Posts

Showing posts from April, 2015

โป๊ปฟรังซิส: "เราควรเน้นคุณภาพของสงฆ์คาทอลิก มากกว่าปริมาณ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ การมีสงฆ์คาทอลิกจำนวนน้อยแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ เป็นการดีเสียกว่ามีสงฆ์คาทอลิกมากๆ แต่ไม่มีคุณภาพ ทรงเน้น เวลาเลือกคนสมัครบวช อย่าเลือกแต่ความฉลาด แต่จงเลือกว่าเขาสัมผัสพระคริสตเจ้าจริงหรือไม่ ทรงย้ำ คาทอลิกต้องอย่ากลัวการมีส่วนเรื่องทางการเมือง แม้การเมืองจะมีแต่การคดโกงก็ตาม ทรงแนะ คาทอลิกไม่จำเป็นต้องจัดตั้งพรรคการเมืองของตนเอง ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับกลุ่มชีวิตคริสตชนและองค์กรนักศึกษาธรรมทูตอิตาเลี่ยนที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน ความพิเศษของการมาเข้าเฝ้าครั้งนี้คือพระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนกับพวกเขาแบบสดๆ โดยให้พวกเขาถามคำถาม 4 คำถาม และพระองค์ทรงตอบจากใจ ส่วนพระดำรัสที่เตรียมมากล่าวนั้น พระสันตะปาปาทรงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำไปถ่ายเอกสารและมอบให้ผู้เข้าเฝ้าทุกคนไปรำพึงกันเองเป็นการส่วนตัว คำถามแรก สตรีคนหนึ่งเล่าให้พระสันตะปาปาฟังว่า เธอเป็นผู้ดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำ และอยากทราบว่า ผู้ต้องขังจะนำประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยแปรเปลี่ยนให้เป็นความหวังในการดำเนินชีวิตกับตัวเองได้อย่างไร พระส

โป๊ปฟรังซิส: "ขอให้คูร์ซิลโล่ออกจากมุมสุขสบายในชีวิตและไปช่วยคนชายขอบในสังคม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องกลุ่มคูร์ซิลโล่ ก้าวออกจากมุมสุขอุราของตนและออกไปช่วยเหลือคนชายขอบของสังคม ทรงกระตุ้นสมาชิกคูร์ซิลโล่ให้รักษาตราประทับแห่งการเป็นสมาชิกไว้ และจงช่วยคนยุคนี้ให้พบกับความงดงามแห่งความเชื่อและชีวิตแห่งพระหรรษทาน แต่ทั้งนี้ เราต้องช่วยเหลือและนำทางพวกเขาด้วยความสุภาพถ่อมตน ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกกลุ่มคูร์ซิลโล่ กว่า 7,000 คนที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยกลุ่มดังกล่าวมาประชุมกันที่กรุงโรม โอกาสครบ 50 ปีแห่งการก่อตั้งกลุ่มคูร์ซิลโล่ในประเทศอิตาลี (แรกเริ่ม คูร์ซิลโล่ได้รับการก่อตั้งโดยกลุ่มฆราวาสที่เมืองมายอร์ก้า ประเทศสเปน ในค.ศ.1944) สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับกลุ่มคูร์ซิลโล่ พระองค์ทรงกล่าวว่า "พวกท่านกลุ่มคูร์ซิลโล่ได้รับกระแสเรียกในการสร้างพระพรอันหลากหลายที่พระเจ้าทรงมอบความวางใจไว้ในตัวท่าน ดังที่ผู้ก่อตั้งกลุ่มได้เป็นธรรมทูตที่ร้อนรนและไม่ลังเลที่จะเริ่มดำเนินการเข้าหาเพื่อนพี่น้อง เพื่อช่วยพวกเขาบนหนทางแห่งความเชื่อ "พ่ออยากขอร้องพวกท่านได้เดินตา

โป๊ปฟรังซิส: "อัตลักษณ์คริสตชนคือการรับใช้ - เราไม่ได้เป็นคริสตชนเพื่อให้ดูภาพลักษณ์ดี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน อัตลักษณ์การเป็นคริสตชนคือการรับใช้ แม้ธรรมชาติมนุษย์จะเห็นแก่ตัว แต่เราต้องพยายามหนีจากบาปนี้ให้ได้ ทรงย้ำ การเป็นคริสตชนไม่ได้เป็นเพื่อให้ภาพลักษณ์เราดูดี และไม่ใช่การ "เสริมสวย" จิตวิญญาณเราให้ดูงดงาม ทรงชี้ ในประวัติศาสตร์แห่งความรอด มีคนบาปมากมายที่กลับใจ ดังนั้น เราต้องวอนขอการอภัยโทษจากพระเจ้าตลอดเวลา ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ตามคำบอกเล่าของนักบุญจอห์น เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูตรัสว่า "ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็นใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป ... ใครรับผู้ที่เราส่งไป เขาก็รับเรา ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา" พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "เวลานักบุญเปโตร นักบุญเปาโล หรือจะเป็นอัครสาวกคนอื่นๆ ประกาศพระวรสาร พวกเขาไม่ได้ประกาศเรื่องราวของพระเยซูโดยไม่มีประวัติศาสตร์ แต่พวกเขาประกาศพระเยซูในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าทรงนำประชากรของพระองค์ผ่านมาหลายศตวรรษ เพื่อจะ

