Posts

Showing posts from October, 2015

โป๊ปฟรังซิส: "สงฆ์ที่ดีคือคนที่สงสาร เห็นใจ และร่วมเผชิญปัญหาไปกับสัตบุรุษ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน พระสงฆ์ที่ดีคือคนที่สงสารและเห็นใจสัตบุรุษเวลาเกิดปัญหาชีวิต พร้อมเข้าไปมีส่วนร่วมในการเผชิญกับปัญหานั้น ส่วนพระสงฆ์ที่ไม่ดีจะทำตัวในทางตรงกันข้าม ทรงย้ำ พระเจ้าทรงสงสารมนุษย์ที่กำลังประสบปัญหา แต่ความสงสารนี้ไม่ใช่ความเวทนา เพราะพระเจ้าไม่ได้มองดูเฉยๆ แต่เข้าใจและมาร่วมรับรู้ปัญหาด้วย ทรงชี้ พระเจ้าให้อภัยเราเวลาทำผิด พระองค์ให้อภัยจากใจ ไม่ได้ให้อภัยเหมือนผู้พิพากษาในศาลที่กล่าวว่า "เรื่องนี้หลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิด" ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงถามชาวฟาริสีในวันสับบาโตว่า พระองค์จะรักษาชายคนป่วยที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ได้หรือไม่ แต่คนเหล่านั้นนิ่งเงียบ พระเยซูจึงพยุงเขาขึ้นและรักษาให้หาย ก่อนจะตรัสกับคนพวกนั้นว่า "ถ้าผู้ใดมีบุตรหรือโคตกลงไปในบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาในวันสับบาโตหรือ" แต่คนเหล่านั้นตอบพระองค์ไม่ได้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - พระวรสารวันนี้จัดว่าน่าสนใจมากๆ พวกเราทุกคนเป็นเหมือนลูกล

โป๊ปฟรังซิส: "ความอ่อนแอของพระเจ้าคือไม่สามารถหยุดรักและตัดขาดจากมนุษย์ได้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงแบ่งปัน ความอ่อนแอของพระเจ้าคือการที่พระเจ้าไม่สามารถหยุดรักมนุษย์และตัดขาดจากเราทุกคน ตัวอย่างของความอ่อนแอนี้ มีให้เห็นมากมายในพระวรสาร อาทิ ตอนที่พระเยซูทรงร่ำไห้เหนือกรุงเยรูซาเล็ม ทรงชี้ เราทุกคนสามารถปฏิเสธความรักของพระเจ้าได้ แต่ปฏิกิริยาของพระเจ้าที่จะตอบสนองต่อการเมินเฉยของเราคือ พระเจ้าจะเฝ้ารอการกลับใจของเรา พระองค์ตัดขาดจากมนุษย์ไม่ได้ เพราะทรงรักเรานั่นเอง ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม ท่านกล่าวว่า "ไม่มีสิ่งใดมาพรากเราไปจากความรักของพระเจ้าได้" พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันว่า - ทั้งชายและหญิงสามารถปฏิเสธความรักจากพระเจ้าได้ ด้วยการเลือกความหยิ่งยะโสของตน ความทะนงตน และบาป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ของขวัญของพระเจ้าซึ่งก็คือความรักนี้จะอยู่กับเราเสมอ - ของขวัญจากพระเจ้าคือความรัก พระเจ้าผู้ไม่สามารถตัดขาดจากเราได้ นี่คือความอ่อนแอของพระเจ้า พวกเราสามารถพูดได้ว่า 'พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยฤทธานุภาพ พระเจ้าทำไ

