Posts

Showing posts from September, 2014

โป๊ปฟรังซิส: "บางครั้ง เราชอบบ่นให้มันดูเว่อร์เกินจริง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ เราใช้ชีวิตแบบง่ายเกินไป บางครั้ง เราชอบบ่นให้มันดูเว่อร์เกินจริง ทั้งที่ความเป็นจริง ยังมีคนอีกมากที่ทนทุกข์มากกว่าเราอีก ทรงชี้ เราบ่นได้ ตัดพ้อพระเจ้าได้ แต่ต้องพูดเรื่องจริง เพราะนี่คือการภาวนาที่ออกมาจากใจ ทรงย้ำ เวลาพบความมืดมนฝ่ายจิต จงเตรียมพร้อมและสวดภาวนาเสมอ  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้ "โยบ" สาปแช่งวันเกิดของตนอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะเขาไม่เข้าใจความหมายของการทนทุกข์ทรมานที่ตนเองต้องประสบ พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "ในบทอ่านวันนี้ เราได้ยิน โยบ สาปแช่งวันที่ตัวเองเกิด คิดดูซิ โยบต้องถูกทดลอง(จากพระเจ้า) โยบต้องสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียครอบครัวและทุกสิ่งที่เขาเคยมี สูญเสียสุขภาพแข็งแรงและติดโรคร้ายน่ารังเกียจเวทนา ช่วงเวลาดังกล่าว โยบหมดความอดทนกับทุกสิ่ง เขาจึงพูดแบบนั้นออกมาว่า ทุกอย่างจงพินาศ! แต่กระนั้น เขาก็ยังเคยชินกับการพูดความจริงทุกครั้ง และนี่ก็คือความจริงที่เขาพูดไปในช่วงเว

โป๊ปฟรังซิส: "ซาตานเสนอสิ่งต่างๆ ให้ดูดี แต่มันตั้งใจจะทำลายมนุษย์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ซาตานพยายามเสนอสิ่งต่างๆ ให้ดูดี แต่ความตั้งใจจริงของมันคือการทำลายมนุษย์ กระนั้น ทูตสวรรค์จะคอยปกป้องเราให้รอดพ้นจากการทำลายล้างของพวกมัน ทรงสอน การต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วคือชีวิตจริงของคริสตชน ถ้าเรายอมความชั่ว เราจะพ่ายแพ้มัน ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ความพิเศษของวันนี้เป็นวันฉลองอัครทูตสวรรค์กาเบรียล, ไมเคิ่ล และ ราฟาเอล ด้วย บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือวิวรณ์ เป็นเหตุการณ์อัครทูตสวรรค์ไมเคิ่ลและเหล่าทูตสวรรค์คนอื่นๆ ต่อสู้กับซาตานบนสวรรค์ ก่อนที่ซาตานจะพ่ายแพ้และไม่มีที่พำนักในสวรรค์อีกต่อไป พระสันตะปาปา ทรงเทศน์สอนถึงเรื่องนี้ว่า "บทอ่านวันนี้ทำให้เราได้เห็นภาพที่แข็งแกร่งทรงพลังมากๆ นั่นคือ ภาพชัยชนะของพระเจ้า อัครทูตสวรรค์ไมเคิ่ลและทูตสวรรค์องค์อื่นๆ ได้ร่วมกันต่อสู้กับมังกรตัวใหญ่ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานแบบงู อัครทูตสวรรค์ไมเคิ่ลเรียกงูดึกดำบรรพ์นี้ว่า 'ซาตาน' ซึ่งมาล่อลวงมนุษย์บนแผ่นดินให้หลงผิด แต่สุดท้าย ซาตานก

โป๊ปฟรังซิส: "สังคมจะมีอนาคต ถ้าคนหนุ่มสาวดูแลผู้สุงอายุ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ สังคมจะมีอนาคต ถ้าคนหนุ่มสาวดูแลผู้สุงอายุ เพราะผู้สูงอายุจะถ่ายทอดสติปัญญาให้ลูกหลาน ส่วนลูกหลานก็จะให้กำลังใจกับผู้สูงอายุในการดำเนินชีวิตต่อไป ทรงชี้ หากลูกหลานอยากเป็นอิสระและตัดความสัมพันธ์กับพ่อแม่และปู่ย่าตายาย มันไม่ต่างจากการก่อกบฎเลยทีเดียว ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาวันชุมนุมผู้สูงอายุ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางผู้สูงอายุที่มาร่วมกว่า 50,000 คน โดยก่อนมิสซาจะเริ่ม พระสันตะปาปาทรงเป็นประธานในการแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อ ซึ่งงานดังกล่าว สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จมาร่วมงานด้วย แต่พระองค์ไม่ได้อยู่ร่วมมิสซา สำหรับบทเทศน์ที่พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันในมิสซานี้ พระองค์ทรงกล่าวว่า "วันนี้ พวกเราได้ทำตามพระวรสารที่ได้ฟังกันไป นั่นคือ การพบกันระหว่างผู้อาวุโสกับผู้เยาว์ นี่เป็นการพบกันด้วยความชื่นชมยินดี เปี่ยมด้วยความเชื่อ และเต็มไปด้วยความหวัง การพบกันนี้ แม่พระซึ่งเป็นผู้น้อยวัยเยาว์ กับ นางเอลิซาเบ็ธผู้อาวุโส พระเมตตา

โป๊ปฟรังซิส: "การไม่ดูแลผู้สูงอายุถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและไร้อนาคต"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ การไม่ดูแลผู้สูงอายุถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม คนที่ไม่ดูแลผู้สูงอายุถือเป็นคนไร้อนาคต เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจรากเหง้าของตัวเอง ทรงชี้ เราต้องเอาใจใส่บ้านพักผู้อาวุโส ต้องทำให้มั่นใจว่านี่คือบ้าน ไม่ใช่ "คุก" คุมขังพวกเขา ทรงยก ผู้สูงอายุไม่ใช่แค่ปู่ย่าตายาย แต่ยังทำหน้าที่พ่อแม่คนที่สองด้วย ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในงานชุมนุมผู้สูงอายุ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางผู้สูงอายุที่มาร่วมกว่า 50,000 คน นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาร่วมงาน ขณะเดียวกัน ยังมีการเชิญคาทอลิกชาวอิรักมาแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อจากการถูกเบียดเบียนความเชื่อต่อหน้าพระสันตะปาปาด้วย สำหรับพระดำรัสที่พระสันตะปาปา ฟรังซิส ตรัสกับทุกคน พระองค์กล่าวว่า "ขอบคุณทุกท่านสำหรับการมาร่วมงานในวันนี้ และที่จะลืมไม่ได้ ขอบคุณเป็นพิเศษแด่สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ตัวพ่อเองเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า พ่อชอบที่จะอยู่ที่วาติกัน เพราะที่นี่