โป๊ปฟรังซิส: "ความไม่เสมอภาคระหว่างชายและหญิงจัดเป็นเรื่องอัปยศอย่างแท้จริง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเรียกร้องเรื่องความเสมอภาคระหว่างชายและหญิงในหน้าที่การงาน เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงินค่าจ้าง พร้อมย้ำ ความไม่เสมอภาคระหว่างชายและหญิงจัดเป็นเรื่องอัปยศอย่างแท้จริง ทรงวิตกต่อวิกฤติครอบครัว เพราะทุกวันนี้ หลายประเทศมีอัตราการแต่งงานลดลงเรื่อยๆ การมีลูกก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการหย่าร้างกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุด จนทำให้หลายคนมองการแต่งงานเป็นแค่สิ่งไม่ยั่งยืน และไม่สนใจจจะผูกมัดกับใคร ช่วงสายวันพุธที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนเกี่ยวกับความเสมอภาคระหว่างชายและหญิงเป็นหลัก พระสันตะปาปา ตรัสว่า "เมล็ดพันธุ์แห่งความเสมอภาคตามแบบฉบับคริสตชนระหว่างชายและหญิงต้องนำมาซึ่งผลงานใหม่ๆ ในยุคของเรา ด้วยเหตุนี้ ในฐานะของคริสตชน พวกเราต้องเรียกร้องเรื่องนี้ให้มากขึ้น อาทิ การสนับสนุนเรื่องสิทธิแห่งความเสมอภาคในหน้าที่การงาน เพราะความไม่เสมอภาคในเรื่องนี้ถือเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเงินค่าแรงของการทำงาน

โป๊ปฟรังซิส: "เราเรียนประวัติศาสตร์ความรอดและเทวศาสตร์ได้ แต่ถ้าไม่มีพระจิต เราจะไม่มีวันเข้าใจความจริง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เราสามารถศึกษาประวัติศาสตร์แห่งความรอด ศึกษาเทวศาสตร์ทุกแขนง แต่เราจะไม่มีวันเข้าใจสัจธรรมความจริง ถ้าเราปราศจากพระจิต ทรงกระตุ้นคริสตชนให้สวดภาวนา เพราะการภาวนาคือการทำให้เราได้ยินเสียงของพระเจ้า ทรงย้ำ อย่าทำอะไรแบบเดิมๆ ทำแบบง่ายๆ ขอไปที เพราะการทำแบบนี้จะทำให้ชีวิตคริสตชนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำเก่าๆ ที่ไม่มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเลย ช่วงเช้าวันอังคารที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่บรรดาศิษย์ประกาศพระวาจาจนมีคนต่างศาสนาจำนวนมากกลับใจมาเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู เมื่อบรรดาสาวกได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็ได้ส่ง "บาร์นาบัส" ไปยังเมืองอันทิโอ๊ก และเขาก็ดีใจอย่างมากที่เห็นคนจำนวนมากมาเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "คนต่างศาสนาไม่เข้าใจว่าพระเจ้าคือพระเจ้าของสิ่งใหม่ ดังที่พระองค์ตรัสว่า 'เราจะทำทุกสิ่งขึ้นใหม่' พระเจ้าตรัสกับเราแบบนี้ พระองค์ทรงบอกเราว่าพระจิตเสด็จมาเพื่อการนี้ เพื่อฟื้นฟูทุกส

