Posts

Showing posts from October, 2014

โป๊ปฟรังซิส: “ความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคริสตชนไม่ใช่ทุกคนต้องคิดและทำเหมือนกัน”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ความเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มคริสตชน ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนต้องคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เราก็สูญเสียอัตลักษณ์ของตนเอง แต่ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชนคือการตระหนักถึงพระพรอันหลากหลายที่พระเจ้ามอบให้เราแต่ละคน และนำพระพรนั้นไปรับใช้ทุกคนในพระศาสนจักร และประกาศร่วมกันว่า พระเยซูคือพระเจ้าของเรา ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับกลุ่มคาริสแมติกที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยสมาชิกกลุ่มแคริสแมติก ได้มาประชุมกันที่กรุงโรม ภายใต้หัวข้อ “การสรรเสริญและการนมัสการด้วยพระพร เพื่อการประกาศพระวรสารใหม่” โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกับพวกเขาหลายหัวข้อ โดยทรงเริ่มด้วย เรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันในความหลากหลาย พระสันตะปาปา ตรัสว่า “ความเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเป็นเหมือนกัน มันไม่จำเป็นที่จะต้องหมายถึงการทำทุกสิ่งด้วยกัน หรือคิดเหมือนกัน มันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เพราะมันคือการทำให้สูญเสียอัตลักษณ์ของตนเอง “ความเป็นหนึ่งเดียวกันในความหลากหลาย จริงๆแล้ว คื

โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนเสแสร้งจัดเป็นเรื่องเลวร้ายมากๆ”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คริสตชนเสแสร้งจัดเป็นสิ่งเลวร้ายมากๆ ทรงสอน อย่ายึดติดกับตัวธรรมบัญญัติมากไปเหมือนพวกฟาริสี จนหลงลืมความรักและความยุติธรรม ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูเสด็จไปเสวยอาหารที่บ้านฟาริสีในวันสับบาโต พร้อมรักษาคนป่วย ซึ่งการรักษาคนป่วยเป็นหนึ่งในสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต พร้อมกันนี้ พระเยซูทรงถามพวกฟาริสีว่า “ถ้าบุตรหรือโคของท่านตกลงไปในบ่อ ท่านจะไม่รีบช่วยขึ้นมาในวันสับบาโตหรือ” พระสันตะปาปา ทรงกล่าวแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “วิถีชีวิตแบบนี้ (แบบพวกฟาริสี) ที่ยึดติดกับกฎหมาย ทำให้พวกเขาถอยห่างจากความรักและความยุติธรรม พวกเขาเดินตามตัวบทกฎหมายและพวกเขาปฏิเสธความยุติธรรม พวกเขาเดินตามกฎหมายและพวกเขาปฏิเสธความรัก พวกเขาคือหุ่นจำลอง และสำหรับคนพวกนี้ พระเยซูทรงมีคำพูดเดียว(ที่จะอธิบายแก่พวกเขา) นั่นคือ พวกคนเสแสร้ง “ในทางกลับกัน พวกท่านเดินทางไปทั่วโลก แสวงหาคนที่จะมาเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู พวกท่านแสวงหาพวกเขา และจากนั้นล่

โป๊ปฟรังซิส: “ชีวิตคริสตชนคือการต่อสู้กับปีศาจ ผู้เป็นบิดาของการโกหก”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน ชีวิตคริสตชนคือการต่อสู้กับปีศาจซึ่งเป็นบิดาของการโกหก ทรงย้ำอีกครั้ง ปีศาจมีอยู่จริงๆ ดังนั้น อย่าขี้เกียจในการสู้กับปีศาจ อย่ายอมแพ้ในการต่อสู้นี้ เพียงเพราะถูกล่อลวงด้วยความต้องการส่วนตัวของเรา  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส ท่านสอนคริสตชนที่นั่นว่า จงยึดมั่นความเชื่อในพระเจ้า เพื่อจะได้ยืนหยัดต่อสู้กับปีศาจ จงใช้ความรอดเป็นเกราะป้องกัน และจงใช้ดาบของพระจิตซึ่งก็คือพระวาจาของพระเจ้าไว้ตลอดเวลา พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “ชีวิตคริสตชนต้องได้รับการปกป้องและมันเรียกร้องทั้งพละกำลังและความกล้าหาญ ชีวิตคริสตชนคือการต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับศัตรู 3 อย่างของชีวิตคริสตชน ซึ่งก็คือ ปีศาจ, โลก และความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง “นักบุญเปาโลบอกเราว่า จงใช้ชุดเกราะของพระเจ้าป้องกันตัว สิ่งนี้หมายความว่า พระเจ้าทรงปฏิบัติพระองค์เป็นเครื่องป้องกัน ทรงช่วยเราในการยืนหยัดต่อสู้กับการประจญล่อ