โป๊ปฟรังซิส: "อย่ามีความเชื่อตามกำหนดการ ที่ทุกคนต้องทำตามข้อกำหนดเราคนเดียว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน เราต้องอย่าติดกับดักของการมีความเชื่อตามกำหนดการ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ต้องทำทุกอย่างตามตารางที่เราวางไว้คนเดียว ใครเข้ามาขัดจังหวะขอความช่วยเหลือ ถือว่าเป็นการรบกวนและต้องถูกต่อว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เราจะไม่ต่างจากประชาชนในพระวรสารที่หันไปต่อว่าชายขอทานที่ตาบอดซึ่งมาขอความช่วยเหลือจากพระเยซู ทรงถาม เราเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู เราพูดว่าเราอยู่กับพระเยซู เราเชื่อในพระเยซู แต่ว่า เราคิดเหมือนพระองค์หรือเปล่า หัวใจของเราเปิดต้อนรับคนอื่นเหมือนที่พระเยซูเปิดต้อนรับคนที่กรีดร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่ ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ครั้งที่ 14 เรื่องครอบครัว ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า - พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นพระเยซูทรงสั่งบรรดาศิษย์ให้ไปเรียกบาร์ทิเมอัส (ชายตาบอด) ศิษย์ของพระเยซูไปเรียกและกล่าวกับบาร์ทิเมอัสว่า 'ทำใจดีๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์เรียกท่านแล้ว' - แม้แต่ในทุกวันนี้ ศิษย์พระเยซูก็ยังถูกเรียกให้ทำเช่น

สรุปผลการลงมติรับรองการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว

Image
- หัวข้อการประชุมหลักๆ ครั้งนี้อยู่ที่เรื่องการอภิบาลครอบครัว หากเจาะลึกลงไปอีก เรื่องหลักจริงๆ จะมี 2 เรื่อง ได้แก่ "คาทอลิกที่หย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ จะรับศีลมหาสนิทได้หรือไม่ และ การอภิบาลผู้ที่รักเพศเดียวกัน" ส่วนเรื่องอื่นๆ ได้แก่ความรุนแรงในครอบครัว, การใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง และสิ่งลามกอนาจารที่คุกคามครอบครัว - หลังการประชุมเสร็จสิ้นลง ได้มีการร่างเอกสารออกมา 94 หัวข้อ ซึ่งที่ประชุมต้องลงมติรับรองทุกหัวข้อ การที่หัวข้อเหล่านี้จะได้รับการเห็นชอบ จะต้องได้รับคะแนนเสียง 2 ใน 3 จากผู้เข้าร่วมการประชุม (ผู้ร่วมการประชุมสมัชชาที่มีสิทธิ์ลงคะแนน มี 265 คน โดยคะแนน 2 ใน 3 อยู่ที่ 177 เสียง) - หัวข้อที่ "ผ่านความเห็นชอบแบบเฉียดฉิว" ได้แก่ หัวข้อ 85 ที่เป็นเรื่อง "Familiaris consortio" (หลักเกณฑ์ทั่วไป) รายละเอียดคือ "เป็นความรับผิดชอบของผู้อภิบาลที่จะต้องเดินร่วมทางไปกับผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ (คาทอลิกหย่าร้างและไปแต่งงานใหม่) หนทางของการวินิจฉัยตามคำสอนของพระศาสนจักรและภายใต้การชี้แนะของพระสังฆราช ... หัวข้อนี้ ได้รับการรับรองเพียงแค่ 178 เสียง ซึ

โป๊ปฟรังซิส: "เราเปลี่ยนทัศนคติตามกาลเวลาได้ แต่ความเชื่อในพระเจ้าต้องไม่เปลี่ยนแปลง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน คริสตชนต้องรู้จักอ่านสัญญาณของกาลเวลา เราทำได้ผ่านทางความเงียบและสวดภาวนา ทรงย้ำ เวลาเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้วย แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ "ทัศนคติที่ต้องปรับตัวตามกาลเวลา" ส่วนความเชื่อในพระเจ้าต้องไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเราต้องยึดมั่นในความจริงแห่งพระวรสาร ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูตรัสกับประชาชนว่า "คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยสภาพดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า ทำไมท่านไม่ตัดสินด้วยตัวเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านไปศาลกับคู่ความของท่าน" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - เรามีเสรีภาพที่จะตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา แต่การที่จะตัดสินนั้น เราต้องมีความรู้ที่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราก่อน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ คำตอบคือ พระศาสนจักรเรียกร้องให้เราพิจารณาสัญญาณของกาลเวลา - มันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่ปรีชาญาณตามแบบคริสตชนต้องตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ และต้องจำแนกการเปลี่ยนแปล