โป๊ปฟรังซิส: "บทเทศน์ของพระสงฆ์ต้องไม่น่าเบื่อ อย่าถวายมิสซาแบบเร่งๆ อย่าทำตัวเป็นผู้จัดการ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงบวชพระสงฆ์ใหม่ พร้อมย้ำ บทเทศน์ของพระสงฆ์ต้องไม่น่าเบื่อ แต่ต้องเข้าไปสัมผัสจิตใจสัตบุรุษ เพราะสัตบุรุษมาร่วมมิสซาด้วยใจ ทรงสอน พระสงฆ์อย่าถวายมิสซาแบบรีบเร่ง ทรงเตือน พระสงฆ์ที่เลวร้ายคือคนที่ทำอะไรเพื่อสนองความพอใจของตนแต่ผู้เดียว สงฆ์แบบนี้เหมือน "นกยูง" ทรงกระตุ้น พระสงฆ์ต้องก้าวออกจากมุมสุขสบาย และออกไปตามหาลูกแกะที่หลงไปให้กลับมา ทรงชี้ พระสงฆ์อย่าทำตัวเป็นผู้จัดการ แต่จงเป็นผู้รับใช้เหมือนที่พระเยซูทรงมารับใช้เราทุกคน ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาและบวชพระสงฆ์ใหม่ 19 คน ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยพระสงฆ์ใหม่ 19 คน เป็นชาวอิตาเลี่ยน 9 คน, มาดากัสการ์ 2 คน, เปรู 2 คน, อินเดีย 2 คน ที่เหลือเป็นชาติละ 1 คนจาก เกาหลีใต้, โคลอมเบีย, ชิลี และโครเอเชีย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงสอนบรรดาพระสงฆ์ใหม่ว่า "ผู้สมัครบวชทุกคนได้ไตร่ตรองถึงกระแสเรียกของตัวเองแล้ว และบัดนี้ พวกเขากำลังจะรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ เรื่องนี้ พระสังฆราชอยู่ในความเสี่ยง! พระสังฆราชกำลังเดิมพันอยู่และเลือก

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องจดจำวันที่ได้พบกับพระเยซู"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนต้องจดจำวันที่้เราได้พบกับพระเยซู การจดจำนี้ดูได้จากวันที่เราต้องการเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น เพราะนั่นคือวันที่พระเจ้าทรงมาอยู่ใกล้เรา พร้อมกันนี้ ทรงเชิญชวนทุกคนอ่านพระวรสารและดูตอนที่พระเยซูไปพบกับประชาชน เพื่อไตร่ตรองว่า เหตุการณ์บางอย่างในพระวรสารคล้ายกับชีวิตเราหรือเปล่า เพราะเราแต่ละคนจะได้พบกับพระเจ้าในวิถีทางที่แตกต่างกันไป ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่ "เซาโล" เดินทางไปเมืองดามัสกัส เพื่อเบียดเบียนคริสตชน แต่เขาตกจากหลังม้า และพบกับพระเยซูที่ประจักษ์มาพบเขา พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "เห็นได้ชัดว่า นี่คือครั้งแรกที่เซาโลได้พบกับพระเยซู การพบกับพระเยซูเป็นครั้งแรกได้แปรเปลี่ยนชีวิตของหลายคน ไม่ว่าจะเป็น จอห์นและแอนดรูว์ หรือจะเป็น ซีมอน(เปโตร) ผู้ที่ต่อมากลายเป็นศิลาของพระศาสนจักร นอกจากนี้ ยังมีชาวสะมาเรีย หรือจะเป็นคนโรคเรื้อนที่กลับมาขอบคุณพระเยซูที่ทรงรักษาเขาให้หาย เช่นเดียวกัน ย

โป๊ปฟรังซิส: "ชายและหญิงคือเนื้อเดียวกันและต้องพึ่งพากัน ไม่ใช่ผู้ชายเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ การที่พระเจ้าสร้างผู้หญิงด้วยการซี่โครงของผู้ชาย ไม่ได้หมายความว่า ผู้หญิงเป็นหุ่นจำลองของผู้ชาย ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงอ่อนด้อยกว่าผู้ชาย และก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ชายต้องเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ส่วนผู้หญิงต้องเป็นผู้รับใช้ เพราะในความเป็นจริง ชายและหญิงคือเนื้อเดียวกันและต้องพึ่งพากัน ทรงชี้ ชายและหญิงต้องปกป้องคำมั่นสัญญาของกันไว้ อย่าให้ใครมาทำร้ายสถาบันครอบครัว เพราะผลร้ายจะตกอยู่กับลูกของเรา ช่วงสายวันพุธที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะและเทศน์สอนสัตบุรุษกว่า 50,000 คน ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน วันนี้ พระสันตะปาปายังคงเทศน์สอนภายใต้หัวข้อ "ครอบครัว" โดยคราวนี้ทรงเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิง พระสันตะปาปา ตรัสว่า "อาดัม มนุษย์คนแรกได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว และพระเจ้าทรงตัดสินใจที่จะทำให้เขามีผู้ช่วยที่เหมาะกับตัวเขา เมื่อมนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นให้กับผู้ชาย เขา(อาดัม)ตระหนักได้ทันทีว่า กระดูกของเธอ(เอวา)ก็คือกระดูกของตน และเลือดเนื้อของเธอก็เป็นเลือดเนื้อของ