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนทุกนิกายควรทำงานร่วมกันเลย ไม่ต้องรอให้นักเทวศาสตร์บรรลุข้อตกลงหรอก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คริสตชนทุกนิกายไม่ควรรอให้นักเทวศาสตร์บรรลุข้อตกลงการปรองดอง แต่เราควรจะทำงานร่วมกันตั้งแต่ตอนนี้เลย เพื่อจะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่คริสตชนทุกนิกาย ทรงย้ำ คริสตชนตอนนี้กำลังทำบาปหนัก เพราะเราขัดขวางพระประสงค์ของพระเจ้าที่อยากให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่พวกเรายังคงแตกแยกกัน ช่วงบ่ายวันอังคารที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้นำกลุ่มอาร์ก (Ask Community) ซึ่งเป็นกลุ่มคริสตชนนิกายต่างๆ ที่มาเข้าเฝ้าในหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสนี้ พระสันตะปาปา ตรัสกับพวกเขาว่า "พวกเรากำลังทำบาปด้วยการขัดขวางพระประสงค์ของพระคริสตเจ้า เพราะเรายังคงเน้นแต่เรื่องความแตกต่าง แต่สิ่งสำคัญกว่าความแตกต่างคือศีลล้างบาปต่างหากล่ะ "แม้ปีศาจ ผู้เป็นบิดาของการโกหก ยังคงทำให้เราแตกแยกกัน พวกเราได้ถูกเรียกมาเพื่อประกาศพระวรสารในทุกภาคส่วนของโลก ประกาศด้วยความมั่นใจว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา พระศาสนจักรของเราแต่ละคนมีนักเทวศาสตร์ที่เก่งๆอยู่แล้ว แต่เราไม่ควรรอให้พวกเขาบรรลุข้อตกลงกันนะ เราควรเดินไปด้วยกัน ภาวนาร่วมกัน และทำงานร่

Column: "การสร้างโลก" ตกลงพระสันตะปาปาตรัสอะไรกันแน่??

Image
ช่วงนี้ ข่าวเรื่องสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ตรัสถึง "ทฤษฏีบิ๊กแบง" กลายเป็นประเด็นฮือฮาพอสมควร มีสำนักข่าวที่ไม่ใช่คาทอลิก หยิบพระดำรัสของพระสันตะปาปาไป "เล่นข่าว" กันอย่างสนุกสนาน พระดำรัสนี้ พระสันตะปาปาตรัสในวันที่ไปเปิดรูปปั้นของสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ซึ่งวาติกันรายงานเฉพาะแต่พระดำรัสที่พระสันตะปาปา ฟรังซิส ตรัสสดุดีพระสันตะปาปากิตติคุณ ไม่ได้รายงานพระดำรัสที่ตรัสถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่ว่า บรรดาสำนักข่าวคาทอลิกอื่นๆ อาทิ คาทอลิก นิวส์ เอเจนซี่, คาทอลิก นิวส์ เซอร์วิส และ วาติกัน อินไซเดอร์ ต่างรายงานพระดำรัสนี้  และแน่นอน สำนักข่าวอื่นๆ (ทางโลก) ก็ร่วมนำเสนอเช่นกัน ... เพียงแต่นำเสนอ "แค่บางประโยค" และมันก็ทำให้ความหมายอาจจะผิดเพี้ยน เหมือนตอนที่รายงานพระดำรัสของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เมื่อครั้งพระองค์ตรัสถึงศาสนาอิสลามนั่นเอง เรามาดูพระดำรัสแบบเต็มๆ ที่พระสันตะปาปา ฟรังซิส ตรัสกันเลยนะครับ เพื่อจะได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว พระสันตะปาปาพูดอย่างไรกันแน่ (ผมถอดความด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่นักแปลมืออาชีพ ภาษาไม่สลวยสวยเก๋นะครับ แต่จ

โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนขี้นินทาและใส่ร้ายคนอื่น เป็นคริสตชนตัวอย่างไม่ดี”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน คริสตชนที่นินทาและใส่ร้ายคนไปทั่ว เป็นคริสตชนตัวอย่างไม่ดี การทำแบบนี้ ทำให้หลายคนตัดใจไม่มาเป็นคริสตชนและเลือกไม่เชื่อพระเจ้า เพราะได้เห็นตัวอย่างแย่ๆ จากคริสตชนเหล่านี้นี่เอง ทรงย้ำ พระศาสนจักรไม่ใช่พระสันตะปาปา พระสังฆราช และพระสงฆ์ แต่พระศาสนจักรคือเราทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป  ช่วงสายวันพุธที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 60,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเน้นว่า พระศาสนจักรคือความจริงที่มองเห็นได้ จับต้องได้ และทุกคนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเจ้า พระสันตะปาปา ตรัสสอนว่า “เมื่อเราพูดถึงความเป็นจริงที่มองเห็นได้ของพระศาสนจักร เราพูดว่า มันมีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ สิ่งที่มองเห็นได้จริงๆ (กลุ่มคริสตชน, ชุมชนวัด และสังฆมณฑล) และอีกสิ่งก็คือชีวิตจิตหนึ่งเดียว เราต้องไม่คิดถึงแต่พระสันตะปาปา, พระสังฆราช, พระสงฆ์ และนักบวชชายหญิง ความเป็นจริงที่มองเห็นได้ของพระศาสนจักรเกิดจากผู้ได้รับศีลล้างบาปทุกคนจากทั่วโลก ซึ่งทั

โป๊ปฟรังซิส: “พ่อร่วมเป็นเสียงเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงยืนยัน ขอร่วมเป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ยากไร้ ผู้ว่างงาน ผู้อดอยาก และผู้ต้องลี้ภัยจากสงคราม ทรงชี้ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต้องเป็นมากกว่าความใจกว้างที่จับต้องไม่ได้ แต่มันต้องเป็นการกระทำที่ร่วมทุกข์ไปกับผู้ประสบความอยุติธรรมต่างหาก ช่วงบ่ายวันอังคารที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มป็อปปูล่าร์ (POPULAR MOVEMENTS) ที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน โอกาสที่พวกเขาจัดประชุมเกี่ยวกับปัญหาความยากจน, การว่างงาน, ความอดอยาก และคนที่ต้องอพยพลี้ภัยจากสงคราม โดยพวกเขามาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา เพราะทราบดีว่า พระองค์ทรงเน้นย้ำมากๆ ถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาเหล่านี้ ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา พระองค์กล่าวว่า “การประชุมของพวกท่านจัดเป็นสัญญาณที่สำคัญจริงๆ พวกท่านมาประชุมกันเพื่อยืนยันถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า มาเพื่อพูดถึงความจริงที่เกิดในโลก แต่บ่อยครั้งมันกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครพูดถึง คนยากจนไม่ได้ทนทุกข์จากความอยุติธรรมเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องต