โป๊ปฟรังซิส: "หัวใจของพระเจ้าไม่เคยปิดตาย พระองค์เปิดรอการกลับใจของเราคนบาปเสมอ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระหรรษทานที่พระเจ้าให้มนุษย์มีมากเกินนับได้ หัวใจของพระเจ้าไม่เคยปิดตาย แต่พระองค์เปิดต้อนรับรอการกลับใจของเราที่เป็นคนบาปเสมอ ทรงชี้ คนบาปหนึ่งคนกลับใจ สวรรค์จะชื่นชมยินดียิ่งกว่าได้เห็นคนชอบธรรมหนึ่งคนเป็นทุกข์ถึงบาปด้วยซ้ำ ช่วงเช้าวันอังคารที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม ท่านกล่าวว่า "ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่น พระหรรษทานก็ทวีขึ้นมากกว่า" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันให้ข้อคิดว่า - พระเจ้าไม่เคยยืนเฉยๆ ตรงกันข้าม พระองค์ออกไปตามหาเราแต่ละคนที่เป็นคนบาป นี่คือความเมตตากรุณาแห่งความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ - พระเจ้าทรงเมตตาเราอย่างเหลือล้น ดังที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า 'ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่น พระหรรษทานก็ทวีขึ้นมากกว่า' ทุกสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ มีมากจนสุดประมาณได้ นี่คือความรักของพระเจ้าที่ไม่มีขอบเขต - พระเจ้าให้ทุกอย่างกับเรา พระองค์ทรงเหมือนกับบิดาที่รอลูกของตนกลับมา หัวใจของพระเจ้าไม่เคยปิดตาย หัวใจของพระองค์เปิด

โป๊ปฟรังซิส: "ความโลภทำให้เราสวดภาวนา แต่เป็นการสวดแบบหวังผลว่าเราจะรวย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระเยซูไม่ต่อต้านความรวย แต่พระองค์ต่อต้านการยึดติดความรวยแบบไม่ลืมหูลืมตา เพราะนี่คือความโลภแบบไม่สิ้นสุด ทรงสอน มีครอบครัวมากมายที่ต้องแตกแยก เพราะสมาชิกยึดติดกับเงินทรัพย์สมบัติ ผลสุดท้ายคือต้องทะเลาะกันด้วยสาเหตุแย่งมรดก ทรงชี้ เป็นความจริงที่ว่า ความโลภอาจทำให้เราสวดภาวนา แต่เป็นการทำให้เราสวดแบบหวังผลเรื่องความรวย วิธีแบบนี้ไม่ทำให้หัวใจของเราอยู่กับพระเจ้าเลย  ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงสอนว่า "จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีเพียงใดก็ตาม" พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - พ่ออยากเตือนใจเราทุกคนว่า เราไม่สามารถรับใช้เจ้านาย 2 คนได้พร้อมกัน นั่นคือ เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมกัน - พระเยซูไม่ต่อต้านความร่ำรวย แต่พระองค์ทรงเตือนเราว่า อย่าฝากทุกอย่างไว้กับเงิน เพราะการทำแบบนี้คือความเสี่ยง มันคือการทำให้ศาสนากลายเป็นหน่วยงานประกันภัย