โป๊ปฟรังซิส: "ทุกวันนี้ พระศาสนจักรเต็มไปด้วยมรณสักขีที่ถูกฆ่าตายและมรณสักขีแบบเงียบๆ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ ทุกวันนี้พระศาสนจักรเต็มไปด้วยมรณสักขีมากมายที่ถูกฆ่าตายในนามของพระเจ้า อาทิ คริสตชนที่ถูกกลุ่มไอซิสฆ่าตัดศีรษะ ผู้อพยพคริสตชนที่ถูกโยนลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หรือจะเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเผาทั้งเป็นเพราะเป็นคริสตชน นอกจากนี้ ยังมี "มรณสักขีแบบเงียบๆ" ที่ถูกเบียดเบียนจากการถูกใส่ร้ายจาก "สภาซันเฮดรินรูปแบบใหม่" ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ครอบครองความจริงแต่เพียงผู้เดียว ช่วงเช้าวันอังคารที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่ "นักบุญสตีเฟ่น" มรณสักขีองค์แรกของพระศาสนจักร ถูกประชาชนนำหินทุ่มจนเสียชีวิต พระสันตะปาปาทรงเทศน์ให้ข้อคิดว่า "มรณสักขีไม่ต้องการขนมปังอื่นใด เพราะปังของพวกเขามีหนึ่งเดียวคือพระเยซู และสตีเฟ่นไม่มีความต้องการที่จะต่อรองหรือแสวงหาการโอนอ่อนให้กับคนที่นำเขาไปสู่ความตาย "ผู้ที่เบียดเบียนเข่นฆ่าสตีเฟ่น ปิดหูตัวเอง(ต่อความจริงที่สตีเฟ่นกล่าวตำหนิพวกเขา) และกรูกันเข้าไปจะฆ่าเขา สิ่งนี้ก็เหมือนกับพระเย

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าติดตามพระเยซูเพราะมุ่งหวังอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ อย่าติดกับดักจิตตารมณ์ทางโลกที่ล่อลวงเราให้ติดตามพระเยซู เพียงเพราะผลประโยชน์ส่วนตน และอย่าติดตามพระเยซูเพราะมุ่งหวังอำนาจใหญ่โต แต่เราต้องติดตามพระเยซูด้วยการเชื่อและวางใจในพระองค์ รวมถึงเชื่อและวางใจในคนที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเรา ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนี้ ประชาชนพยายามแสวงหาพระเยซู หลังจากได้กินขนมปังและปลาที่พระองค์ทรงทำอัศจรรรย์จนอิ่มแล้ว แสวงหาพระเยซูเพราะต้องการให้พระองค์เลี้ยงดูพวกเขาให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ได้ตามหาพระองค์เพราะความรู้สึกอยากนมัสการพระองค์เลย พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "เมื่อเราแสวงหาผลประโยชน์ทางความเชื่อ เราก็ถูกประจญล่อลวงด้วยอำนาจแล้ว พวกเรากำลังเสี่ยงที่จะพลาดพลั้งที่จะเข้าใจในพันธกิจที่แท้จริงของพระเจ้า "วันนี้ พวกเราได้เห็นทัศนคติแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในพระวรสาร ประชาชนติดตามพระเยซูเพียงเพราะผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น แม้แต่บรรดาอัครสาวก เช่นบุตรของเศเบดี (หมายถึง ยาค็อบ และ จอห์น) ที่ต้องการตำแหน่งนายกรัฐมน

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าเราเลือกอยู่ในความสุขอุรา ยะโส และเห็นแก่ตัว เราจะไร้ความสามารถในการประกาศพระวรสาร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ถ้าคริสตชนเลือกดำเนินชีวิตอยู่แต่ความสุขอุรา ความหยิ่งยะโส และความเห็นแก่ตัว เราจะกลายเป็นคนหูหนวกและตาบอดที่ไร้ความสามารถในการประกาศพระนามของพระเยซูทันที ทรงย้ำ การเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูหมายถึงการดำเนินชีวิตคริสตชนด้วยความน่าเชื่อถือ ทำให้เพื่อนพี่น้องได้เห็น จดจำ และสัมผัสได้ถึงพระเยซูผู้เสด็จกลับคืนชีพ พร้อมกันนี้ ทรงขอร้องนานาชาติร่วมกันแก้ปัญหาผู้อพยพที่ประสบเหตุเรืออับปางกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงนำสวดราชินีแห่งสวรรค์ ท่ามกลางสัตบุรษกว่า 40,000 คน ที่มาร่วมภาวนา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยพระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงปรากฏพระองค์แก่บรรดาอัครสาวก และรับประทานปลาย่างกับพวกเขาด้วย พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันว่า "พ่ออยากขอร้องคริสตชนทุกคนให้ดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซู และทำการเป็นประจักษ์พยานนี้ให้เพื่อนพี่น้องได้เห็น จดจำ และสัมผัสได้ถึงการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซู "เนื้อหาของการเป

