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตต้า" ว่าทำงานเปล่าประโยชน์ในการรับใช้คนที่กำลังจะตาย ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงร้องไห้ให้กับกรุงเยรูซาเล็ม เพราะบาปที่เมืองนี้ได้ทำ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันข้อคิดว่า - ทุกวันนี้ พระเยซูทรงร้องไห้อีกเช่นกัน เพราะพวกเราได้เลือกทางแห่งสงคราม ทางแห่งความเกลียดชัง และทางของความเป็นศัตรูกัน ตอนนี้ พวกเรากำลังเข้าใกล้วันคริสต์มาส วันที่จะเป็นความสว่าง การเฉลิมฉลอง มีต้นไม้ใหญ่ๆ และมีถ้ำพระกุมาร ทุกสิ่งมีพร้อม แต่โลกยังคงให้ราคากับสงคราม โลกยังไม่เข้าใจทางแห่งสันติ - พระเยซูตรัสว่า 'ท่านไม่สามารถรับใช้เจ้านาย 2 คนพร

โป๊ปฟรังซิส: "ประตูแห่งพระเมตตาของพระเจ้าเปิดเสมอ ดังนั้น ประตูวัดคาทอลิกก็ต้องเปิดเสมอเช่นกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ ประตูแห่งพระเมตตาของพระเจ้าเปิดต้อนรับเราเสมอ นี่คือประตูบานใหญ่ ดังนั้น ประตูบานเล็ก อาทิ ประตูของวัดคาทอลิก ของชุมชนวัด ของสังฆมณฑล หรือของสถาบันคาทอลิกต่างๆ ก็ต้องเปิดต้อนรับทุกคนด้วยเช่นกัน เพื่อที่ทุกคนที่มาเคาะ จะได้พบกับพระเยซูผู้ทรงความเมตตา  ช่วงสายวันพุธที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงการเปิดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2015 และยังเป็นวันสมโภชแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมลด้วย พระสันตะปาปาทรงกล่าวสอนว่า - ประตูแห่งพระเมตตาของพระเจ้าเปิดอยู่เสมอ และประตูนี้ก็ต้องเป็นประตูของวัดคาทอลิก ของเขตวัด ของสถาบันคาทอลิกต่างๆ และของสังมณฑล เพื่อที่ว่า พวกเราจะสามารถก้าวออกไปเพื่อนำความเมตตาของพระเจ้าไปยังผู้ที่ต้องการได้รับสิ่งนี้ - ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ไม่ได้ย้ำเตือนเราถึงประตูบานใหญ่แห่งพระเมตตาของพระเจ้า แต่ยังเตือนเราถึงประตูบานเล็กๆ ของวัดของเราที่จะต้องเปิดเพื่อให้พระเจ้าได้เข้

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าดำเนินชีวิตสองมาตรฐาน ต่อหน้าพระเจ้าทำเป็นศรัทธา ลับหลังคดโกง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คริสตชนอย่าดำเนินชีวิตสองมาตรฐาน ต่อหน้าพระเจ้าทำเป็นศรัทธาและไปร่วมมิสซาทุกอาทิตย์ แต่ลับหลังดันทำตัวชอบรับสินบนหรือติดสินบนคนอื่น เพราะการทำแบบนี้คือการหลงไปตามจิตตารมณ์ทางโลก และทำให้อัตลักษณ์การเป็นคริสตชนจางหายไป  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือมัคคาบี เป็นเหตุการณ์ที่ กษัตริย์อันทิโอคัส ผู้ชั่วร้ายได้บังคับทุกคนให้ละทิ้งพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ทางโลก เขาบังคับ เอเลอาซาร์ ธรรมาจารย์คนสำคัญให้กินเนื้อหมูซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของชาวยิว แต่เอเลอาซาร์ไม่ยอม เขาจึงเลือกยอมตายเพื่อรักษาความเชื่อไว้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - จิตตารมณ์ทางโลกนำเราให้ขัดแย้งกับสิ่งที่เราชอบพูดว่า 'พระสันตะปาปา ผมเป็นคาทอลิกที่ดี ผมไปมิสซาทุกวันอาทิตย์' แต่สิ่งที่เราทำตอนอยู่ที่ทำงาน เรากลับติดสินบนหรือรับสินบนจากคนอื่น นี่คือการดำเนินชีวิตที่ขัดแย้งกัน จิตตารมณ์ทางโลกทำให้เราดำเนินชีวิตสองมาตรฐาน มันทำให้เราถอยห่างจากพระเจ้าและทำลายอัตลัก

โป๊ปฟรังซิส: "หากเป็นพระสันตะปาปาที่ไม่ได้อภิบาล พ่อจะไม่มีความสุขเลย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ หากพระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่ไม่มีแนวทางของผู้อภิบาล พระองค์จะเป็นพระสันตะปาปาแบบไม่มีความสุขเลย เพราะความสุขคือการได้สอนคำสอนเด็กๆ ถวายมิสซาให้พวกเขา รวมไปถึงการไปเยี่ยมผู้ป่วยและผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทรงยอมรับ ไม่กล้าตอบคำถามเรื่องข้อห้ามของลูเธอรันที่ห้ามรับศีลมหาสนิทในโบสถ์คาทอลิก ภายหลังหญิงลูเธอรันที่แต่งงานกับสามีที่เป็นคาทอลิกถามพระองค์ แต่ย้ำ หากกลับกัน พระองค์ก็ไม่อนุญาตและไม่ส่งศีลมหาสนิทให้กับคนที่ไม่เป็นคาทอลิก ทรงชี้ คาทอลิกและลูเธอรันเคยขัดแย้งและเบียดเบียนกันหลายครั้งในอดีต ยุคนี้ เราต้องแสวงหาการยกโทษและคืนดีกัน มุ่งมั่นรับใช้กันเหมือนที่พระเยซูทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จเยือนโบสถ์ลูเธอรันในกรุงโรม เพื่อร่วมสวดภาวนาคริสตศาสนสัมพันธ์กับสมาชิกลูเธอรัน สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับสมาชิกลูเธอรัน พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้พวกเขาถามแบบสดๆ แล้วพระองค์ทรงตอบกลับจากใจ ซึ่งประเด็นสำคัญมีดังนี้ - คำถามแรก "สิ่งที่รู้สึกดีที่สุดในการเป็นพระสันตะปาปาคืออะไร" - พระสันตะป