โป๊ปฟรังซิส: "การใช้อำนาจที่ถูกต้องในพระศาสนจักรคือการรับใช้ผู้อื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ การใช้อำนาจที่ถูกต้องในพระศาสนจักรคือการรับใช้ผู้อื่น ทรงย้ำ การกระหายอำนาจ การทะเยอทะยานอย่างไม่สิ้นสุด และการหลงในชื่อเสียงเกียรติยศ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเดินไปกับเสียงเรียกของพระเจ้าที่ต้องการให้เราเป็นผู้รับใช้ ทรงสอน ผู้รับใช้ของพระเจ้าจะไม่คิดคำพูดสวยๆ ให้น่าจดจำ ตรงกันข้าม เขาจะถูกเหยียดหยาม สังคมจะไม่ยอมรับ และจะเป็นบุรุษแห่งความทุกข์ระทม ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาสถาปนานักบุญใหม่ 4 องค์ ได้แก่ นักบุญหลุยส์ มาร์กแต็ง และ นักบุญซิลี่ มาร์กแต็ง บิดามารดาของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออซ์, นักบุญวินเชนโซ่ กรอสซี่ (ล่างกลาง) สงฆ์ชาวอิตาเลี่ยน และ นักบุญมารีอา เดลลิมมาโคลาต้า คอนเชซิโอเน่ ซิสเตอร์ชาวสแปนิช พิธีนี้จัดที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับบทเทศน์ในพิธีนี้ พระสันตะปาปาทรงสอนว่า - นักบุญใหม่ทั้ง 4 องค์ ได้ทำหน้าที่รับใช้เพื่อนพี่น้องด้วยความสุภาพถ่อมตนและมีเมตตาอย่างเด่นชัด พวกเขาได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระอาจารย์เจ้าผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์ - พระเยซูทรงเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ชีวิตและ

โป๊ปฟรังซิส: "วิธีที่จะหนีจากการติดเชื้อหน้าซื่อใจคดคือจงสวดภาวนามากๆ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน หนทางเดียวที่จะหลีกหนีจากการติดเชื้อไวรัส "หน้าซื่อใจคด" ก็คือเราต้องสวดภาวนามากๆ นี่คือคำตอบเดียวที่พระเยซูทรงสอนไว้ ทรงย้ำ ทัศนคติที่มองว่า ตนเองถูกต้องและเป็นผู้ชอบธรรมเพียงคนเดียว ไม่มีวันนำเราไปพบความสว่างของพระเจ้า  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า "จงระวังเชื้อแป้งของฟาริสี นั่นคือ ความหน้าซื้อใจคดของพวกเขา" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - ความหน้าซื่อใจคดไม่มีสี แต่มันเป็นจุดดำๆ ความหน้าซื้อใจคดคืบคลานเข้ามาและล่อลวงความสว่างของสีด้วยการบิดเบือนให้ค่าสีแตกต่างออกไป - นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมพระเยซูถึงสอนให้เราระวังเชื้อแป้งของฟาริสี มันเป็นเชื้อร้ายแบบเล็กๆ แต่นี่คือไวรัส ในฐานะที่พระเยซูทรงเป็นแพทย์ พระองค์จึงบอกกับศิษย์ว่า ให้ระวังที่จะติดเชื้อไวรัสนี้ให้ดี เพราะมันจะลุกลามได้เร็วมากๆ - เชื้อแป้งฟาริสีคือไวรัสที่จะทำให้เราป่วยและตาย จงระวัง! เชื้อแป้งนี้นำความมืดมิดมาให้เรา จงระวัง! - แต่มี