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาโกรธเกลียดและคิดชั่ว จงอยู่นิ่งๆ ให้เวลาเป็นเครื่องรักษาใจเรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน เวลาที่เราโกรธ เกลียด และคิดชั่วๆ จงตั้งสติแก้ปัญหาด้วยการให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยารักษาตัวเราเอง เพราะการเลือกยื้อเวลาไว้ ไม่ลุกขึ้นสบประมาทและหาเรื่องคนอื่น เป็นทางแก้ที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์ทุกคน ถ้าหากเราลุกขึ้นหาเรื่องและกล่าววาจาหยาบคาย นอกจากเราจะไม่เป็นธรรมแล้ว ยังเป็นผลร้ายแก่เราด้วย ทรงชี้ ถ้าถูกสบประมาท แล้วเราเลือกจะปิดปาก ไม่ตอบโต้ เราก็ดำเนินชีวิตตามพระเยซูแล้ว ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่บรรดาอัครสาวกถูกเรียกตัวไปที่สภาซันเฮดริน และถูกกล่าวหาเรื่องการประกาศพระวรสารอันเป็นสิ่งที่บรรดาฟาริสีและธรรมาจารย์ทั้งหลายไม่ต้องการจะได้ยิน พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "จากบทอ่านวันนี้ เราเห็นกันว่า หนึ่งในฟาริสีที่ชื่อ กามาลิเอล ได้แนะนำแบบตรงไปตรงมาว่า ควรให้อัครสาวกเทศน์สอนต่อไป เพราะถ้าคำสอนของบรรดาอัครสาวกมาจากแผนการและกิจการของมนุษย์ ทุกสิ่งก็จะสลายไปเอง แต่ถ้าสิ่งที่อัครสาวกเทศน์สอนมาจากพระเจ้า ไม่ว่าใ

โป๊ปฟรังซิส: "ผู้ประกาศพระวรสารต้องเสวนาพูดจากับคนอื่น อย่าปิดตัวเอง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอคำภาวนาให้บรรดาผู้ประกาศพระวาจาพระเจ้า อย่าเป็นคนปิดตัวเอง ไม่ฟังเสียงพระเจ้า ไม่รู้จักเสวนาพูดจากับคนอื่น เพราะคนพวกนี้มักจะอิจฉาริษยา โกรธเกรี้ยว และชอบสั่งให้คนอื่นๆ ที่ประกาศพระวาจาของพระเจ้าอยู่เงียบๆ ไม่ต้องประกาศเรื่องใดๆ ทรงชี้ การที่พระสงฆ์นักบวชไม่เสวนาพูดจากับสัตบุรุษ ก็เหมือนการไม่เชื่อฟังพระเจ้า พร้อมกันนี้ ทรงเชิญทุกคนภาวนาเป็นพิเศษให้กับ "สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16" โอกาสวันคล้ายวันสมภพ 88 ชันษา ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่มหาสมณะกล่าวกับบรรดาอัครสาวก ไม่ให้ประกาศพระนามของพระเยซูอีกต่อไป แต่เปโตรและบรรดาอัครสาวกตอบกลับไปว่า พวกตนต้องฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์ และนั่นทำให้มหาสมณะโกรธจนหาทางจะฆ่าพวกอัครสาสวก พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "บทอ่านในวันนี้บอกเราเกี่ยวกับการนบนอบเชื่อฟัง บ่อยครั้ง การนบนอบเชื่อฟังนำหนทางที่เราไม่คาดคิดมาให้กับเรา มันมักจะนำหนทางอื่นๆ ที่เ

โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรต้องไม่มองข้ามบทบาทและสิทธิของสตรี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ พระศาสนจักรต้องไม่มองข้ามบทบาทและการมีสิทธิ์มีเสียงของบรรดาสตรี ทรงชี้ พระศาสนจักรยังมีงานอีกมากที่ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อช่วยให้สตรีได้รับการตระหนักถึงคุณค่าและบทบาทของพวกเธอ ทรงตั้งคำถาม การที่สังคมสูญเสียความเชื่อในพระเจ้า มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤติที่เราไม่ให้ความสำคัญกับสตรีหรือไม่ ช่วงสายวันพุธที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 50,000 คน ในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนเรื่องบทบาทของสตรีในพระศาสนจักร พร้อมย้ำว่า เสียงของบรรดาผู้หญิงในพระศาสนจักรต้องได้รับการรับฟัง บทบาทของพวกเธอต้องไม่ถูกมองข้าม และต้องให้ความสำคัญกับหน้าที่ของพวกเธอ พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พระคัมภีร์บอกเราว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ทั้งชายและหญิง พระเจ้าทรงสร้างตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ในแผนการของพระเจ้า ความแตกต่างทางเพศไม่ใช่การกดขี่ แต่ความแตกต่างทางเพศคือความเป็นหนึ่งเดียวกันและยังเป็นการให้กำเนิดบุตร ดังนั้น ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนี้จะนำความเป็นหนึ

โป๊ปฟรังซิส: "กลุ่มคริสตชนต้องความสามัคคี ยึดมั่นประโยชน์ส่วนรวม และอดทนต่อปัญหา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การจะดูว่ากลุ่มคริสตชนที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่จากพระจิต ให้ดูที่ความสามัคคีในกลุ่ม การยึดมั่นผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และเวลาเจอปัญหาร้ายๆ จะอดทนยืนหยัดต่อปัญหาที่พบ ทรงเตือน อย่าใช้พระศาสนจักรเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง อย่าเอาเงินที่โกงคนอื่นมาทำบุญเด็ดขาด ช่วงเช้าวันอังคารที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มคริสตชนดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง แต่ถือเป็นของส่วนรวม ทุกคนรักและสามัคคีกันอย่างมาก พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "นี่คือกลุ่มคริสตชนที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ในพระจิตผู้แสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกันและยืนหยัดในความทุกข์ยากด้วยความอดทน มีเพียงพระจิตเท่านั้นที่สามารถประทานความเป็นหนึ่งเดียวกันให้กับเรา เพราะพระจิตคือความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระบิดาและพระบุตร ความเป็นหนึ่งเดียวกันคือคุณลักษณะแรกของกลุ่มคริสตชนยุคแรกเริ่มที่กรุงเยรูซาเล็ม "คุณลักษณะ

โป๊ปฟรังซิส: "ต้องประกาศพระวรสารแบบตรงไปตรงมา อย่าทำแบบโฆษณาชวนเชื่อ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ เวลาประกาศพระวรสาร ต้องประกาศแบบตรงไปตรงมา เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ ไม่ใช่ประกาศพระวรสารแบบโฆษณาชวนเชื่อเพื่อหาสมาชิกเพิ่มขึ้น ทรงสอน พระจิตจะทำให้เราประกาศพระวรสารอย่างกล้าหาญ ทรงชี้ นักบุญเปโตรและนักบุญจอห์น เป็นแบบอย่างในการประกาศพระวรสารด้วยความกล้า สองท่านนี้ไม่ได้เรียนสูงๆ แถมถูกจับเข้าคุกตอนประกาศพระวรสาร ทั้งสองไม่เคยกลัว แถมกล้ามากกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อได้รับพระหรรษทานจากพระจิตในการประกาศพระวรสาร ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านวันนี้จากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่เปโตรและจอห์น เล่าเรื่องที่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสกล่าวกับตนให้อัครสาวกคนอื่นๆ ฟัง ก่อนที่บรรดาอัครสาวกจะพร้อมใจกันเปล่งเสียงทูลพระเจ้า โปรดประทานให้พวกเขากล้าพูดอย่างอิสระเสรีและพูดอย่างเปิดเผยทุกอย่าง เมื่อพวกเขาทูลเสร็จ สถานที่ที่พวกเขามารวมตัวกันก็สั่นสะเทือน พวกเขาได้รับพระจิตอย่างเต็มเปี่ยมและออกไปประกาศพระนามของพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านตอนนี้ว่า "เปโตรแ

โป๊ปฟรังซิสถวายมิสซารำลึก 100 ปี เหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มรณสักขีชาวอาร์เมเนียน