โป๊ปฟรังซิส: “พระเยซูเลือกเราที่หัวใจ ไม่ใช่เลือกจากคนที่ทำบาปน้อยสุด”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระเยซูเลือกเราทุกคนที่ “หัวใจ” ไม่ใช่ดูว่า ใครทำบาปหนักสุดแล้วจะไม่เลือกคนนั้น ทรงสอน อย่าเป็นคริสตชนที่พูดว่า “ฉันเป็นคาทอลิก” แต่สักพักก็บอกว่าไม่เป็นคาทอลิกแล้ว เพราะคนแบบนี้คือคริสตชนที่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในพระศาสนจักร แต่เป็นพวกที่มาถึงพระศาสนจักรแล้วหยุดอยู่ตรง “ห้องรับแขก” แต่ไม่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ข้างในอย่างแท้จริง ช่วงเช้าวันอังคารที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสวันฉลองนักบุญซีมอนและนักบุญยูดาห์ อัครสาวก พระวรสารวันนี้จากนักบุญลูกา เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเลือกอัครสาวก 12 คน จากนั้น พระเยซูทรงรักษาทุกคนที่ป่วยและถูกปีศาจรบกวน (ลูกา 6:12-19) พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พระเยซูทรงภาวนา พระองค์ทรงเรียก พระองค์ทรงเลือก พระองค์ทรงส่งบรรดาสาวกออกไป และพระองค์ทรงรักษาผู้คน ในพระวิหารนี้ พระเยซูทรงเป็นศิลาเอกที่ทำพันธกิจทุกอย่าง กล่าวคือ เป็นพระองค์เองที่ทรงบริหารจัดการพระศาสนจักรเหมือนที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า  พระศาสนจักรถูกตั้งอยู่บ

“โป๊ปฟรังซิส” สดุดี “โป๊ปกิตติคุณเบเนดิกต์” เป็นพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสดุดี สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 เป็นพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้เปี่ยมด้วยความสามารถและความหลักแหลมแห่งสติปัญญาอย่างแท้จริง ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสันตะสำนัก เพื่อเป็นประธานในการเปิดรูปปั้นสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 พร้อมกับกล่าวให้โอวาทกับสมาชิกของสถาบันด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสนั้น พระองค์ทรงกล่าวสดุดีสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ว่าเป็นพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่และสร้างคุณงามความดีมากมายให้พระศาสนจักร “(พระสันตะปาปากิตติคุณ) เบเนดิกต์ ที่ 16 เป็นพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวคือ พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความสามารถและความเฉียบแหลมของสติปัญญา พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความสามารถของผลงานเทวศาสตร์อันยิ่งใหญ่เพื่อพระศาสนจักร ทรงความยิ่งใหญ่ในเรื่องความรักที่มีต่อพระศาสนจักรและมนุษย์ รวมถึงทรงความยิ่งใหญ่ต่อคุณงามความดีและความเคร่งครัดในศาสนา” พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน กล่าวสดุดี พระสันตะปาปากิตติคุณ

โป๊ปฟรังซิส: “อย่าเป็นคริสตชนพูดหยาบคาย และอย่าเป็นคริสตชนสีเทา”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่าเป็นคริสตชนพูดจาหยาบคาย พูดลามกอนาจาร พูดหลอกลวง และพูดไร้สาระ เพราะคำพูดเหล่านี้คือนิสัยของบุตรแห่งความมืด ส่วนบุตรแห่งความสว่างจะเลียนแบบพระเจ้าและเดินอยู่ในความรักและการให้อภัย ทรงย้ำ อย่าเป็น “คริสตชนสีเทา พวกครึ่งๆ กลางๆ” เพราะพวกนี้คือคริสตชนเฉื่อยชา เป็นคริสตชนแค่ชื่อ แต่ไม่ปฏิบัติตนให้เป็นคริสตชน ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส ท่านสอนชาวเมืองเอเฟซัสว่า อย่าพูดหยาบคาย อย่าพูดตลกลามก เพราะมนุษย์จะถูกจำแนกจากคำพูดของตน แต่จงขอบพระคุณพระเจ้า จงเป็นบุตรแห่งความสว่าง อย่าเป็นบุตรแห่งความมืด พระสันตะปาปาทรงกล่าวสอนว่า “ถ้าเราเป็นบุตรแห่งความมืด มันมีประเภทของคำพูดอยู่ 4 แบบที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงสิ่งนี้ นั่นคือ คำพูดของเราหลอกลวงหรือเปล่า จับโน่นผสมนี่เพื่อสร้างเรื่องให้เข้ากับคนอื่น (ถ้าเป็นเช่นนั้น) คำพูดเหล่านี้ก็ไร้สาระ ไร้แก่นสาร และไม่มีตัวตน นอกจากนี้ มันเป็นคำพูดหยาบคา