โป๊ปฟรังซิส: "การบอกรักใครด้วยผลประโยชน์แอบแฝง ถือเป็นความเห็นแก่ตัว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ การบอกรักใครสักคนด้วยผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ทรงชี้ พระบัญญัติแห่งความรักที่พระเยซูสอนว่า "จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง" คือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่จะนำเราไปสู่จุดสูงสุดของบำเหน็จแห่งความรอดของพระเจ้า ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูตรัสว่า "วิบัติจงเกิดกับท่านบรรดานักกฎหมาย ท่านนำกุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไป แล้วยังขัดขวางคนที่ต้องการจะเข้าไปด้วย" พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - กุญแจที่พระเยซูทรงพูดถึงนี้คือของขวัญแห่งความรอดและของขวัญแห่งความรู้ บรรดานักกฎหมายนำกุญแจซึ่งเป็นของขวัญที่พระเจ้าให้มาฟรีๆ ออกไป เพราะพวกเขาคิดว่าการเคารพต่อบทบัญญัติก็ช่วยให้เราได้รับความรอดแล้ว ส่วนใครที่ไม่ทำตามบทบัญญัติก็ต้องถูกประณาม เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาได้จำกัดอาณาเขตของพระเจ้าและทำให้ความรักของพระเจ้ากลายเป็นสิ่งที่เล็กมากๆ - ความรักที่ตั้งอยู่บนผลประโยช

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อขอโทษสำหรับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทั้งในกรุงโรมและวาติกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาขอโทษในนามของพระศาสนจักร ต่อเรื่องอื้อฉาวที่เกิดในช่วงที่ผ่านมาทั้งในกรุงโรมและวาติกัน พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ พ่อแม่ต้องใส่ใจและจริงจังกับคำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้กับเด็กๆ ทรงสอน คำสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราให้ได้คือความรักต่อพวกเขา ช่วงสายวันพุธที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ก่อนพระสันตะปาปาจะเทศน์สอนสัตบุรุษ พระองค์ทรงสร้างความประหลาดใจให้ทุกคน ด้วยการตรัสออกมาว่า "ก่อนจะเริ่มต้นการสอนคำสอน พ่ออยากจะขอโทษสำหรับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทั้งในกรุงโรมและวาติกัน พ่อขอโทษ" ทั้งนี้ ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พระสันตะปาปาทรงขอกล่าวขอโทษเรื่องใด แต่บรรดานักข่าวสายวาติกันวิเคราะห์กันว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มองซินญอร์ที่ทำงานในวาติกัน ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์และมีแฟนหนุ่ม รวมไปถึงเรื่องวุ่นๆ จากการประชุมสมัชชาพระสังฆราชที่มีการปล่อยจดหมายของบรรดาพระคาร์ดินัลออกมา และแสดงให้เห็นว่า พระคาร์ดินัลแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม และกำลังขัดแย้งกัน หล

โป๊ปฟรังซิส: "เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินไปพร้อมกัน นี่จึงเป็นความอ่อนแอของมนุษย์ เฉพาะอย่างยิ่งคนรวยที่ปลดปล่อยตัวเองออกจากการเป็นทาสของทรัพย์สมบัติต่างๆ ทรงชี้ พระวรสารวันนี้ ชายหนุ่มมั่งมีที่อยากได้ชีวิตนิรันดร ยอมทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าทุกอย่าง แต่เขาขาดแค่การปลดปล่อยตัวเองออกจากการยึดติดกับเงินเท่านั้น ทรงย้ำ ถ้าเราปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาสของสิ่งต่างๆ เราจะได้รับอิสรภาพแท้จริงที่จะรับใช้ด้วยความรัก ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมจำนวนมาก พระวรสารประจำวันนี้ พระเยซูทรงกล่าวกับชายมั่งมีคนหนึ่งเข้ามาหาพระองค์ พร้อมทูลถามถึงวิธีการที่จะได้รับชีวิตนิรันดร ก่อนที่พระเยซูจะตรัสว่า "จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน แล้วติดตามเรา" พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า - พระวรสารตอนนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงทอดพระเนตร 3 ครั้ง - หนึ่ง เป็นการทอดพระเนตรด้วยความอ่อนโยนและความรัก เมื่อชายหนุ่มคนนั้นมาทูลว่า สำหรับเ