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงร่วมรำลึกการครบรอบ 100 ปี เหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์บรรดามรณสักขีชาวอาร์เมเนียน ทรงตั้งคำถาม ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มนุษยชาติดูมีความกระตือรือร้นที่จะหยุดยั้งการเข่นฆ่ากัน แต่ตอนนี้ ความกระตือรือร้นดังกล่าวมันหายไปไหนแล้ว ทรงแบ่งปัน บาดแผลของพระเยซูคือพระเมตตาที่สมบูรณ์แบบที่มอบให้เราทุกคน ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาระลึกถึง 100 ปีเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์บรรดามรณสักขีชาวอาร์เมเนียน พร้อมประกาศแต่งตั้ง "นักบุญเกรโกรี่แห่งนาเร็ค" นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของอาร์เมเนีย เป็น "นักปราชญ์ของพระศาสนจักร" มิสซานี้ จัดขึ้นในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางผู้แทนพระศาสนจักรต่างๆ ของอาร์เมเนียที่มาร่วมเป็นจำนวนมาก พิธีนี้ เริ่มต้นด้วยพระสันตะปาปาทรงกล่าวรำลึกเหตุการณ์ที่อาณาจักรอ็อตโตมันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คริสตชนอาร์เมเนียน เมื่อวันที่ 23-24 เมษายน ค.ศ.1915 หรือเมื่อ 100 ปีที่แล้ว โดยพระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า "ข้าพเจ้าขอร่วมรำลึกเหตุการณ์อันโหดร้ายที่เกิดจากสงครามการนองเลือด เราได้เห็นเป็นประจักษ์กับ

โป๊ปฟรังซิสประกาศสมณโองการปียูบิลีแห่งเมตตาธรรม - เปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ 8 ธ.ค. 2015

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประกาศสมณโองการ "พระพักตร์แห่งความเมตตา" เพื่อใช้ในปียูบิลีแห่งเมตตาธรรม ทรงแจ้งเรื่องการเปิดประตูศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิหารนักบุญเปโตร จะเปิดวันที่ 8 ธ.ค. 2015 ส่วนมหาวิหารเอกอีก 3 แห่งของกรุงโรม จะทำพิธีเปิดหลังจากวันที่ 8 ธันวาคมไปแล้ว พร้อมกันนี้ ทรงขอร้องให้ "ทุกสังฆมณฑล" เปิด "ประตูแห่งความเมตตาธรรม" (Door of Mercy) สำหรับการเฉลิมฉลองปีศักดิ์สิทธิ์นี้ภายในสังฆมณฑลของตนด้วย ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็นเตรียมจิตใจก่อนฉลองวันอาทิตย์พระเมตตา ภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน พร้อมกับประกาศสมณโองการ "ปียูบิลีแห่งเมตตาธรรม" ณ ประตูศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารนักบุญเปโตรด้วย โดยปีศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2015 - 20 พฤศจิกายน 2016 สมณโองการปียูบิลีแห่งเมตตาธรรม มีชื่อเรียกว่า "พระพักตร์แห่งความเมตตา" (Misericordiae Vultus) สมณโองการนี้มีความหนาทั้งหมด 28 หน้า พระสันตะปาปาทรงระบุในสมณโองการว่า "พระเยซูทรงเป็นพระพักตร์แห่

โป๊ปฟรังซิส: "นักบวชที่เป็นอาจารย์ต้องเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน นักบวชที่เป็นอาจารย์ให้การอบรมสั่งสอน ต้องถ่ายทอดความงดงามของชีวิตนักบวชและการเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้าให้กับผู้เข้ารับการอบรม ถ้าทำได้ตามนี้ วิกฤติกระแสเรียกจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ทรงให้กำลังใจ เวลาจัดอบรมแล้วผลลัพธ์ล้มเหลว อย่าเสียกำลังใจ เพราะความล้มเหลวจะช่วยเราให้เติบโตขึ้นแน่นอน ช่วงสายวันเสาร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดานักบวชชายหญิงกว่า 1,300 คน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้การอบรม ซึ่งมาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยพวกเขาทั้งหมดมาประชุมกันที่กรุงโรม ภายใต้หัวข้อ "ดำเนินชีวิตอยู่ในพระคริสตเจ้าตามหนทางแห่งชีวิตของพระวรสาร" การประชุมดังกล่าว จัดโดยสมณกระทรวงเพื่อนักบวช โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้ข้อคิดกับพวกเขาว่า "พ่อมั่นใจว่า มันจะไม่มีวิกฤติกระแสเรียกในพื้นที่ซึ่งบรรดานักบวชสามารถถ่ายทอดความงดงามของชีวิตนักบวชผ่านทางการเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้า พี่น้องนักบวชซึ่งเป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอน พวกท่านได้รับกระแสเรียกให้ทำสิ่งนี้(ถ่ายทอดความงดงามของชีวิตนักบวช) นี่คืองานอภิบาลของพ