โป๊ปฟรังซิส: “เรามีความสามารถในการมองเห็นพระเจ้าในตัวเพื่อนมนุษย์บ้างไหม”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถาม  เรามีความสามารถพอไหมที่จะตระหนักถึงพระพักตร์ของพระเจ้าในตัวเพื่อนมนุษย์ เพราะการรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ ทรงย้ำ พระเยซูไม่ได้สั่งว่าบทบัญญัติแห่งความรัก รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ต้องเป็นพระบัญญัติข้อแรก แต่พระองค์ให้บัญญัติแห่งความรัก “เป็นศูนย์กลาง” ของทุกสิ่งในชีวิตคริสตชน ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนาเป็นจำนวนมา ก ในส่วนของการแบ่งปันพระวรสารวันอาทิตย์ ซึ่งฟาริสีพยายามทดสอบพระเยซูว่า บทบัญญัติใดเป็นเรื่องเยี่ยมที่สุดในธรรมบัญญัติ พระเยซูจึงตรัสตอบไปว่า “จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดสติปัญญา นอกจากนี้ จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พระวรสารวันนี้เตือนใจเราเกี่ยวกับบทบัญญัติทุกอย่างของพระเจ้า ซึ่งถูกสรุปไว้สั้นๆด้วยการรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ พวกท่านไม่สามารถรักพระเจ้า โดยที่ไม

โป๊ปฟรังซิส: “การแต่งงานแบบคาทอลิกคือการอยู่ด้วยกันจนตาย ไม่ใช่เลิกเมื่อไหร่ก็ได้”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ แนวคิดที่ว่าแต่งงานแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็เลิกกันก็ซิ เป็นความคิดที่ขัดกับวิถีการแต่งงานของคริสตชนแบบสุดๆ การแต่งงานตามแบบคาทอลิกคือการอยู่ด้วยกันแบบนิรันดร์ ไม่ใช่วัฒนธรรมทิ้งๆขว้างๆที่อยู่ไม่ได้ ก็เลิกกันไป ทรงชี้ ปฏิรูปจิตใจตนเองให้ศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุด ดีกว่าจะไปปฏิรูปโรมันคูเรียและธนาคารวาติกันด้วยซ้ำ ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับ กลุ่มเชินชตัดต์ ( Schöenstatt – อ่านว่า เชิน-ชะ-ตัดต์ ) กว่า 7,000 คนที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน เชินชตัดต์เป็นกลุ่มคาทอลิกจากเยอรมนี ซึ่งมีความศรัทธาอย่างร้อนรนต่อแม่พระ ทั้งนี้ เชินชตัดต์ ก่อตั้งในค.ศ. 1914 และปีนี้ ครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้ง โดยชื่อของกลุ่มนี้ มีความหมายว่า “สถานที่สวยงาม” สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับสมาชิกกลุ่มเชินชตัดต์ พระองค์ทรงให้พวกเขาถามคำถาม แล้วพระองค์ทรงตอบแบบสดๆ จากใจ คำถามแรก มีว่า “พระสันตะปาปามีคำแนะนำอะไรบ้างไหมที่จะมอบให้กับผู้ที่รู้สึกว่า พระศาสนจักรไม่ต้อนรับตัวเขาเอง” พระสันตะปาปา ตร