โป๊ปฟรังซิส: "ปีศาจที่น่ากลัวสุดคือการตายด้านในการแยกแยะความดีความชั่ว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ ปีศาจที่น่ากลัวสุดคือการตายด้านในการแยกแยะความดีความชั่ว หากเราแยกแยะไม่เป็นว่า สิ่งไหนคือความดี สิ่งไหนคือความชั่ว เราก็แพ้ต่อปีศาจแล้ว ทรงสอน เราต้องเฝ้าระวังและหมั่นตรวจสอบมโนธรรมในใจเราเสมอ เพื่อจะได้สู้กับการรุกรานของปีศาจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงขับไล่ปีศาจ แต่ประชาชนกลับหาว่า พระองค์กระทำการในนามของเบเอลเซบูล (เจ้าแห่งปีศาจ) พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า - มันมีคนอีกกลุ่มเสมอที่ไม่ตระหนักถึงสิ่งที่พระเยซูทรงทำ คนพวกนี้จะตีความไปอีกทางซึ่งเป็นทางที่ผิด ขัดกับความตั้งใจของพระเยซู พวกเขาทำเพราะอิจฉา บางคนก็ทำเป็นแข็งกร้าวต่อข้อคำสอน ยืดหยุ่นไม่ได้เลย - คริสตชนที่แท้จริงจึงต้องอย่าตีความแบบผิดๆ พ่อขอเชิญเราทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อสถานการณ์ต่างๆ เพราะในชีวิตแห่งความเชื่อ มันจะมีการประจญล่อลวงแบบนี้อยู่เสมอ ปีศาจไม่เคยเหนื่อยที่จะทดลองเรา - ปีศาจที่น่ากลัวที่สุดคือการตายด้านในการแยกแยะความดีความชั่ว เมื่อปี

โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรสามารถเรียนรู้การดำเนินชีวิตได้จากครอบครัว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระศาสนจักรสามารถเรียนรู้การดำเนินชีวิตได้จากครอบครัว เพราะนี่คือสถานที่สอนความซื่อสัตย์ ความจริงใจต่อกัน และความเคารพต่างๆ ทรงชี้ พระศาสนจักรต้องส่งเสริมชีวิตครอบครัว เพราะครอบครัวได้มอบการเป็นประจักษ์พยานต่อความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ ช่วงสายวันพุธที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 60,000 คน ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนทุกคนเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวในชีวิตพระศาสนจักรและสังคม ใจความว่า - ชีวิตครอบครัวเหมือนกับชีวิตของพระศาสนจักร นี่คือการจาริกเดินทางไกล เมื่อการเดินทางของครอบครัวอยู่บนหนทางของพระเจ้า พวกเขาก็ได้มอบการเป็นประจักษ์พยานแบบพื้นฐานต่อความรักของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ พวกเขาสมควรจะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพระศาสนจักร - สำหรับพ่อ ครอบครัวคือพระศาสนจักรภายใน(จิตใจ) และนี่เป็นโรงเรียนแห่งคุณงามความดีซึ่งเราได้เรียนรู้ว่าความดีนี้คืออะไร - ในครอบครัว เราได้เรียนรู้สายใยที่รวมเราเป็นหนึ่ง สายใยแห่งความซื่อสัตย์ต่อกัน จริงใจต่อกัน คว