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าโยนความผิดต่างๆ ให้เป็นของเด็ก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ อย่าโยนความผิดต่างๆ ให้เป็นของเด็ก ความหิวโหยที่เกิดกับเด็กหรือความยากจนที่เด็กๆ ต้องประสบ ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา ทรงตั้งคำถาม จะมีประโยชน์อันใดที่เราฉลองการประกาศเรื่องสิทธิของเด็ก แต่เรายังลงโทษเด็ก ทั้งที่เป็นความผิดของผู้ใหญ่ ภาพ: AP, Getty Images ช่วงสายวันพุธที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาเทศน์สอนสัตบุรุษกว่า 45,000 คน ในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ครั้งนี้ พระสันตะปาปากลับมาเทศน์สอนเรื่องครอบครัวอีกครั้ง เพื่อเตรียมจิตใจก่อนการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกเรื่องครอบครัว ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ที่วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเน้นหนักไปที่หัวข้อหน้าที่ของผู้ปกครองของพระศาสนจักรและสังคมที่มีต่อลูกๆ ของตน พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ลูกคือสิ่งที่งดงามที่สุดของพระพรที่พระผู้สร้างทรงมอบให้ชายและหญิง พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่ล้วนมีความรับผิดชอบต่อลูกหลาน เราแต่ละคนมีพันธะหน้าที่ที่จะต้องทำทุกทางที่ทำได้ เพื่อยืนยันว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของเด็กทุกคนจะได้รับการตอบสนอง รวมไปถึงสิทธิขั้นพื้นฐ

โป๊ปฟรังซิส: "การกลับคืนชีพของพระเยซูช่วยเราให้ร่วมสุขและทุกข์ไปกับทุกคน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน การเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูจะแปรเปลี่ยนเราให้ร่วมแบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อนพี่น้อง เราจะสามารถยิ้มไปกับผู้ที่มีความสุข ร่วมร้องไห้กับผู้ที่เป็นทุกข์ และเดินร่วมทางไปกับผู้ที่ซึมเศร้า ทรงย้ำ เราต้องอย่าเหนื่อยกับการพูดซ้ำๆ ว่า "พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว" ทรงร้องขอนานาชาติ อย่านิ่งเงียบเมื่อเห็นคริสตชนถูกฆ่าตัดศีรษะ แต่จงช่วยกันปกป้องพี่น้องเหล่านี้ด้วย ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงนำสวดราชินีแห่งสวรรค์ โอกาสวันจันทร์แรกของเทศกาลปาสกา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนาอย่างคับคั่ง โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับทุกคนว่า "ทุกคน พูดกับพ่อนะว่า 'พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว!' (สัตบุรุษเปล่งเสียงพร้อมกัน) ในพระคริสตเจ้า อาศัยศีลล้างบาป พวกเราได้กลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง พวกเราได้ผ่านความตายไปสู่ชีวิต ผ่านจากความเป็นทาสของบาปไปสู่เสรีภาพแห่งความรัก "นี่คือข่าวดีที่พวกเราได้ถูกเรียกมาเพื่อแจ้งให้กับทุกคนได้รับรู้ เราไปประกาศให้ทุกคนรู้ด้วยการนำของพระจิตเจ้า

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนอย่าทำตัวหยิ่งยโส แต่จงถ่อมตัวลงรับใช้ผู้อื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน โลกสอนเราให้ทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะกัน แต่สำหรับคริสตชน พระเจ้าสอนเราว่าอย่าหยิ่งยโส แต่จงดำเนินชีวิตถ่อมตนลงและรับใช้คนอื่น การถ่อมตนรับใช้ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่นี่คือความเข้มแข็งที่แท้จริงของคริสตชน พร้อมกันนี้ ทรงกล่าวเรียกร้องสันติภาพในทุกภาคส่วนของโลก เฉพาะอย่างยิ่ง อิรัก, ซีเรีย และเคนยา ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาสมโภชปาสกา ท่ามกลางสัตบุรุษกว่า 120,000 คนที่มาร่วมพิธีท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน มิสซานี้ พระสันตะปาปาไม่ได้เทศน์สอน แต่ทรงให้ทุกคนรำพึงเงียบๆ หลังจากมิสซาจบลง พระสันตะปาปาได้ประทับรถโป๊ปโมบิลมาทักทายสัตบุรุษทุกคน จากนั้น พระองค์ทรงประทานพรแด่โรมและโลก (Urbi et Orbi) จากระเบียงของมหาวิหาร สำหรับพระดำรัสในการประทานพรแด่โรมและโลก พระสันตะปาปาตรัสว่า "วันนี้ ความรักเอาชนะความเกลียดชัง ชีวิตเอาชนะความตาย และความสว่างขจัดความมืดให้หมดสิ้นไป ในหนทางนี้ พระเยซูทรงแสดงให้เราเห็นถึงหนทางสู่ชีวิตและความสุข หนทางนี้คือความสุภาพถ่อมตนซึ่งเกี่ยวข้องกับการท