โป๊ปฟรังซิส: “เราทุกคนถูกเรียกมาเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เราทุกคนถูกเรียกมาเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร เราอาจมีที่มาแตกต่างหลากหลายกันไป แต่พระศาสนจักรคือความหลากหลายที่ผสานกันจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงถาม เวลาสร้างบ้าน เรายังให้สถาปนิกออกแบบบ้านให้สุดยอด แล้วแบบบ้านแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร เราออกแบบไว้หรือยัง ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำพิธีนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส นักบุญเปาโลสอนว่า จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงเป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก มีพระเจ้าหนึ่งเดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว และศีลล้างบาปหนึ่งเดียว และจงรักษาเอกภาพของพระจิตด้วยสายสัมพันธ์แห่งสันติ พระสันตะปาปา ทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า “ เมื่อนักบุญเปโตรกล่าวถึงพระศาสนจักร ท่านพูดถึงพระวิหารที่สร้างจากศิลาทรงชีวิต ซึ่งก็คือเรานี่เอง พ่ออยากเตือนสติคนที่คิดจะสร้างพระวิหารด้วยความหยิ่งยะโส ซึ่งก็คือหอบาเบล พระวิหารแรก(สร้างจากศิลาทรงชีวิต) จะนำความเป็นหนึ่งกันมาให้เรา ส่วนพระวิหารที่สอง (สร้างจากความหยิ

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าไร้พระจิต เราไม่สามารถเติมเต็มบทบัญญัติแห่งความรักของพระได้เลย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ เราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้า เพื่อเติมเต็มบทบัญญัติแห่งความรักที่พระเจ้าให้ไว้ ถ้าเราปราศจากพละกำลังจากพระจิตที่จะเติมเต็มตัวเรา ทรงสอน เราจะเข้าใจความรักของพระเจ้าได้ ถ้าเราเทิดทูนสรรเสริญพระเจ้า เหมือนอย่างที่นักบุญเปาโลแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำพิธีนี้จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส นักบุญเปาโลแบ่งปันว่า เมื่อท่านได้สัมผัสกับพระเยซู ท่านสละทุกสิ่งไว้ข้างหลังทันที เพราะท่านได้พบกับความรักในพระคริสตเจ้านั่นเอง พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "วันนี้ เราได้เห็นการเทิดทูนพระเจ้าของนักบุญเปาโล อันดับแรก ท่านคุกเข่าลงต่อหน้าพระบิดา ผู้ทรงมีฤทธานุภาพที่จะทำทุกอย่างมากกว่าที่เราคิดและจะวอนขอ นักบุญเปาโลใช้ภาษาที่บอกว่า 'เกินกว่าเราจะหยั่งรู้ได้' นักบุญเปาโลเทิดทูนพระเจ้าผู้ทรงเป็นเหมือนทะเลที่ไม่มีหาดทราย ไม่มีขอบเขตใดกั้น ผู้ทรงเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล นักบุญเปาโลวอนขอพระบิดาเพื่

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนอิจฉา-นินทา-มองว่าตัวเองเจ๋งกว่าคนอื่น คือพวกตัดแขนขาพระศาสนจักร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือน การที่คริสตชนอิจฉากัน นินทากัน และมองว่าตัวเองเจ๋งกว่าคนอื่น ถือเป็นการตัดแขนขาพระศาสนจักร และนี่คือสงครามที่ไม่ได้เริ่มรบในสมรภูมิ แต่รบที่หัวใจของเรา ทรงชี้ หัวใจขี้อิจฉาจะพัฒนาตัวเองให้เป็น "หัวใจแห่งความเคียดแค้น" ทรงย้ำ คริสตชนที่คิดว่าตัวเอง "เจ๋ง" กว่าคนอื่น ไม่ต่างจากฟาริสีที่บอกพระเจ้าว่า "ขอบคุณที่ให้ลูกไม่ต้องเป็นเหมือนคนพวกนี้" ตอนท้าย ทรงเชิญทุกคนร่วมรำลึก "วันระลึกถึง นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2" ด้วย ช่วงสายวันพุธที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 80,000 คน ความพิเศษของวันนี้คือเป็นวันที่พระศาสนจักรกำหนดให้เป็นวันระลึกถึง "นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2" ด้วย ส่วนเนื้อหาเทศน์สอนประจำวันนี้ พระสันตะปาปายังคงเทศน์เตือนสติเกี่ยวกับเรื่องความแตกแยกในกลุ่มคริสตชนเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ในยุคสมัยของนักบุญเปาโล กลุ่มคริสตชนที่เมืองโครินธ์ต้องประสบกับ