โป๊ปฟรังซิส: "ผู้อภิบาลที่ไม่ยืดหยุ่น ก็เป็นศัตรูกับความเมตตาของพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ผู้อภิบาลต้องมีความยืดหยุ่น อย่าแข็งกร้าว เพราะถ้าหากไม่ยืดหยุ่น เราก็เป็นศัตรูกับความเมตตาของพระเจ้า ทรงหวังเห็นคาทอลิกเข้าใจความเมตตาของพระเจ้าในทางที่ถูกต้อง อย่าเข้าใจพระเมตตาของพระเจ้าในทางที่ผิด เหมือนอย่างพวกธรรมาจารย์ที่เข้าใจเวลาพระเยซูมีเมตตาต่อคนรอบข้าง ช่วงเช้าวันอังคารที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือประกาศกโจนาห์ เป็นเหตุการณ์ที่โจนาห์ยอมเชื่อฟังพระเจ้า และเข้าไปยังเมืองนีนะเวห์ เพื่อประกาศให้คนทั้งเมืองกลับใจตามที่พระเจ้าทรงสั่งไว้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า - เมืองนีนะเวห์กลับใจมาพระเจ้า ถ้าไม่กลับใจ พระเจ้าตรัสว่าจะทำลายเมืองนี้ งานนี้ ต้องขอบคุณคำสอนจากโจนาห์ที่ละทิ้งความแข็งกร้าวและหันมาเชื่อฟังพระเจ้า เขาทำตามคำสั่งของพระเจ้าทุกประการ - หลังจากเมืองนีนะเวห์กลับใจ โจนาห์กลายเป็นคนดื้อรั้นไม่เชื่อฟังพระจิต เขาโมโหพระเจ้า แย่ไปกว่านั้น เขาถึงขั้นสบถด่าพระเจ้าด้วยซ้ำ - เรื่องราวของโจนาห์และเมืองนีนะเวห์ได้เปิดเผยเรื่องราว 3 อย่างกับเรา ห

โป๊ปฟรังซิส: "สมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ไม่ใช่ประชุมสภาที่ต้องหาข้อตกลงร่วมกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเปิดประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัวในวันแรก พร้อมย้ำ ประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ไม่ใช่การประชุมสภาที่ทุกคนมาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่นี่คือการเดินร่วมกันและให้พระเจ้านำทางการตัดสินใจของเรา ทรงชี้ หากพระศาสนจักรไม่ปรับตัว จะไม่ต่างจากพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ แต่เราต้องเป็นแหล่งน้ำทรงชีวิตของพระวาจาพระเจ้า  เช้าวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงกล่าวเปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว งานนี้ พระสังฆราช ซิลวิโอ สิริพงษ์ จรัสศรี แห่งสังฆมณฑลจันทบุรี เป็นผู้แทนจากสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมด้วย สำหรับพระดำรัสเปิดการประชุมวันแรก พระสันตะปาปาตรัสว่า - การประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ไม่ใช่การประชุมสภาที่ทุกคนมาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่นี่คือการเดินร่วมกัน เพื่อจะได้อ่านความจริงด้วยสายตาแห่งความเชื่อและด้วยหัวใจของพระเจ้า - พระศาสนจักรไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ แต่พระศาสนจักรคือแหล่งน้ำทรงชีวิตแห่งพระวาจาของพระเจ้า - การประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกนี้ คือสถานที่อันปลอดภัยในการรับฟังเสียงของพระจิตและพระ

โป๊ปฟรังซิส: พระศาสนจักรต้องเป็น "สะพาน" เพื่อสัตบุรุษ ไม่ใช่เป็น "สิ่งกีดขวาง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระศาสนจักรต้องไม่ทำตัวเป็น "สิ่งกีดขวาง" แต่ต้องเป็น "สะพาน" เพื่อประชากรของตน พระศาสนจักรต้องเป็นโรงพยาบาลภาคสนามที่พร้อมช่วยทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือ ทรงชี้ โลกยุคนี้เต็มไปด้วยแมนชั่นสูงๆ หรูๆ แต่ดูเหมือนความรักความอบอุ่นในครอบครัวไม่สูงตาม มีแต่ความโดดเดี่ยวอ้างว้างในจิตใจเพิ่มมากขึ้น ทรงสอน การแต่งงานไม่ใช่แค่การอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่มันคือการรักกันและกันตลอดไปด้วย ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาเปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน บทอ่านแรกของวันนี้จากหนังสือปฐมกาล พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์ (ชาย) อยู่อย่างโดดเดี่ยว พระองค์จึงสร้างมนุษย์ผู้หญิงขี้นมาคู่กัน ส่วนพระวรสารวันนี้ ฟาริสีพยายามจับผิดพระเยซูเกี่ยวกับคำสอนของโมเสสเรื่องการหย่าร้าง พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า - บทอ่านและพระวรสารในวันนี้ ดำเนินอยู่บน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ ความโดดเดี่ยว ความรักระหว่างชายและหญิง และครอบครัว - บทอ่านแรก ความโดดเดี่ยวอ้างว้างของมนุษย์ เฉพาะอย