โป๊ปฟรังซิส: "เยสุอิตเคยสูญเสียทุกอย่าง แต่เราไม่เคยขัดพระประสงค์ของพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ เยสุอิตต้องเผชิญกับการสูญเสียทุกอย่าง เคยถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่เยสุอิตไม่เคยขัดพระประสงค์ของพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่ทำให้เยสุอิตอยู่รอดและกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ทรงย้ำ ถ้าหากเยสุอิตเป็นคนเจ้าเล่ห์และคิดหาทางขัดขืนต่อพระประสงค์ของพระเจ้า เยสุอิตก็จะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ฟื้นฟูคณะอย่างแน่นอน ทรงประกาศชัด เยสุอิตต้องการที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของพระเยซู เราต้องมีความรู้สึกเดียวกับพระองค์ ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็น ณ วัดพระเยซู (วัดของคณะเยสุอิต) โอกาสครบ 200 ปีที่คณะเยสุอิตได้กลับมาดำเนินพันธกิจคณะนักบวชอีกครั้ง หลังจากถูกยุบคณะไปเพราะแรงกดดันทางการเมืองในค.ศ.1773 เยสุอิตจึงสูญหายไปนานถึง 41 ปี กระทั่งวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ.1814 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 7 ได้ประกาศฟื้นฟูคณะอีกครั้ง และดำเนินงานอย่างยิ่งใหญ่มาถึงทุกวันนี้ ในส่วนของบทเทศน์ประจำการสวดทำวัตรเย็น พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "หมู่คณะที่อยู่ภายใต้พระนามของพระเยซู(เยสุอิต) ได้ดำเนินชีวิตในช่วงเวลายากลำบ

โป๊ปฟรังซิส: "โฟโคลาเรอย่าลืม 3 สิ่งที่พ่อจะพูดต่อไปนี้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ 3 สิ่งกับกลุ่มโฟโคลาเร หนึ่ง จงรำพึงไตร่ตรอง สอง จงก้าวออกไปรับใช้ผู้อื่น และสาม จงให้ความสำคัญกับเยาวชน ทรงชื่นชม โฟโคลาเรเป็นกลุ่มที่เกิดจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆ แต่ตอนนี้ เจริญเติบโตแตกกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วโลก เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับกลุ่มโฟโคลาเรที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน เนื่องในโอกาสที่พวกเขามาประชุมประจำปีที่กรุงโรม ระหว่างวันที่ 1-28 กันยายน 2014 โดยหนึ่งในผู้เข้าเฝ้า ได้แก่ พระอัครสังฆราช ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช จากประเทศไทย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับทุกคน พระองค์กล่าวว่า "ก่อนอื่น พ่อขอร่วมยินดีกับ มารีอา โวเช่ ประธานกลุ่มโฟโคลาเร ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มสองสมัยติดต่อกัน "โฟโคลาเรเป็นกลุ่มที่เกิดจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆในพระศาสนจักร และได้เจริญเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาผ่านทางครอบครัวคริสตชนและผู้มีความเชื่อต่างศาสนา "โฟโคลาเรเป็นกลุ่มที่รู้กันดีว่า เป็นกลุ่มงานของแม่พระ นี่เป็นกลุ่มที่เกิดจากพระพรของพระจิตซึ่งรวมความ

โป๊ปฟรังซิส: "ชีวิตคริสตชนที่ไม่แบกกางเขนก็ไม่ใช่คริสตชน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ชีวิตคริสตชนที่ไม่แบกกางเขนก็ไม่ใช่คริสตชน สิ่งนี้คืออัตลักษณ์แท้จริงของคริสตชนตามที่พระเยซูสอน ทรงชี้ การที่พระเยซูกำชับไม่ให้ใครรู้ว่าพระองค์คือพระคริสต์ เพราะพระเยซูรู้ว่าบรรดาสาวกและประชาชนยังไม่เข้าใจความหมายของ "พระผู้ช่วยให้รอด" (พระเมสซิยาห์) พวกเขาจึงมองพระเยซูเป็นผู้นำที่จะปลดปล่อยจากการเป็นทาสของชาวยิว  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงบอกเปโตรว่า อย่าบอกผู้ใดว่าพระองค์คือพระคริสต์ และยังทรงย้ำว่า บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมาน จะถูกบรรดาผู้อาวุโสและธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่สาม พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "เหตุการณ์ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเฝ้าระวังอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพระองค์ เราได้เห็นว่า ในหลายๆครั้ง เมื่อมีคนมาใกล้พระองค์เพื่อที่จะเปิดเผยอัตลักษณ์ดังกล่าว(การเป็นบุตรพระเจ้า) พระเยซูจะห้ามเขาทันที เพราะประชาชนชอบเข้าใจผิดและมีมุมมอง