โป๊ปฟรังซิส: "เราเป็นคริสตชนที่พร้อมจะเฝ้ารอพระเยซูไหม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถาม แม้เราจะไม่รู้ว่าพระเยซูจะเสด็จมาเมื่อไหร่ แต่เราเป็นคริสตชนที่พร้อมจะเฝ้ารอพระเยซูไหม หัวใจของเราได้ยินเสียงของพระองค์หรือเปล่า ทรงเตือน อย่าเป็นคริสตชนที่ใช้ชีวิตแบบไม่เชื่อพระเจ้า หลงลืมพระเยซู และคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าเหนือทุกสิ่ง คนพวกนี้ ตอนจบชีวิตจะไม่ได้เป็นประชากรของพระเจ้าแน่นอน  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงสอนบรรดาศิษย์ให้เตรียมพร้อมเสมอ เหมือนผู้รับใช้ที่จุดตะเกียงคอยนายกลับจากงานมงคลสมรส เพราะถ้านายกลับมา นายจะพาผู้รับใช้ไปนั่งโต๊ะและจะรับใช้พวกเขาด้วย พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "พระวรสารวันนี้สอนเราถึงการรับใช้ที่เจ้านาย(พระเยซู) มีต่อคริสตชนทุกคน การรับใช้นี้คือตราประทับของเรา ถ้าปราศจากพระคริสตเจ้า พวกเราก็จะไม่มีตราประทับอะไรเลย พระคริสตเจ้าเสด็จมาเพื่อมอบความเป็นประชากร(ของพระเจ้า)ให้กับเรา พระองค์มาเพื่อมอบชื่อและนามสกุลในอาณาจักรสวรรค์ให้เรา พระคริสต์นำสิ่งเหล่านี้มาม

โป๊ปฟรังซิส: "จิตไม่รู้สึกรู้สากำลังครอบงำเราว่าไม่ต้องสนใจคริสตชนในตะวันออกกลาง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ จิตใจที่ไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้สึกเดือดร้อน กำลังครอบงำคริสตชนหลายคน จนทำให้ไม่ห่วงใยคริสตชนในตะวันออกกลางที่กำลังถูกเบียดเบียนข่มเหงเอาชีวิตอย่างรุนแรง ทรงย้ำ มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า ไม่มีคริสตชนหลงเหลือในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นดินแดนที่พระเยซูบังเกิดและเป็นดินแดนต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์ ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการประชุมคณะพระคาร์ดินัลที่อยู่ที่กรุงโรม เพื่อหารือเร่งด่วนเกี่ยวกับการเบียดเบียนคริสตชนในตะวันออกกลาง ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ แรกเริ่มจัดเพื่อติดตามความคืบหน้าของการพิจารณารายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นบุญราศี แต่พระสันตะปาปาทรงเพิ่มเรื่องนี้เข้ามาเป็นการด่วน เพราะสถานการณ์การเบียดเบียนรุนแรงมากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับคณะพระคาร์ดินัลที่ร่วมประชุมว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง เฉพาะอย่างยิ่ง อิรักกับซีเรีย ทำให้พ่ออดคิดไม่ได้จริงๆ คริสตชนที่นั่นต้องละทิ้งบ้านเกิดของตน บ้านที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยอัครสาวก พวกเขาต้องหนีเพราะเ