โป๊ปฟรังซิสนำสวดทำวัตรเย็นก่อนเปิดประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงหวังเห็นการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ช่วยให้คาทอลิกค้นพบว่า พระศาสนจักรมีความเป็นแม่ที่ให้ชีวิตและหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยความอ่อนโยน มีความเป็นพ่อที่แสดงออกถึงการปกป้องครอบครัวและอบรมสั่งสอนลูกๆ ด้วยการเป็นตัวอย่างให้พวกเขาเห็น ทรงสอน พระศาสนจักรต้องเป็นบ้านของลูกๆ ที่ทุกคนมองคนอื่นเป็นพี่น้องของตนเสมอ ช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็น เพื่อเตรียมจิตใจก่อนการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว พิธีนี้จัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 60,000 คน สำหรับบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกครั้งนี้ จะแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ของการแต่งงานและมีครอบครัวว่า มันล้ำค่าและได้รับการเติมเต็มเพียงใด หวังว่า ทุกคนจะรับรู้ เคารพ และประกาศความงดงามนี้ว่าเป็นสิ่งดีและศักดิ์สิทธิ์ - ขอให้การประชุมสมัชชาพระสังฆราชนี้ ได้โอบกอดสถานการณ์ของผู้ด้อยโอกาสและผู้ประสบความยากลำบาก อาทิ ภัยสงคราม ความเจ็บป่วย ความท

ข่าวร้อนที่กลบกระแสการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก เรื่องครอบครัว

Image
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ที่กลายเป็น "ข่าวร้อน" จนทั่วโลกให้ความสนใจเกี่ยวกับพระสันตะปาปาและวาติกันอีกครั้ง ข่าวที่ว่า มี 3 เหตุการณ์ แต่มีความเกี่ยวข้องกันโดยบังเอิญ เพราะทั้งหมดถูกผูกด้วยเรื่อง "ความรักที่มีต่อเพศเดียวกัน" ข่าวแรก เกิดระหว่างพระสันตะปาปาเยือนสหรัฐอเมริกา เมื่อพระองค์ทรงพบกับ "คิม เดวิส" เจ้าหน้าที่เขตโรแวน รัฐเคนทั๊กกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยถูกจำคุกหลังจากไม่รับจดทะเบียนสมรสให้กลุ่มคนรักเพศเดียวกัน สาเหตุที่ เดวิส ปฏิเสธที่จะจดทะเบียนสมรสให้คนรักเพศเดียวกัน เพราะเธอยึดมั่นในหลักคริสตศาสนา (คิม เดวิส ไม่ได้เป็นคาทอลิก) การพบกันครั้งนี้ ผู้ประสานงานได้แก่สถานทูตวาติกันประจำสหรัฐอเมริกา (พระสันตะปาปาไม่ได้เชิญเธอมาพบ แต่สถานทูตเป็นผู้ดำเนินการ) เดวิส เผยว่า ตนเองวางตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อรู้ว่าจะได้พบกับพระสันตะปาปา ตนยังคุยกับมองซินญอร์ที่ทำงานในสถานทูตวาติกันว่า "ต้องแต่งตัวอย่างไร และต้องวางตัวอย่างไร" แต่เมื่อได้พบกับพระสันตะปาปาแล้ว พระองค์ตรัสกับเธอว่า "ขอให้เข้มแข็งเข้าไว้" พร้อมมอบ "สายประคำ" เป