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าเป็นคริสตชนขี้โม้ที่ชอบทำตัวเด่นให้คนอื่นมอง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน อย่าเป็นคริสตชนขี้โม้ที่ชอบทำตัวเด่นให้คนอื่นมอง เวลาทำดี จงทำเงียบๆ แค่ให้พระบิดาเห็น ก็พอแล้ว ทรงย้ำ อย่าคุยโวว่าเป็นญาติพระสังฆราช ญาติพระสงฆ์ หรือญาติซิสเตอร์ แต่หัดถามตัวเองว่า วันนี้ทำตามที่พระเยซูสอนหรือยัง ทรงชี้ คริสตชนขี้โม้เป็นเหมือนฟองสบู่ แวบแรกดูสวยงาม แต่จากนั้นไม่นาน แตกสลายทันที ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือปัญญจารย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สอนว่า "ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้" ส่วนพระวรสารก็เป็นเหตุการณ์ที่กษัตริย์เฮร็อดรู้สึกสับสนเมื่อมีคนพูดถึงอัตลักษณ์ของพระเยซู พระสันตะปาปาทรงกล่าวแบ่งปันบทอ่านเป็นอันดับแรก ใจความว่า "หนังสือปัญญาจารย์กล่าวชัดเจนว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ ตัวท่านเองก็เช่นกัน ถ้าท่านไม่มีสิ่งที่เป็นแก่นแท้เป็นรูปธรรม มันก็ไม่มีใครจะจดจำท่าน หนังสือปัญญจารย์วันนี้เตือนเราเกี่ยวกับการคุยโวโอ้อวด การคุยโวขี้โม้คือการประจญล่อลวงที่ไม่ได้เกิดกับคนต่างความเชื่อเท่านั้น แต่ยังเกิดกับพวกเ

โป๊ปฟรังซิส: "อัตลักษณ์ของศาสนาในอัลเบเนียคือการร่วมมืออย่างสันติและเป็นพี่น้อง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชื่นชมความร่วมมืออย่างสันติและเป็นพี่น้องกันของศาสนิกชนต่างๆในอัลเบเนีย ที่ร่วมกันยืนหยัดถึงความเชื่อที่มีในยุคคอมมิวนิสต์ปกครองประเทศ ทรงย้ำ เลือดของมรณสักขีจะไม่ไร้ค่า แต่จะเป็นเมล็ดพันธุ์ยืนยันถึงผลงานของความร่วมมือกันของพี่น้องทุกศาสนาในอัลเบเนีย  ช่วงสายวันพุธที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 50,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเลือกแบ่งปันความประทับใจจากการเสด็จเยือนอัลเบเนีย ซึ่งเพิ่งจบลงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พระสันตะปาปาตรัสว่า "สาเหตุที่พ่อไปเยือนอัลเบเนีย เพราะพ่อต้องการแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับพระศาสนจักรในอัลเบเนียและชาวอัลเบเนียนทุกคน สิ่งที่พ่อได้เห็นกับตาคือความร่วมมือของศาสนาต่างๆ เป็นการร่วมมืออย่างสามัคคี และมันเป็นความร่วมมือจากใจที่จับต้องได้ด้วย นี่คืออัตลักษณ์ของศาสนาต่างๆ อันเป็นผลจากการหันหน้ามาพูดจากันแบบพี่น้อง "พ่อยังอยากแบ่งปันถึงการเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อในพระเจ้าของบรรดามร

โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าไม่ต้องการแค่ให้เราเปิดใจ แต่ยังต้องการให้เราฟังพระวาจาและนำไปปฏิบัติ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราเปิดใจต้อนรับพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ยังขอให้เรา "ฟังพระวาจาแล้วนำไปปฏิบัติตาม" ทรงสอน เวลาอ่านพระวรสาร ถามตัวเองด้วยว่า พระเจ้ากำลังพูดกับเราผ่านทางข้อความที่เราอ่านใช่ไหม อย่าทำเป็นอ่านผ่านๆเหมือนการท่องจำ  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ แม่พระและพี่น้องของพระเยซูมาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึงได้ เพราะมีคนจำนวนมาก พอมีผู้มาทูลพระเยซูว่ามารดาและญาติพี่น้องอยู่ข้างนอก พระเยซูตรัสตอบไปว่า "มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าแล้วนำไปปฏิบัติ" (ลูกา 8:19-21) พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "พระเยซูทรงพูดกับประชาชนและรักพวกเขา พระเยซูตรัสว่า 'คนที่ติดตามเราในกลุ่มฝูงชนคือมารดาและพี่น้องของเรา พวกเขาคือคนที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ' นี่คือเงื่อนไข 2 ประการในการติดตามพระเยซู นั่นคือ ฟังพระวาจาและนำไปปฏิบัติ นี่คือชีวิตคริสตชน ไม่มีอะไรมาก

โป๊ปฟรังซิส: "ใช่ พ่อน้ำตาไหล ตอนได้ฟังเหตุการณ์เบียดเบียนความเชื่อ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงยอมรับ พระองค์น้ำตาไหลออกมา เมื่อได้ฟังการแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อที่ถูกจับขังคุกนาน 27 ปีของ "คุณพ่อแอเรเนส ซิโมนี่" พร้อมกันนี้ ทรงเผย ประทับใจความเป็นพี่น้องกันของชาวมุสลิม, ออโธด็อกซ์ และคาทอลิกในอัลเบเนียแบบสุดๆ ทรงย้ำ ไปเยือนตุรกีแน่นอน แม้ตุรกีจะอยู่ติดอิรักที่กำลังมีสงครามก็ตาม ช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทานการสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวบนเครื่องบิน ระหว่างเที่ยวบินกลับจากกรุงติราน่า ประเทศอัลเบเนีย มุ่งหน้าสู่กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบินนี้ ใช้เวลาบินประมาณ 90 นาที แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่พระสันตะปาปายังออกมาทักทายบรรดานักข่าวและให้สัมภาษณ์พวกเขาอย่างเป็นกันเอง ในส่วนรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ พระสันตะปาปาทรงขอโทษนักข่าวเป็นอันดับแรกที่พระองค์จะตอบคำถามเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเยือนอัลเบเนียเท่านั้น เพราะพระองค์ไม่ต้องการให้ประเด็นอื่นๆ มาบดบังทริปการเยือนอัลเบเนียในวันนี้ พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ในความเป็นจริง เราต้องยอมรับว่า อัลเบเนียเป็นประเทศที่ถูกจัดเป็นชายขอบของทว

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาทำสิ่งใด อย่าให้เงินเป็นตัวตั้ง แต่จงให้ความดีเป็นเครื่องนำทาง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ เวลาทำสิ่งใด อย่าให้เงินเป็นตัวตั้งและเป็นเครื่องตัดสินสิ่งต่างๆ ตรงกันข้าม จงให้ความดีเป็นเครื่องนำทาง ทรงชี้ ความเชื่อในศาสนาสามารถทำให้เราแต่ละคน ขจัดความแตกต่างและความเฉยชาออกจากสังคมได้อย่างแน่นอน ช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังบ้านเบธานี ซึ่งเป็นบ้านที่ดูแลเด็กกำพร้าและผู้พิการในกรุงติราน่า โดยการเยือนบ้านเบธานี เป็นพันธกิจสุดท้ายของพระสันตะปาปาในการเยือนอัลเบเนีย ในส่วนของพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับทุกคน พระองค์ทรงย้ำว่า ความเชื่อในพระเจ้าและการทำงานต่างๆด้วยความรักความเมตตา สามารถขจัดความแตกต่างและความเฉยชาออกจากสังคม พร้อมกันนี้ ทรงเตือนสติ อย่าตัดสินสิ่งใดๆโดยใช้เงินและอำนาจเป็นตัวตั้งเด็ดขาด พระสันตะปาปา ตรัสกับทุกคนว่า "ในสถานที่แห่งนี้ เราได้เห็นและได้รับการยืนยันแล้วว่า เราแต่ละคนได้รับความช่วยเหลือด้วยความเชื่อในศาสนา เพราะเราได้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ความเชื่อในพระเจ้าได้รับการนำไปปฏิบัติด้วยความรักความเมตตา เราได้เห็นกันแล้วว่า ความเชื่อได้นำความสว่างและความหวังม

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าเราไม่ให้พระเจ้าปลอบโยนเรา ใจเราก็ไม่เป็นสุข เพราะเราไม่เปิดใจให้พระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน ถ้าเราไม่ให้พระเจ้าปลอบโยนเรา จิตใจเราก็จะไม่พบความสุข เพราะหัวใจของเราไม่เปิดรับพระองค์ พร้อมกันนี้ ทรงร่วมเป็นทุกข์ไปกับชาวอัลเบเนียนที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากคอมมิวนิสต์ เฉพาะอย่างยิ่ง ประจักษ์พยานถึงพระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น คุณพ่อแอเรเนส ซิโมนี่ และ ซิสเตอร์มาริเย กาเอต้า  ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็น ซึ่งจัด ณ อาสนวิหารแห่งกรุงติราน่า โดยก่อนพิธีจะเริ่มขึ้น พระสันตะปาปาทรงพบกับ "คุณพ่อแอเรเนส ซิโมนี่" (อายุ 84 ปี) และ "ซิสเตอร์มาริเย กาเอต้า" (อายุ 85 ปี) ทั้งสองเคยใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การกดขี่ของคอมมิวนิสต์ในอัลเบเนีย และยังถูกลงโทษต่างๆนาๆ แต่ก็ไม่ละทิ้งความเชื่อในพระเจ้าแม้แต่น้อย คุณพ่อซิโมนี่ถูกคอมมิวนิสต์จับขังคุก 27 ปี ส่วนซิสเตอร์กาเอต้า ทำหน้าที่อภิบาลแทนพระสงฆ์ ด้วยการ "แอบ" โปรดศีลล้างบาปแบบลับๆให้กับเด็กทารก และส่งศีลมหาสนิทช่วงที่คอมมิวนิสต์ปกครองประเทศ หลังจากนั้น พระสันตะปาปาทรงนำสวดทำวัตรเย็น โดยช่วงเทศน์

โป๊ปฟรังซิส: "ศาสนาที่แท้จริงคือบ่อเกิดของสันติและปราศจากความรุนแรง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ศาสนาที่แท้จริงคือบ่อเกิดของสันติและปราศจากความรุนแรง ไม่มีใครสามารถใช้พระนามของพระเจ้ามาสร้างความรุนแรงเด็ดขาด ทรงชี้ การฆ่าผู้อื่นโดยอ้างนามของพระเจ้าจัดว่าเป็นการลบหลู่ศาสนาอย่างร้ายแรง พร้อมกันนี้ ทรงหวังเห็นอัลเบเนียเป็นดินแดนแห่งศาสนาสัมพันธ์ตลอดไป ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จไปพบกับผู้แทนศาสนาต่างๆ รวมถึงผู้นำศาสนาคริสต์นิกายต่างๆในอัลเบเนีย พิธีจัดขึ้นในมหาวิทยาลัยคาทอลิกแม่พระผู้ชี้แนะที่แสนดี (Universiteti Katolik Zoja e Këshillit të Mirë) ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา พระองค์ทรงย้ำอย่างหนักแน่นว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่สามารถนำพระนามของพระเจ้าไปสร้างความรุนแรงเด็ดขาด ศาสนาที่แท้จริง มีบ่อเกิดจากสันติภาพ ไม่ใช่ความรุนแรง พระสันตะปาปา ตรัสว่า "อัลเบเนียได้เป็นประจักษ์พยานอย่างสุดเศร้าถึงความรุนแรงและโศกนาฏกรรมที่ก่อให้เกิดการบีบคั้นให้พระเจ้าต้องออกจากการดำเนินชีวิตส่วนตัวและส่วนรวม เมื่ออุดมการณ์ทางการเมืองพยายามที่จะกำจัดพระเจ้าออกจากสังคม ทุกสิ่งก็จบลงด้วยก

โป๊ปฟรังซิส: "จงเป็นเหมือนนกอินทรีที่ไม่ลืมรัง เลือกบินให้สูงและมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงให้กำลังใจชาวอัลเบเนียน จงเป็นเหมือนนกอินทรีในธงชาติของตน นกอินทรีไม่เคยลืมรังของตัวเอง และเลือกจะบินสูงพร้อมมองไปข้างหน้า คริสตชนอัลเบเนียนก็ต้องอย่าลืมอดีตที่เคยถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความเชื่อในพระเจ้า นอกจากนี้ จงมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวังและมองหาอนาคตอันสดใสด้วย  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาระหว่างการเสด็จเยือนอัลเบเนีย ณ จัตุรัสคุณแม่เทเรซา กรุงติราน่า ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมจำนวนมาก ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงชาวอัลเบเนียนจำนวนมากที่สละชีวิตเพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้าในช่วงที่คอมมิวนิสต์ยึดครองประเทศ พร้อมกันนี้ ทรงขอร้องชาวอัลเบเนียน อย่าลืมบาดแผลอันโหดร้ายในอดีต แต่ก็ขอให้ร่วมใจกันบินให้สูงขึ้น เพื่อมุ่งหน้าสู่อนาคตอันสดใส พระสันตะปาปา ทรงเทศน์สอนว่า "พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงส่งศิษย์ 72 คนออกไปตามหมู่บ้านต่างๆเพื่อประกาศพระอาณาจักรสวรรค์ พระเยซูทรงมาในโลกนี้เพื่อนำความรักของพระเจ้ามาให้โลกและพระองค์ทรงต้องการจะแบ่งปันความรักนั้น

โป๊ปฟรังซิส: "การเติบโตทางเศรษฐกิจต้องโตไปพร้อมกับการเคารพสิ่งสร้างของพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ การเติบโตทางเศรษฐกิจต้องโตไปพร้อมกับการเคารพสิ่งสร้างของพระเจ้า เช่นเดียวกัน การพัฒนาประเทศจะน่าเชื่อถือและยั่งยืน ก็ต่อเมื่อ เราเคารพสิทธิของผู้ยากไร้และเคารพสิ่งแวดล้อม ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบินนายชุมพาบาล (Shepherd's Flight) ออกจากสนามบินจัมปีโน่ กรุงโรม ไปถึงสนามบินนานาชาติคุณแม่เทเรซา กรุงติราน่า เมืองหลวงของอัลเบเนีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้น พระสันตะปาปาได้เสด็จไปยังทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อสนทนากับ บูยาร์ นิชานี่ ประธานาธิบดีอัลเบเนีย ก่อนจะเสด็จออกมาพบกับคณะรัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพื่อกล่าวสุนทรพจน์กับพวกเขา โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสสุนทรพจน์ว่า "ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีและตระหนักถึงคุณค่าของบรรยากาศแห่งความเคารพ รวมถึงการวางใจกันและกัน ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศอัลเบเนีย และเกิดขึ้นระหว่างชาวคาทอลิก, ออโธด็อกซ์ และมุสลิมในประเทศแห่งนี้ "ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการนับถือศาสนา และเสรีภาพในการ

โป๊ปฟรังซิส: "ขอบคุณนักข่าวที่รายงานข่าวพระสันตะปาปาอย่างถูกต้อง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงขอบคุณนักข่าวสายวาติกันที่ช่วยรายงานข่าวของพระองค์ออกไปอย่างถูกต้อง ทำให้คนทั่วไปได้รู้ว่าพระสันตะปาปาทำอะไรบ้าง พร้อมกันนี้ ทรงกล่าวติดตลก การไปทำข่าวพระสันตะปาปาเยือนอัลเบเนีย เป็นงานหนักสำหรับนักข่าว และจะไม่ได้มีเวลาหยุดพักแน่นอน เพราะโปรแกรมอัดแน่นมากๆ ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทับเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบินนายชุมพาบาล (Shepherd's Flight) ออกจากสนามบินจัมปีโน่ กรุงโรม ไปยังสนามบินนานาชาติคุณแม่เทเรซา กรุงติราน่า เมืองหลวงของอัลเบเนีย โดยการอภิบาลนี้ เป็นแบบทริป 1 วัน (ไปเช้า กลับเย็น) หลังจากเครื่องบินได้ขึ้นสู่ท้องฟ้า พระสันตะปาปาทรงประทานการสัมภาษณ์แก่บรรดาสื่อมวลชนกว่า 50 คนที่ติดตามพระองค์ไปทำข่าว โดยเที่ยวบินขาไปนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับนักข่าวแบบสั้นๆ ส่วนขากลับ พระองค์จะให้สัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง พระสันตะปาปา ตรัสกับบรรดานักข่าวว่า "สวัสดีทุกคน วันนี้เป็นวันทำงานที่ดีวันหนึ่ง มันจะไม่มีการพักนะ เพราะโปรแกรมค่อนข้างอัดแน่น ยังไง พ่อขอบคุณทุกคน

โป๊ปฟรังซิส: "สังฆราชต้องเป็นผู้รับใช้และผู้ดูแลชีวิตจิตของสัตบุรุษ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระสังฆราชต้องเป็นนายชุมพาบาลฝ่ายจิต ต้องเป็นผู้รับใช้ที่รู้ว่า จะคุกเข่าล้างเท้าสัตบุรุษได้อย่างไร ทรงสนับสนุนพระสังฆราชใส่ใจต่อการอภิบาลชีวิตครอบครัว เพราะนี่คือพื้นฐานของงานประกาศพระวรสาร ช่วงสายวันเสาร์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาพระสังฆราชใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมาเข้าเฝ้าในระหว่างรับการอบรมจากสมณกระทรวงเพื่อการประกาศพระวรสารสู่ปวงชน โอกาสนี้ พระสันตะปาปา ตรัสให้โอวาทพวกเขาว่า "พันธกิจหลักของพระศาสนจักรคือการประกาศพระวรสาร และตอนนี้ มันก็จำเป็นเร่งด่วนเพื่อพันธกิจแห่งการกลับใจ การกลับใจเป็นสิ่งที่คริสตชนทุกคนและทุกเขตวัดให้ความสนใจ แต่การกลับใจคือสิ่งที่บรรดานายชุมพาบาลถูกเรียกมาเพื่อดำเนินชีวิตและเป็นประจักษ์พยานเป็นอันดับแรก "พระศาสนจักรต้องการนายชุมพาบาลฝ่ายจิต พระสังฆราชคือผู้รับใช้และเป็นผู้ที่รู้ว่าวิธีการคุกเข่าต่อหน้าผู้อื่นและล้างเท้าพวกเขาต้องทำอย่างไร พ่อขอให้กำลังใจพระสังฆราชทุกคนที่แสวงหาที่จะมอบพันธกิจเที่ยงแท้ เพื่อกระตุ้นกลุ่มต่างๆในสังฆมณ

21 กันยายน ฉลองนักบุญแม็ทธิว

Image
วันนี้ (21 กันยายน) ฉลองนักบุญแม็ทธิว หรือ "มัตเตโอ" ในภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งเป็นนามนักบุญของตัวผมเอง ... ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมตัวเองถึงมี "นักบุญแม็ทธิว" เป็นนักบุญประจำตัว แต่ตอนนี้ เริ่มๆเข้าใจมากขึ้น และมันมีหลายอย่างที่เริ่มเห็นเป็นภาพที่เชื่อมโยงปะติดปะต่อกันได้ แม็ทธิวคือคนเก็บภาษี เป็นคนบาป แต่กลับใจมาติดตามพระเยซู และเป็น 1 ใน 4 ผู้นิพนธ์พระวรสาร ... ไม่แน่ใจว่า การที่นักบุญแม็ทธิว ชอบเขียน ชอบบันทึกเรื่องราว จะเป็นแรงผลักดันลึกๆให้ผมชอบเขียน ชอบรายงานข่าวพระสันตะปาปาด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ แม็ทธิวคือคนบาป เป็นภาพลักษณ์ตอกย้ำว่า เราเป็นคนบาปและต้องกลับใจ และผมก็ต้องเตือนตัวเองแบบนั้น อีกเรื่องหนึ่งคือ พระสันตะปาปา ฟรังซิส อีกหนึ่งฮีโร่ของผมก็มีความผูกพันกับ "นักบุญแม็ทธิว" แบบสุดๆ ... พระสันตะปาปา ฟรังซิส มีคติพจน์ว่า "Miserando atque eligendo" ก็มาจากเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเรียกนักบุญแม็ทธิวให้มาเป็นศิษย์ (ตามรูป ผลงานของคาราวัจโจ้) พระเยซูทรงมีพระเมตตา เรียกคนบาปในสายตาคนอื่น ให้มาติดตามพระองค์ นอกจากนี้ วันที่ "ฆอร์เค่ แบร์

โป๊ปฟรังซิส: "ผู้อภิบาลต้องออกจากตัวเองและก้าวไปหาผู้ที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงหวังเห็นผู้อภิบาลในพระศาสนจักร ออกจากตัวเองและก้าวไปหาผู้ที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม ทรงย้ำ เราไม่มีไม้กายสิทธิ์แก้ทุกปัญหา แต่เรามีความเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงเดินร่วมทางไปกับเรา ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมของสมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสารใหม่กว่า 2,000 คน ซึ่งมาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน งานนี้ มีพระสังฆราชไทยไปร่วม 2 คนคือ พระอัครสังฆราช ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช และ พระสังฆราช ซิลวิโอ สิริพงษ์ จรัสศรี นอกจากนี้ ยังมี อ.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย รวมถึงบรรดาพระสงฆ์ชาวไทยผู้ติดตามร่วมเข้าเฝ้าด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับผู้เข้าเฝ้า พระองค์ตรัสว่า "ในพระวรสารของนักบุญแม็ทธิว พระเยซูทรงรู้สึกสงสารประชาชนที่กำลังเหน็ดเหนื่อยและสิ้นหวัง พระเยซูสงสารพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีนายชุมพาบาล เช่นเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากในยุคนี้ กำลังเป็นเหมือนส่วนเกินของสังคม พวกเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ พวกเขากำลังเฝ้ารอคำตอบจาก

โป๊ปฟรังซิส: อย่าพูดแค่ "ฉันจะไปสวรรค์" แต่จงพูดอีกว่า "ฉันจะกลับคืนชีพเหมือนพระคริสต์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถาม ทำไมเราพูดกันแค่ "ฉันจะไปสวรรค์ ฉันไม่ต้องการตกนรก" ทำไมไม่มีใครสักคนที่พูดต่อไปอีกว่า "ฉันจะกลับคืนชีพเหมือนพระคริสตเจ้า" ทรงสอน แก่นแท้แห่งอัตลักษณ์คริสตชนคือการอยู่กับพระเจ้า อยู่กับพระองค์ทั้งกายและวิญญาณ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้ มาจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ท่านกล่าวว่า "ถ้าพระคริสตเจ้าไม่ได้กลับคืนชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น เราจะกลายเป็นพยานเท็จ เพราะเรายืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพจากความตาย" พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "คริสตชนชาวโครินธ์ในตอนนั้น มีความเชื่อว่าพระเยซูผู้ทรงกลับคืนชีพจะช่วยพวกเขาจากสวรรค์ แต่พวกเขาไม่เข้าใจเท่าไหร่เกี่ยวกับการกลับคืนชีพ พวกเขามีความคิดว่า ใช่! คนตายต้องถูกพิพากษา แต่พวกเขาไม่ได้ตกนรก คนดีก็เช่นกัน (ไม่ได้ไปสวรรค์) เพราะพวกเขาจะล่องลอยในจักรวาล อยู่ในอากาศ เป็นเ

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าพระสังฆราชเป็นคนเข้าถึงยาก การอภิบาลและความรอดฝ่ายจิตก็อยู่ในความเสี่ยงแล้ว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ถ้าพระสังฆราชหายตัวไปจากฝูงแกะ หรือเป็นคนที่ใครๆก็เข้าถึงได้ยาก การอภิบาลและความรอดฝ่ายวิญญาณก็ตกอยู่ในความเสี่ยงทันที ทรงชี้ พระสังฆราชต้องต้อนรับสัตบุรุษโดยไม่มีการแบ่งแยก ทรงเตือนสติ พระสังฆราชต้องรักประชากรของพระเจ้า แม้เป็นตอนที่เขาทำบาปหนักก็ตาม ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาพระสังฆราชใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งเดินทางมารับการอบรมปฐมนิเทศที่วาติกัน งานนี้ จัดโดยสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช และสมณกระทรวงประกาศพระวรสารสู่ปวงชน ในส่วนพระดำรัสกับพระสังฆราชใหม่ พระสันตะปาปา ตรัสว่า "สิ่งที่พ่ออยากย้ำคือ จงอย่าสูญเสียมุมมองที่แยกจากกันไม่ได้ของการที่พระสังฆราชอยู่ท่ามกลางฝูงแกะและการเจริญเติบโตของฝูงแกะ ทุกๆการปฏิรูปของพระศาสนจักรเริ่มต้นด้วยการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้า ผู้ไม่เคยหายตัวไปจากพวกเรา พระสังฆราชยังต้องเป็นผู้อภิบาลที่ปกครองในนามของพระคริสตเจ้าด้วย "นี่ไม่ใช่คำแนะนำที่คอขาดบาดตาย แต่พ่ออยากย้ำว่า ถ้านายชุมพาบาลหายตัวไปจากฝูงแกะ หรือนายชุมพาบ

โป๊ปฟรังซิส: "พวกเสแสร้งว่าไม่ใช่คนบาป จะเข้าสวรรค์ต่อจากคนเก็บภาษีและโสเภณี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ พวกเสแสร้งไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนบาป จะเข้าสวรรค์หลังจากที่คนเก็บภาษีและโสเภณีได้เข้าไปแล้ว เพราะคนเก็บภาษีและโสเภณีสำนึกในความผิดของตน แต่คนเสแสร้งเป็นเหมือนพวกฟาริสีที่ไม่เข้าใจความเรียบง่ายแห่งการยอมรับความผิดของตนเอง  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูเสด็จไปเสวยอาหารที่บ้านฟาริสี จากนั้น หญิงคนบาปมาล้างเท้าพระเยซูด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาของตัวเอง จากนั้น ใช้เส้นผมตนเองเช็ด ก่อนจะใช้เครื่องหอมชโลมพระบาท พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันบทเทศน์นี้ว่า "พวกฟาริสีต้องการฟังพระเยซู พวกเขาต้องการคำสอนของพระองค์และหาข้อมาจับผิด ในความคิดของพวกเขา ได้ตัดสินพระเยซูและหญิงคนบาปไปแล้ว พระเยซูทรงรู้อยู่แล้วว่า สตรีที่มาสัมผัสพระองค์เป็นคนอย่างไร ฟาริสีไม่ใช่คนเลวหรอก เขาแค่ไม่เข้าใจการกระทำของหญิงคนนั้นเอง "ฟาริสีไม่สามารถเข้าใจท่าทางที่เรียบง่าย กล่าวคือ ความสุภาพถ่อมตนของผู้คน บางที พวกคนเหล่านี้หลงลืมไปด้วยซ้ำว่า ว

โป๊ปฟรังซิสอนุมัติแต่งตั้งนักบุญใหม่ โดยเป็นนักบุญองค์แรกของศรีลังกา

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงอนุมัติให้มีการแต่งตั้ง "บุญราศี โจเซฟ วาซ" สงฆ์ชาวอินเดีย แต่ไปแพร่ธรรมที่ศรีลังกา เป็นนักบุญแล้ว เท่ากับว่า ท่านจะเป็นนักบุญองค์แรกของศรีลังกาด้วย ส่วนวันสถาปนานักบุญใหม่ คาดว่า พระสันตะปาปาจะสถาปนาระหว่างการเยือนศรีลังกา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงลงพระนามอนุมัติแต่งตั้งการเป็นนักบุญของบุญราศีต่อไปนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 1) บุญราศี โจเซฟ วาซ สงฆ์ชาวอินเดีย แต่ไปแพร่ธรรมที่ศรีลังกา ทั้งนี้ พระสันตะปาปาทรง "ยกเว้น" อัศจรรย์ที่สองสำหรับกระบวนการพิจารณาเป็นนักบุญของบุญราศี โจเซฟ วาซ และทำให้ท่านจะเป็นนักบุญ "องค์แรก" ของศรีลังกาด้วย 2) บุญราศี มารีอา คริสติน่า ซิสเตอร์ชาวแคนาดา ทั้งนี้ พระสันตะปาปายังไม่ได้ประกาศวันสถาปนานักบุญใหม่ทั้งสอง แต่คาดว่า กรณีของ "บุญราศี โจเซฟ วาซ" พระสันตะปาปาน่าจะถวายมิสซาสถาปนานักบุญ ระหว่างการเยือนศรีลังการ ช่วงวันที่ 12-15 มกราคม 2015 Read More: Vatican Radio

โป๊ปฟรังซิสเชิญ "ปธน.จีน" หารือเรื่องสันติภาพ โดยจะเป็นที่วาติกันหรือจีนก็ได้

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงส่งจดหมายเชิญ "สี จิ้นผิง" ประธานาธิบดีจีน มาร่วมหารือกับพระองค์ โดยจะเป็นที่วาติกันหรือจีนก็ได้ โดยพระสันตะปาปาทรงระบุว่า ต้องการจะพูดคุนเกี่ยวกับการสร้างสันติภาพในโลกที่มีแต่ความขัดแย้งในทุกวันนี้ ทั้งนี้ ตามรายงานจาก "วาติกัน อินไซเดอร์" อย่างไรก็ตาม วาติกันไม่ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ แต่ก็ไม่ได้ออกมายืนยันด้วย Read More: Vatican Insider

โป๊ปฟรังซิส: "คนที่เป็นคาทอลิกต้องประกาศพระวรสาร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน คนที่เป็นคาทอลิกต้องประกาศพระวรสาร เพราะธรรมชาติของพระศาสนจักรคือการประกาศพระวรสารให้กับทุกคน นี่คือสิ่งที่เราได้รับในวันที่พระจิตเสด็จลงมา พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ อย่าลืมหาพระวรสารเล่มเล็กๆ พกติดตัวตลอดเวลา เพื่อที่จะได้หยิบขึ้นมาอ่านและรำพึงได้ทุกเมื่อ ช่วงสายวันพุธที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 50,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนเกี่ยวกับ "ความเป็นสากล" ของพระศาสนจักรคาทอลิก พระสันตะปาปา ตรัสว่า "คำว่า คาทอลิก หมายถึงความเป็นสากล บางสิ่งที่พระศาสนจักรแสดงออกผ่านทางการพูดในทุกภาษา ล้วนเป็นผลจากวันที่พระจิตเสด็จลงมา พระจิตมอบพระพรแห่งการประกาศข่าวดีแห่งความรอดของพระเจ้าให้บรรดาอัครสาวกและพระศาสนจักรสากล เช่นเดียวกับมอบความรักไปจนสิ้นพิภพ "ธรรมชาติของพระศาสนจักรคือการประกาศพระวรสาร พระศาสนจักรถูกเรียกมาเพื่อประกาศพระวรสารให้กับทุกคน และแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนของพระเจ้าและฤทธานุภาพของพระองค์

โป๊ปฟรังซิส: "คนที่เทศน์น่าฟัง แต่ไม่ใกล้ชิดสัตบุรุษ บทเทศน์ก็ไร้ค่า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน นักเทศน์ที่พูดสอนด้วยภาษาสวยๆ แต่ไม่อยู่ใกล้ชิดสัตบุรุษ ถือเป็นนักเทศน์สอบตกและบทเทศน์ของเขาก็ไร้ค่า และจะกลายเป็นความยะโสโอหังด้วยซ้ำ ทรงชี้ ผู้ประกาศพระวรสารต้องใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจประชากรของพระเจ้า เหมือนที่พระเยซูทรงแสดงให้เห็น ช่วงเช้าวันอังคารที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำมิสซานี้ พระเยซูทรงเสด็จไปเมืองนาอิน และทรงเห็นหญิงม่ายร้องไห้เศร้าโศก เพราะบุตรชายของเธอเสียชีวิต พระเยซูทรงสงสาร จึงทรงปลุกคนตายให้กลับเป็นขึ้นมา (ลูกา 7:11-17) พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "พระเยซูไม่ได้ทำอัศจรรย์ปลุกลูกของหญิงม่ายให้กลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง พระองค์ทรงทำมากกว่านั้น พระองค์ทรงร่วมเป็นทุกข์ไปกับเธอ ประชาชนที่ได้เห็นจึงพูดกันว่า 'พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมประชากรของพระองค์' เมื่อพระเจ้าเสด็จมาเยี่ยม มันมีบางสิ่งที่มากกว่านั้น มันมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น มันหมายถึงการประทับอยู่ของพระองค์ พระเยซูทรงอยู่ใกล้ชิดกับเรา "พระเยซูทรงใกล้ชิดกับประ

โป๊ปฟรังซิส: "จงเรียนรู้จากแม่พระ ผู้เรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ขอให้เราเรียนรู้การเป็นคริสตชนจากแม่พระ ผู้เรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน เหมือนอย่างพระเยซูทรงแสดงให้เห็น ทรงสอน อย่าทำตัวเหมือนอาดัมที่ไม่นบนอบเชื่อฟังพระเจ้า ทรงชี้ แม่พระและพระศาสนจักรคือมารดาของคริสตชน ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสวันระลึกถึงแม่พระระทมทุกข์ บทอ่านประจำมิสซานี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู ท่านเน้นย้ำ 3 สิ่งได้แก่ พระเยซูทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน (ฮีบรู 5:7-9) ส่วนพระวรสารวันนี้ตามคำบอกเล่าของนักบุญจอห์น เป็นเหตุการณ์ที่แม่พระทรงยืนแทบเชิงกางเขน และพระเยซูทรงมอบนักบุญจอห์นให้เป็นลูกของท่าน พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันบทอ่านเป็นอันดับแรกว่า "สิ่งที่พระเยซูทรงทำ นั่นคือ การเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาดัมบรรพบุรุษของเรา อาดัมไม่ได้ต้องการที่จะเรียนรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกเลย อาดัมไม่ต้องการความทรมานและไม่เชื่อฟังพระเจ้า ในทางกลับ

โป๊ปฟรังซิส: "การแต่งงานคือการช่วยให้ชายหญิงเป็นคนสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ การแต่งงานคือการที่ชายและหญิงช่วยกันให้ต่างฝ่ายได้เป็นคนที่ครบครันมากยิ่งขึ้น การแต่งงานคือการพึ่งพาอาศัยกันบนความแตกต่าง ทรงเปรียบ สามีภรรยาในยุคนี้หมดความอดทนต่อกันง่ายมาก เหมือนกับประชากรที่โมเสสพาออกจากอียิปต์ที่หมดความอดทนกับพระเจ้า ตอนท้าย ทรงชวนภาวนาเพื่อคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนเพราะความเชื่อในไม้กางเขน  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาฉลองเทิดทูนไม้กางเขนและยังเป็นมิสซาสมรสหมู่ให้กับ 20 คู่สมรสด้วย พิธีนี้ จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน จากนั้น พระองค์ยังทรงนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "ในบทอ่านแรกบอกเราถึงการเดินทางของชาวอิสราเอลออกจากถิ่นทุรกันดาร พวกเราสามารถจินตนาการถึงการเดินทางครั้งนี้ที่นำทางโดยโมเสส ประชาชนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก ลูกชาย หรือลูกสาว รวมถึงผู้สูงอายุ ต่างดิ้นรนเพื่อจะหนีจากถิ่นทุรกันดาร ประชาชนเหล่านี้เตือนใจเราว่า พระศาสนจักรสามารถข้ามทะเลทรายของโลกอันร่วมสมัยนี้ได้ ประชากร

โป๊ปฟรังซิส: "เลิกซะกับนิสัย 'แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ' เวลาเห็นคนอื่นทุกข์ยาก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงหวังเห็นคริสตชนรู้จักเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ เวลามีสงครามหรือความทุกข์ยากเกิดขึ้น ไม่ใช่คิดง่ายๆแค่ว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ" เพราะความคิดแบบนั้นมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระเยซูสอน ทรงชี้ คนที่เห็นคนอื่นทุกข์ยากแล้วคิดว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ" พวกนี้จะไม่ได้เข้าสวรรค์ ช่วงสายวันเสาร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปถวายมิสซา ณ สุสานออสโตร-ฮังกาเรียน เมืองโฟญาโน่ ดิ เรดิปูเญีย ทางตอนเหนือของอิตาลี โดยวันนี้ พระสันตะปาปาเสด็จไปภาวนาและถวายมิสซาโอกาสการรำลึกการครบ 100 ปีของการเริ่มต้นสงครามโลก ครั้งที่ 1 ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "สงครามคือความคลุ้มคลั่งวิกลจริต พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งและเชิญมนุษย์ทุกคนให้มีส่วนร่วม แต่สงครามทำลายทุกอย่างที่พระเจ้าสร้าง สงครามยังนำความพินาศมาสู่สิ่งสร้างที่งดงามที่สุดซึ่งก็คือมนุษย์ สงครามทำลายทุกสิ่ง ทำลายพันธะความเป็นพี่น้องกัน สงครามเป็นสิ่งไม่มีเหตุผล แผนการของสงครามคือนำการทำลายล้างมาให้เราเท่านั้น สงครามแผ่ขยายด