โป๊ปฟรังซิสสถาปนา "บุญราศี เปาโล ที่ 6" พร้อมย้ำ พระเจ้าไม่เคยกลัวสิ่งใหม่ๆ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสถาปนาบุญราศี เปาโล ที่ 6 อย่างเป็นทางการ พร้อมขอบคุณบุญราศีใหม่สำหรับความสุภาพถ่อมตน ความกล้าเปลี่ยนแปลง และปรีชาญาณที่มองการณ์ไกล ทรงย้ำ พระเจ้าไม่เคยกลัวสิ่งใหม่ๆ ดังนั้น ขอให้เราเปิดใจให้พระเจ้านำทางเราเสมอ ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ในเรื่องครอบครัว และยังเป็นมิสซาสถาปนาสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เป็นบุญราศี พิธีนี้ จัด ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 90,000 คน นอกจากนี้ ความพิเศษของพิธีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ก็เสด็จมาร่วมด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำพิธี พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเทศน์สอนว่า "พระวรสารวันนี้ เราได้ยินกันแล้วว่า ฟาริสีจ้องจับผิดพระเยซู เมื่อฟาริสีต้องการจะจับผิดพระเยซู พระองค์ตรัสตอบกลับไปแบบแข็งกร้าวว่า 'ของของซีซ่าร์ จงคืนให้ซีซ่าร์ ส่วนของของพระเจ้า จงคืนให้พระเจ้า' "จงคืนของให้พระเจ้า ถ้าสิ่งใดเป็นของพระองค์ มันหมายถึงการประก

โป๊ปฟรังซิส: "พวกอนุรักษ์นิยม อย่าปิดตัวเอง พวกหัวก้าวหน้า อย่าหลงตามจิตตารมณ์ทางโลก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระศาสนจักรคาทอลิกจะเปิดประตูออกให้กว้างๆ เพื่อต้อนรับผู้ต้องการความช่วยเหลือและผู้เป็นทุกข์ถึงบาป ทรงเตือนสติพวกอนุรักษ์นิยม อย่าปิดตัวเอง อย่าตกเป็นเหยื่อความไม่ยืดหยุ่น อย่าทำตัวเป็นพวกเมตตาจอมปลอมที่ต้องการจะปิดบาดแผลมากกว่ารักษาบาดแผล เช่นเดียวกัน ทรงเตือนพวกหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม อย่าหลงกับการประจญให้ลงจากไม้กางเขน จนก้มหัวให้กับจิตตารมณ์ทางโลก มากกว่าจะก้มหัวให้พระจิต ขณะที่ผลลงมติประชุมสมัชชาพระสังฆราช ปรากฏว่า เรื่องการอนุญาตให้คาทอลิกที่หย่าร้างและไปแต่งงานใหม่ สามารถรับศีลมหาสนิทได้ พระสังฆราชเห็นด้วย 104 เสียง ไม่เห็นด้วย 74 เสียง ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงการอภิบาลผู้รักเพศเดียวกัน พระสังฆราชเห็นด้วย 118 เสียง ไม่เห็นด้วย 62 เสียง อย่างไรก็ตาม วาติกันย้ำว่า นี่เป็นแค่ผลการประชุม เพื่อหารือต่อไป ยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้ายและไม่ใช่การประกาศใช้หลักคำสอนแต่อย่างใด ช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิก ในเรื่องครอบครัว การประชุมนี้มีการลงมติหัวข้อกา

Must Read! - เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ก่อนถึงพิธีสถาปนาพระองค์เป็นบุญราศี

Image
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ก่อนถึงพิธีสถาปนาพระองค์เป็นบุญราศี (เป็นเรื่องที่วาติกันเพิ่งแถลงเมื่อครู่นี้): - พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ "นั่งเครื่องบิน" - พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ไปเยือน "แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์" ต่อจาก "นักบุญเปโตร" - พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ได้พบและสวมกอดกับพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล (พระอัยกา อาเธนาโกราส ที่ 1) - พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่สละ "มงกุฏพระสันตะปาปาและการนั่งบัลลังก์" - พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ทรงนำ "มงกุฎพระสันตะปาปา" ไป "ขาย และนำเงินไปช่วยเหลือเงินคนยากจน" - พระธาตุที่จะใช้ในพิธีสถาปนา พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 เป็นบุญราศี คือ "เสื้อซับในที่พระองค์ใส่ในวันถูกคนลอบแทงด้วยมีด ระหว่างการเสด็จเยือนมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์" - ผู้ที่หายจากโรคร้าย ผ่านทางการเสนอวิงวอนพระเจ้าของพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 คือเด็กชายวัย 13 ปี ตอนนี้ เขาอาศัยอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเม