Posts

Showing posts from April, 2014

โป๊ปฟรังซิส: "นักบุญจอห์นที่ 23 และ จอห์น ปอล ที่ 2 จะเฝ้าดูและให้กำลังใจเราตลอด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ นักบุญจอห์น ที่ 23 และ นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 จะมองดูและให้กำลังใจพวกเราทุกครอบครัวตลอดไป โดยทรงยกย่อง นักบุญจอห์น ที่ 23 เป็นคนที่ยอมให้พระจิตนำทางตลอดและมีส่วนสำคัญในการทำให้พระศาสนจักรเติบโตผ่านสังคายนาวาติกัน ที่ 2 ส่วนนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 เป็นพระสันตะปาปาแห่งครอบครัว และพระองค์ก็เป็นประจักษ์พยานถึงพระเมตตาของพระเจ้า ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสถาปนานักบุญจอห์น ที่ 23 และ นักบุญ จอห์น ปอล ที่ 2 ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมยินดีนับล้านคน หนึ่งในความพิเศษของมิสซานี้คือ สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงมาร่วมพิธีด้วย ทำให้มิสซาดูยิ่งใหญ่เพราะมีพระสันตะปาปาถึง 4 องค์ สำหรับพิธีมิสซาในวันนี้ เริ่มด้วย พระคาร์ดินัล อันเจโล่ อมาโต้ ประธานสมณกระทรวงประกาศการเป็นนักบุญอ่านคำร้องขอให้พระสันตะปาปาทรงประกาศสถาปนานักบุญใหม่ทั้งสอง จากนั้น เป็นการเชิญพระธาตุของนักบุญใหม่ทั้ง 2 องค์ โดยพระธาตุของนักบุญจอห์น ที่ 23 เป็นเนื้อผิวหนังของพร

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าเป็นคริสตชนค้างคาวเด็ดขาด"

Image
สรุปบทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประจำวันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2014 ... วันนี้ พระสันตะปาปาถวาย 2 มิสซา ดังนี้ มิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา - คริสตชนมีโรคประจำตัวคือกลัวความชื่นชมยินดี พวกเรากลัวความชื่นชมยินดีมากๆ เราชอบคิดกันเองว่า "ใช่ พระเจ้ามีจริง พระเยซูกลับเป็นขึ้นมาจากความตาย แต่เรากลัวและไม่อยากเข้าใกล้พระเยซู เพราะพระองค์ให้ความชื่นชมยินดีกับเรา" - มีคริสตชนจำนวนมากชอบเป็นคริสตชนไว้ทุกข์งานศพ ใช่ไหม เราเป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่า คนพวกนี้ชอบความทุกข์มากกว่าความสุข ชอบหลบอยู่ในหลืบเงา ไม่ชอบความชื่นชมยินดีจากพระเจ้า - คริสตชนพวกนี้ชอบทำตัวเหมือนสัตว์ที่ออกมาในเวลากลางคืน ไม่ชอบความสว่างเวลากลางวัน พวกนี้เหมือนพวกค้างคาว - ถ้าจะพูดแบบตลกๆคือยังมีพวก "คริสตชนค้างคาว" ที่ชอบอยู่ในเงามืด มากกว่าจะอยู่ในความสว่างจากความชื่นชมยินดีของพระเจ้า มิสซาฉลองนักบุญใหม่ "นักบุญโชเซ่ เด อันเคียต้า" (สงฆ์เยสุอิต) ซึ่งจัดที่วัดนักบุญอิ๊กญาซีโอ กรุงโรม พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า - พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้เติบโตด้วยการ "บังคับให้คนอื่นเปลี่ยนศาสนา&q

Live from Vatican: สรุปการแถลงข่าวการสถาปนานักบุญใหม่ (24 เม.ย. 2014)

Image
วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2014) วาติกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการสถาปนานักบุญใหม่ ซึ่งรายละเอียด มีดังนี้ - วันฉลองนักบุญจอห์น ที่ 23 จะเป็นวันที่ 11 ตุลาคม (วันเปิดสังคายนาวาติกัน ที่ 2) ส่วนวันฉลองนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 จะเป็นวันที่ 22 ตุลาคม (วันเริ่มต้นสมณสมัย) - พระธาตุในวันสถาปนานักบุญใหม่ทั้งสอง มีรายละเอียดดังนี้ ... นักบุญจอห์น ที่ 23 จะเป็น "ชิ้นเนื้อ" ส่วนของนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 จะเป็น "เลือด"  - วาติกันส่งจดหมายเชิญสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ให้มาร่วมถวายมิสซาด้วย แต่ยังไม่มีการตอบกลับมาว่า พระองค์จะมาหรือไม่ ... วาติกันบอกว่า ถ้าพระสันตะปาปากิตติคุณมาร่วมงาน มันจะเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก เพราะ 4 พระสันตะปาปาอยู่ในงานเดียว - ในมิสซาสถาปนานักบุญใหม่วันอาทิตย์นี้ บทภาวนาจะมีการเอ่ยนามนักบุญใหม่ "จอห์น ที่ 23 และ จอห์น ปอล ที่ 2" ในพิธีนี้เลย - ในมิสซาสถาปนานักบุญใหม่วันอาทิตย์นี้ พิธีจะเริ่มด้วย พระคาร์ดินัล อันเจโล่ อมาโต้ ประธานสมณกระทรวงประกาศการเป็นนักบุญ จะทูลถามพระสันตะปาปา 3 ครั้ง เพื่อขอให้พระองค์สถาปนานักบุญใหม่ จอห์น ที

วาติกันไม่ยืนยันข่าวที่โป๊ปอนุญาตให้คู่สมรสหย่าร้างรับศีลมหาสนิทได้ว่าจริงหรือไม่

Image
ไม่กี่วันมานี้ หลายท่านน่าจะได้อ่านข่าวที่มีการรายงานว่า "พระสันตะปาปา ฟรังซิส โทรหาสตรีชาวอาร์เจนไตน์ที่หย่าร้างกับสามีและถูกพระสงฆ์ปฏิเสธจะส่งศีลมหาสนิทให้ เธอจึงเขียนจดหมายร้องทุกข์มาหาพระสันตะปาปา และเธอบอกว่า พระสันตะปาปาบอกให้เธอไปรับศีลมหาสนิทได้" ข่าวนี้ ดังไปทั่วโลก เพราะสำนักข่าวรายงานแบบฟันธงว่า พระสันตะปาปาอนุญาตให้คู่สมรสที่หย่าร้างมารับศีลมหาสนิทได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆของพระศาสนจักร ล่าสุด วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 24 เมษายน) คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าววาติกัน แถลงว่า "ข่าวนี้ ไม่ยืนยันว่าจริงหรือไม่ และมันอาจมาจากการตีความจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ... อย่างไรก็ตาม คำสอนของพระศาสนจักรยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้อย่างแน่นอน" Read More: Vatican Radio

โป๊ปฟรังซิส: "ขอให้ความหวังปาสกานำสันติมาสู่โลกและช่วยเราห่วงใยพี่น้องผู้ยากไร้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงวอนขอให้การกลับคืนชีพของพระเยซู ช่วยให้ความขัดแย้งในทุกภาคส่วนของโลกยุติลงโดยเร็ว ทรงหวังเห็นคริสตชนเอาใจใส่ผู้ยากไร้ ผู้ป่วย และคนชรา เฉพาะอย่างยิ่ง พี่น้องที่เป็นเหยื่อสงครามในอิรัก, ซีเรีย และยูเครน ทรงเชิญชวนให้ภาวนาเป็นพิเศษให้กับคริสตชนที่ไม่สามารถฉลองปาสกาได้ เพราะถูกเบียดเบียนด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชปาสกาและการประทานพร "อูร์บิ เอ็ด ออร์บิ" (แด่โรมและโลก) ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 300,000 คน สำหรับมิสซานี้ พระสันตะปาปาไม่ได้เทศน์สอน โดยหลังจากพระวรสารจบลง พระองค์ทรงให้พี่น้องคริสตชนจารีตไบเซนไทน์ มาร้องเพลงภาษากรีกถวายแด่พระเจ้า และหลังจากมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงขึ้นไปยังระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อประทานพร "อูร์บิ เอ็ด ออร์บิ" โดยก่อนการประทานพร พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับสัตบุรุษที่อยู่หน้าลานมหาวิหาร และติดตามชมการถ่ายทอดจากทั่วโลก ใจความว่า: - พระศาสนจักรทั่วโลกต่างเปล่งเสียงก

โป๊ปฟรังซิส: "ถามตัวเองว่า กาลิลีสำหรับเราคืออะไรและอยู่ที่ไหน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแนะ เราต้องถามตัวเองว่า "กาลิลีของเราคืออะไรและอยู่ที่ไหน" เพราะทะเลสาบกาลิลีคือ "รักแรก" ที่พระเยซูทรงเรียกศิษย์กลุ่มแรกให้ติดตามพระองค์ และเมื่อกลับคืนชีพจากความตาย พระเยซูก็สั่งให้ศิษย์ไปรอพระองค์อยู่ที่นั่น เพื่อจะได้เป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนชีพ ดังนั้น เราก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ด้วยว่า กาลิลีของเราอยู่ที่ไหน และเราเดินถอยห่างออกมาจากกาลิลีซึ่งเป็นรักแรกหรือเปล่า ช่วงดึกวันเสาร์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการตื่นเฝ้าปาสกา เสกน้ำ, เสกไฟ, โปรดศีลล้างบาปและศีลกำลังให้กับคาทอลิกใหม่ด้วย พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับคาทอลิกใหม่ที่มารับศีลล้างบาป มีจำนวน 10 คน แบ่งเป็นชาวอิตาเลียน 5 คน, เวียดนาม 1 คน, เบลารุส 1 คน, เซเนกัล 1 คน, ฝรั่งเศส 1 คน และ เลบานอน 1 คน โดยคนที่อายุน้อยที่สุดเป็นเด็กชายชาวอิตาเลียน อายุ 7 ขวบ ขณะที่อายุมากสุดคือชาวเวียดนาม อายุ 58 ปี ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า: - พี่น้องที่รัก หลังจากพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ บรรดาสาวกต่า

โป๊ปฟรังซิส: "พระเยซูทรงมอบมรดกการเป็นผู้รับใช้ให้เรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ การที่พระเยซูทรงถ่อมพระองค์ลงเป็นผู้รับใช้และล้างเท้าบรรดาสาวก เปรียบเหมือน "มรดก" ที่พระองค์ทรงมอบไว้ให้เรา ดังนั้น เราต้องรับมรดกนี้และตั้งมั่นเป็นผู้รับใช้เพื่อนพี่น้องด้วยความรักจากใจ พร้อมกันนี้ พระสันตะปาปาทรงล้างเท้าสัตบุรษ 12 คน แบ่งเป็น ชาย 8 คน, หญิง 4 คน จำนวนนี้มีชายชาวมุสลิม 1 คนรวมอยู่ด้วย  ช่วงเย็นวันพฤหัสที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประทับรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า สีน้ำเงินซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่ง เพื่อไปถวายมิสซาระลึกพระเยซูทรงตั้งศีลมหาสนิท ณ โคเอน่า โดมินี (ศูนย์อภิบาลของคุณพ่อย็อคคี่) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงล้างเท้าให้ผู้พิการและผู้สูงอายุ 12 คน แบ่งเป็น ชาย 8 คน, หญิง 4 คน ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนแบบสั้นๆ ใจความว่า: - เราได้ยินได้ฟังสิ่งที่พระเยซูทรงทำในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกันไปแล้ว นี่คือเครื่องหมายของการอำลา พระองค์คือพระเจ้าและทรงทำให้ตัวเองเป็นผู้รับใช้ ผู้รับใช้ของเราทุกคน - การที่พระเจ้าทรงถ่อมพระองค์ลงมาเป็นผู้ร

โป๊ปฟรังซิส: "ศรัทธาจากสัตบุรุษจะช่วยปกป้องความสุขของการเป็นสงฆ์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ความศรัทธาจากสัตบุรุษจะช่วยปกป้องความสุขของการเป็นสงฆ์ให้คงอยู่ และความชื่นชมยินดีของการเป็นสงฆ์จะเกิดเมื่อเราอยู่ท่ามกลางฝูงแกะของพระเจ้าเท่านั้น ทรงย้ำ 3 สิ่งที่เกื้อกูลความชื่นชมยินดีของการเป็นสงฆ์ คือ ความยากจน ความซื่อสัตย์ และความนบนอบ ทรงสอน สงฆ์พระคริสต์ต้องรู้จักหักห้ามใจ ซื่อสัตย์ต่อพระศาสนจักร ต้องพร้อมและว่างเสมอที่จะรับใช้สัตบุรุษอย่างสุดความสามารถ  ช่วงเช้าวันพฤหัสที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ เสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และรื้อฟื้นคำมั่นสัญญาของการเป็นสงฆ์ พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนบรรดาพระสงฆ์ใจความว่า: - พระเจ้าทรงเจิมเราในพระคริสตเจ้าด้วยน้ำมันแห่งความปิติยินดี และการเจิมนี้ได้เชิญเราให้น้อมรับและตระหนักถึงคุณค่าแห่งของขวัญล้ำค่า นั่นคือ ความยินดีและความสุขของการได้เป็นสงฆ์ วันนี้ พ่ออยากเตือนใจพวกเราพระสงฆ์เกี่ยวกับความชื่นชมยินดีของการเป็นสงฆ์ ความชื่นชมยินดีที่เจิมเรา มันเป็นความชื่นชมยินดีที่ไม่มีวันสิ้นสุด และเ

โป๊ปฟรังซิส: "ขอให้เราเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาอย่างถึงที่สุด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ขอให้เราดำเนินชีวิตตามแบบพระเยซูที่ทรงเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาอย่างถึงที่สุด เฉพาะอย่างยิ่ง เชื่อฟังพระบิดาในตอนที่ถูกเหยียดหยาม ทรงชี้ พระมหาทรมานของพระเยซูคือจุดสูงสุดของการเผยแสดงความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระบิดา และเป็นจุดสูงสุดของบทสอนเรื่องความเชื่อของพระเยซู ช่วงสายวันพุธที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 75,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารที่เราได้ฟังไปเมื่อครู่นี้เป็นเหตุการณ์ที่จูดาสทรยศพระเยซู เหตุการณ์นี้นำไปสู่การสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนม์ชีพ ความรักทั้งหมดของพระเยซูทรงมีนั้น ก็เพื่อเราทุกคน พระเยซูทรงเดินบนถนนแห่งการดูหมิ่นเหยียดหยามและถูกทอดทิ้ง ก็เพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากบาป - นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า "พระเยซูทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ... และทรงถ่อมพระองค์ลงถึงกับทรงยอมรับความตายบนไม้กางเขน" (ฟิลิปปี 2:7-8) ตามที่เราได้ไตร่ตรองพระมหาทรมานของพระเยซู เราสามารถไตร่ตรองความทุ

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าเณรคาทอลิกคิดว่าเป็นนายชุมพาบาลที่ดีไม่ได้ จงเลือกเดินบนถนนเส้นอื่นจะดีกว่า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติบรรดาเณรคาทอลิก การเป็นเณรหรือเป็นสงฆ์คาทอลิก เราต้องอย่าเป็นเพราะหน้าที่ แต่ต้องเป็น "นายชุมพาบาลตัวจริง" ให้เหมือนกับพระเยซู ทรงแนะ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้จริงๆ จงเลือกออกจากถนนสายนี้จะดีกว่า เพราะการทำงานให้พระเจ้า ยังมีถนนศักดิ์สิทธิ์อีกหลายสายให้เลือกเดิน ทรงย้ำ ประกาศกเคยกล่าวไว้ "วิบัติจงมีแก่ผู้เลี้ยงแกะที่ให้อาหารตัวเองแต่ไม่ให้อาหารแกะของตัวเอง" ขอให้ "วิบัติ" นี้ทำให้เณรคาทอลิกคิดถึงอนาคตตัวเองแบบจริงๆจังว่าจะเลือกเดินทางไหนกันแน่ ช่วงสายวันจันทร์ที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาผู้เข้ารับการอบรมเป็นสงฆ์คาทอลิกแห่งสถาบันอนานญี่ (Anangni) ที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน โดยสถาบันการศึกษานี้เป็นของสามเณราลัยของสังฆมณฑลรอบๆกรุงโรม ซึ่งก่อตั้งโดย สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 ในค.ศ.1897 ในส่วนของพระดำรัสเทศน์สอน พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า: - พ่ออยากพูดถึงความสำคัญของรูปแบบการอบรมบรรดาเณรในสามเณราลัย มันต้องเป็นบรรยากาศของการภาวนาและความเป็นพี่น้องกัน บรรยากาศเช่นนี้ จะทำ

โป๊ปฟรังซิส: "เราเป็นใครในเหตุการณ์พระมหาทรมาน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงตั้งคำถาม "เราเป็นใครในกลุ่มคนที่มีส่วนกับเหตุการณ์พระมหาทรมานของพระเยซู" เราต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ เพราะคำถามนี้จะอยู่กับเราไปตลอดสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันนี้ ทรงประกาศชัดเจน "นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2" จะเป็นองค์อุปถัมภ์งานเยาวชนโลก และทรงยืนยัน จะเสด็จไปร่วมงานเยาวชนเอเชียที่เกาหลีใต้อย่างแน่นอน  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีเสกและแห่ใบลาน จากนั้น ถวายมิสซาอาทิตย์พระมหาทรมาน และยังเป็นวันเยาวชนโลก ซึ่งมีการส่งมอบไม้กางเขนเยาวชนโลกจากบราซิลไปยังอัครสังฆมณฑลคราครูฟ ประเทศโปแลนด์ ด้วย มิสซานี้ มีสัตบุรุษมาร่วมกว่า 100,000 คน สำหรับรายละเอียดของมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงใช้ไม้เท้าอันใหม่ โดยเป็นไม้เท้าใหม่ที่ทำจาก "ไม้" โดย "ผู้ต้องขังในเรือนจำ ซาน เรโม่" ทำถวายพระสันตะปาปา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนแบบสดๆ โดยตัดสินใจไม่อ่านจากกระดาษที่เตรียมบทเทศน์ พระดำรัสสอน มีใจความว่า: - พระมหาทรมานวันนี้ เราได้ฟังแล้วว่า มีผู้คนมาก

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อขอโทษบรรดาเหยื่อที่ถูกสงฆ์คาทอลิกล่วงละเมิดทางเพศ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงกล่าวขอโทษเป็นการส่วนตัวไปยังเหยื่อของสงฆ์คาทอลิกล่วงละเมิดทางเพศ ทรงยอมรับ นี่คือความเสียหายทางศีลธรรมซึ่งเกิดจากคนของพระศาสนจักรเอง  ช่วงสายวันศุกร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกสำนักงานเด็กและเยาวชนคาทอลิกนานาชาติ (BICE) ที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน หน่วยงานนี้ เป็นหน่วยงานคาทอลิกเอ็นจีโอที่ทำงานเพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของเด็กๆทั่วโลก อาทิ ปกป้องเด็กจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในส่วนพระดำรัสนั้น พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า "พ่อขออยากขอโทษเป็นการส่วนตัวต่อความเสียหายที่ผู้ถูกสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศทำร้าย สงฆ์เหล่านี้เป็นคนส่วนน้อย และไม่สามารถเทียบกับสงฆ์ดีๆส่วนมากได้เลย ... พระศาสนจักรทราบดีถึงความเสียหายนี้ มันเป็นความเสียหายต่อตัวบุคคลและเป็นความเสียหายทางศีลธรรมซึ่งเกิดจากคนของพระศาสนจักร" พร้อมกันนี้ พระสันตะปาปายังกล่าวถึงวิธีการสอนลูกๆของตนให้เจริญเติบโตอย่างถูกต้อง โดยตรัสว่า "มันเป็นสิทธิของเด็กทุกคนที่จะเจริญเติบโตในครอบครัวกับพ่อแม่ของตน และมีความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เ

โป๊ปฟรังซิส: "แม้ในศตวรรษที่ 21 ปีศาจก็ยังคงมีอยู่จริง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ปีศาจไม่ใช่เรื่องที่พูดกันสมัยโบราณ แต่ในศตวรรษที่ 21 นี้ ปีศาจยังมีอยู่จริงและมันยังล่อลวงเราในชีวิตประจำวัน ทรงอธิบาย ปีศาจไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าเราปฏิเสธมันครั้งแรก มันจะไปล่อลวงเพื่อนไปจนถึงศัตรูของเรา ดังที่พระเยซูยังเคยถูกซาตานดูถูกว่า "เขาคนนี้ไม่ใช่บุตรของโยเซฟ ผู้เป็นช่างไม้ กับนางมารีอาเหรอ เขาไม่เคยศึกษาเรื่องนี้ เขามีอำนาจที่จะพูดเรื่องนี้เหรอ" ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก ในชีวิตของคริสตชนทุกคนนั้น เราต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับปีศาจเหมือนอย่างที่พระเยซูทรงทำตลอดชีวิตของพระองค์  ใครก็ตามที่คิดจะติดตามพระเยซูต้องรับรู้ถึงความจริงในข้อนี้นะ - พวกเราก็เช่นกัน เราถูกประจญล่อลวง เราตกเป็นเป้าโจมตีของปีศาจ เพราะจิตของปีศาจไม่ต้องการความศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจไม่ต้องการการเป็นประจักษ์พยานของคริสตชน ปีศาจไม่ต้องการให้เราเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู สิ่งที่จิตของปีศาจทำโดยผ่านทางการ

ภาพประทับใจ - Pope and Black Pope

Image
ภาพประทับใจในการพบกันอีกครั้งของ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส กับ "คุณพ่ออดอลโฟ่ นิโกลาส" อธิการเจ้าคณะเยสุอิต (อธิการเยสุอิตจะได้รับการเรียกขานว่า "Black Pope" แต่ชาวเยสุอิต ไม่เคยใช้คำนี้เรียก คนภายนอกจะเรียกกัน) การพบกันนี้ เกิดระหว่างที่พระสันตะปาปาทรงต้อนรับอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกรโกเรี่ยน, สถาบันพระคัมภีร์ และสถาบันพระศาสนจักรตะวันออก ที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน

โป๊ปฟรังซิส: "นักเทวศาสตร์ที่ไม่สวดภาวนามักเป็นพวกหลงตัวเองแบบน่ารังเกียจ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือนสติอาจารย์และนักศึกษาของสถาบันในสันตะสำนักว่า นักเทวศาสตร์ที่ไม่สวดภาวนาและไม่สรรเสริญพระเจ้า มักจะพบจุดจบด้วยการหลงตัวเองอย่างน่ารังเกียจ อาการแบบนี้คือความเจ็บป่วยที่พระศาสนจักรต้องประสบ ทรงย้ำ มหาวิทยาลัยของพระศาสนจักรไม่ใช่ "เครื่องจักร" ผลิตนักเทวศาสตร์และนักปรัชญา แต่นี่คือสังคมที่เติบโตแบบครอบครัว ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงต้อนรับอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกรโกเรี่ยน, สถาบันพระคัมภีร์ และสถาบันพระศาสนจักรตะวันออก ที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยหนึ่งในผู้มาเข้าเฝ้า ได้แก่ "คุณพ่ออดอลโฟ่ นิโกลาส" อธิการเจ้าคณะเยสุอิต ซึ่งพระสันตะปาปาทรงทักทายคุณพ่อนิโกลาสแบบกันเอง ในฐานะที่พระองค์เป็นเยสุอิตด้วย ในส่วนพระดำรัส พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า: - สิ่งแรกที่พ่ออยากเน้นย้ำคือขอให้ทั้งอาจารย์และนักศึกษาคิดถึงการอุทิศตนของตัวเอง ทั้งในเรื่องตัวบุคคลและสถาบัน ขอเน้นย้ำในเรื่องการเห็นคุณค่าของทุกๆที่ที่ท่านพบตัวเองกำลังทำงานหรือศึกษาเล่าเรียน ... สถาบันการศึกษาในกรุงโ

โป๊ปย้ำขบวนการค้ามนุษย์คือการเปิดบาดแผลให้กับสังคม

Image
ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จไปร่วมการสัมมนาเรื่องการต่อสู้กับขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งอังกฤษและเวลส์ (ไม่บ่อยนักที่พระสันตะปาปาจะมาร่วมงานสัมมนาแบบนี้) โอกาสนี้ พระองค์ตรัสกับผู้ร่วมสัมมนาว่า "การค้ามนุษย์คือการเปิดบาดแผลร่างกายให้กับสังคมและพระวรการของพระเยซูคริสต์ นี่คืออาชญากรรมทำร้ายมนุษยชาติ "พระศาสนจักรมีหน้าที่รับผิดชอบในทุกขั้นตอนที่จะสู้กับขบวนการนี้ เมื่อเราเห็นเด็กชายหรือหญิงที่ถูกขายเพื่อแลกกับเงิน เพียงเพราะเชื่อว่าเงินจะทำให้ชีวิตดีขึ้น เราจำเป็นต้องเริ่มสอนพวกเขาให้รู้ว่า เสรีภาพแท้จริงคืออะไรกันแน่ ความสุขแท้จริงคืออะไร และความหมายแท้จริงของชีวิตคืออะไร" Read More: Vatican Radio

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าเป็นเผด็จการทางความคิดเหมือนพวกฟาริสี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ คริสตชนต้องอย่าตกเป็นเหยื่อเผด็จการทางความคิดแคบๆแบบพวกฟาริสี ซึ่งพยายามบังคับให้คนอื่นต้องเดินตามแนวทางของตนเอง ทรงชี้ เผด็จการทางความคิดคือประตูปิดตายไม่เปิดรับการเสวนา และเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความดื้อด้านด้วย ทรงสอน เวลาเจอพวกเผด็จการทางความคิด จงรับมือด้วยความสุภาพและสวดภาวนา เพื่อพระเจ้าจะมอบเสรีภาพแห่งการเปิดใจให้กับเขา ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านวันนี้จากหนังสือปฐมกาล พระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมว่า เขาจะเป็นบิดาของชนหลายชาติ แต่อับราฮัมและลูกหลานจะต้องรักษาพันธสัญญาของพระเจ้าไว้ตลอด ส่วนพระวรสารวันนี้ พวกฟาริสีหาทางจะเอาหินขว้างพระเยซู เพราะพระองค์ทรงตำหนิพวกเขาว่าไม่รู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง คิดแค่ว่า การรักษาธรรมบัญญัติก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวเองรู้จักพระเจ้าแล้ว - พวกฟาริสีปิดใจและความคิดของตัวเองในการรับสิ่งใหม่ๆ พวกเขาไม่เข้าใจหนทางของความหวัง นี่คือดราม่าของพวกหั

การ์ดอวยพรปาสกาจากพระสันตะปาปา ฟรังซิส

Image
เพื่อนนักข่าวสายวาติกันส่งการ์ดอวยพรปาสกาของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มาแบ่งปัน PopeReport ปีนี้ พระสันตะปาปาเลือกคำอวยพรว่า "พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว มาซิ มาดูเถิด" (Christus surrexit, venite et videte!)

โป๊ปฟรังซิส: "ปรีชาญาณของพระเจ้าช่วยเราแยกแยะดีชั่วออกจากกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน พระคุณของพระจิตที่ว่าด้วยปรีชาญาณ จะช่วยเราให้ฉลาดหลักแหลมและมองโลกตามแบบสายพระเนตรของพระเจ้า แต่ความฉลาดหลักแหลมนี้ไม่ใช่การตอบคำถามได้ทุกเรื่อง และรู้ทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่นี่คือความฉลาดที่รู้ว่าสิ่งใดมาจากพระเจ้าและไม่ได้มาจากพระเจ้าต่างหาก ช่วงสายวันพุธที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 70,000 คน ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้อง วันนี้้พ่อจะเริ่มสอนคำสอนในหัวข้อพระคุณ 7 ประการของพระจิต พระจิตคือจิตวิญญาณ, เลือดเนื้อเชื้อไขของพระศาสนจักรและของคริสตชนทุกคน พระจิตคือความรักของพระเจ้าผู้ทรงทำให้จิตใจเราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พระจิตอยู่กับเราเสมอและอยู่ในจิตใจของเราด้วย - พระคุณของพระจิตมี 7 ประการ เราได้เรียนเรื่องพวกนี้ตอนที่เราเตรียมรับศีลกำลัง และสิ่งที่พ่ออยากแบ่งปันนั้น ได้แก่ "ปรีชาญาณ" - พระคุณแรกของพระจิต ไล่เรียงตามลำดับที่เรายึดถือกันมา นั่นคือ ปรีชาญาณ (หรือ "พระดำริ"

โป๊ปจะถวายมิสซาพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านพักผู้พิการ

Image
วาติกันแถลงอย่างเป็นทางการ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส จะถวายมิสซาวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ ระลึกพระเยซูทรงตั้งศีลมหาสนิทและล้างเท้าสาวกที่ "โคเอนา โดมินี่" (บ้านพักผู้พิการในกรุงโรม) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิคุณพ่อคาร์โล ย็อคคี่ หากยังจำกันได้ ปีที่แล้ว พระสันตะปาปาทรงถวายมิสซาในเรือนจำผู้ต้องขังเยาวชน Read More: Vatican Radio

โป๊ปฟรังซิส: "ไม้กางเขนไม่ใช่เครื่องประดับ แต่เป็นธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ถ้าไม่มีไม้กางเขน ก็ไม่มีศาสนาคริสต์ ทรงเตือนสติ ไม้กางเขนไม่ใช่เครื่องประดับที่เราต้องมีติดตัวเวลาไปร่วมมิสซา ไม้กางเขนไม่ใช่เครื่องหมายที่แยกเราออกจากคนที่ไม่ใช่คริสตชน แต่ไม้กางเขนคือธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเตือนพวกฟาริสีว่า "พวกท่านจะตายเพราะบาปของตัวเอง" พระวาจาตอนนี้ เตือนใจเราว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรอดพ้นจากบาปด้วยตัวของเราเอง มันเป็นไปไม่ได้เลย พวกที่สอนธรรมบัญญัติไม่ได้มีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งนี้ - ศาสนาคริสต์ไม่ใช่หลักปรัชญา มันไม่ใช่โปรแกรมสำหรับการเอาตัวรอดหรือการศึกษา หรือเพื่อสร้างสันติ สิ่งเหล่านี้เป็นผลที่ตามมาต่างหาก ศาสนาคริสต์คือตัวบุคคล บุคคลที่ถูกตรึงสูงๆบนไม้กางเจน บุคคลที่ถ่อมตัวเองลงมาเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเราให้รอด ... พวกท่านไม่สามารถเข้าใจคริสตศาสนาได้ ถ้าปราศจากความเข้าใจต่อความอับอายอย่างสุดๆที่พระบุตรของพระเจ้าต้องประสบ พระองค์ยอมถ่อมตัวลงมาเพื่อเป็นผู้รับใช้จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ เพื่อจะช่วยเราให้ได้รับความรอด - นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอัครสาวกเปาโ

โป๊ปฟรังซิส: "พระเมตตาของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าบาปทั้งปวง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระเมตตาของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าบาปทั้งปวง นี่คือธรรมล้ำลึกแห่งพระเมตตาที่พระเจ้าทรงให้อภัยมนุษย์ ทรงหวังเห็นคริสตชนเป็นแบบหญิงที่กำลังจะโดนหินทุ่ม ซึ่งไม่แก้ตัวว่าไม่ได้ทำบาป ไม่เคยทำผิด แต่เลือกจะสำนึกต่อหน้าพระเยซู ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ เป็นเรื่องที่คลาสสิกมากๆ พระเยซูทรงย้อนถามฟาริสีว่า "ถ้าผู้ใดไม่เคยทำบาป จงเอาหินทุ่มหญิงคนนี้เป็นคนแรกเลย" พวกฟาริสีพยายามจับผิดพระเยซูโดยใช้ธรรมบัญญัติของชาวยิว พวกเขาต้องการทดลองพระองค์ เพื่อจะได้หาเรื่องมาจับพระองค์ - ถ้าพระเยซูตรัสว่า "เชิญเลย เอาหินทุ่มเธอได้เลย" พวกฟาริสีก็จะบอกประชาชนว่า "นี่คืออาจารย์ผู้ทรงความดีและเมตตาของพวกท่าน ดูซิ! ดูสิ่งที่เขาจะทำกับหญิงที่น่าสงสารคนนี้" และถ้าพระเยซูตรัสตอบว่า "หญิงผู้น่าสงสารเอ๋ย เราให้อภัยเธอเถอะ" พวกฟาริสีก็จะพูดอีกว่า "เขาไม่ทำตามธรรมบัญญัติขอ

โป๊ปฟรังซิส: "หนึ่งในความผิดพลาดของพ่อคือเคยบ้าอำนาจและยึดติดกับอำนาจ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงยอมรับ หนึ่งในความผิดพลาดของพระองค์คือ เคยเป็นคนบ้าอำนาจและยึดติดกับอำนาจเมื่อสมัยเป็นอธิการเยสุอิตในอาร์เจนตินา ทรงชี้ ไม่ได้รักและห่วงใยคนยากจนเพราะแนวคิดทางการเมือง แต่ความรักต่อคนจนคือหัวใจของพระวรสาร ทรงตั้งคำถามเยาวชน "ขุมทรัพย์ในจิตใจของลูกๆอยู่ไหน" สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงอนุญาตให้กลุ่มเยาวชนจากสถานีโทรทัศน์เฟลมิส (Flemish) ประเทศเบลเยียม มาเข้าเฝ้าและสัมภาษณ์แบบเป็นกันเองในวาติกัน โดยเยาวชนกลุ่มนี้มีทั้งที่เป็นคาทอลิกและไม่มีศาสนา เยาวชนหญิงคนที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ ทูลพระสันตะปาปาว่า เธอได้รับแรงบันดาลใจมากมายจากพระดำรัสของพระสันตะปาปาและอยากจะมาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วย ซึ่งพระสันตะปาปาทรงยินดีอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในส่วนของบทสัมภาษณ์ พระสันตะปาปาทรงให้เยาวชนถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้น จะมีล่ามแปล แล้วพระองค์จะตอบเป็นภาษาอิตาเลี่ยน และรายละเอียดมีดังนี้ ... เยาวชน: ทำไม พระองค์ถึงยอมให้พวกเราเข้าสัมภาษณ์ครับ พระสันตะปาปา: เพราะพ่อคิดว่ามันเป็นโอกาสดีมากๆที่จะได้พูดกับเยาวชนและแบ่งปันความห่วงใยที่พ่อมีต่อพว

โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องกล้าขอการอภัยโทษจากพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงกระตุ้น เราต้องกล้าที่จะขอการอภัยโทษบาปจากพระเจ้า ทรงเตือนสติ พระเยซูเรียกเราให้ออกมาจากบาป อยู่ที่เราว่า กล้าพอไหมที่จะฟังและทำตามพระองค์ พร้อมกันนี้ ทรงข้อร้องเยาวชน เราต้องใช้ชีวิตแบบมีความหวัง ความหวังไม่เคยทำให้เราล้มลง และความหวังคือของขวัญจากพระเจ้า ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปอภิบาลคาทอลิกวัดนักบุญเกรโกริโอ มานโญ่ กรุงโรม พร้อมถวายมิสซาให้กับพวกเขา ช่วงก่อนมิสซาจะเริ่ม พระสันตะปาปาทรงพบปะทักทายสัตบุรุษที่อาศัยอยู่ละแวกนั้น หลายไม่สามารถเข้ามาที่ลานประจำชุมชนได้ จึงต้องปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้าน รวมถึงยืนอยู่บนอพาร์ทเม้นท์เพื่อจะได้เห็นพระสันตะปาปา โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับชาวบ้านที่มาเข้าเฝ้าว่า: - พ่ออยากกล่าวกับบรรดาเยาวชนทุกคนว่า มันไม่ง่ายนักที่จะมีความหวังในทุกวันนี้ พวกลูกได้เห็นหลายสิ่งที่น่ากลัว, เลวร้าย และเยาวชนจำนวนมากก็ไม่มีงานทำ ปัญหาอื่นๆที่นำความหวังออกไปจากเยาวชนก็คือ บางคนอาจถามพ่อว่า "เราจะอยู่แบบไม่มีความหวังได้ไหม" พ่อก็จะตอบว่า "ไม่ ลูกทำแบบนั้นไม่

โป๊ปฟรังซิส: "เราจะกลับคืนชีพเหมือนลาซารัสได้ถ้าเราเชื่อฟังคำสอนพระเยซู"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เราจะกลับเป็นขึ้นมาจากความตายได้เหมือนลาซารัส ต่อเมื่อเราเชื่อและทำตามธรรมบัญญัติของพระเยซู ทรงย้ำ พระเจ้าทรงเชิญเราให้ออกจากความตายที่เต็มไปด้วยบาปของความทะนงตน ซึ่งเป็นแบบที่พวกฟาริสีมีติดตัวเต็มไปหมด ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 60,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงแจกพระวรสารทั้งสี่+กิจการอัครสาวก ให้กับสัตบุรุษด้วย ในส่วนของการแบ่งปันพระวรสารวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารประจำอาทิตย์ที่ 5 ในเทศกาลมหาพรต เราได้เห็นการกลับเป็นขึ้นมาจากความตายของลาซารัส นี่คือจุดสูงสุดของเครื่องหมายที่น่าอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำ กล่าวคือ นี่คือการกระทำอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ ที่อดทนอดกลั้นต่อการเหยียดหยามของพวกฟาริสีที่จ้องหาทางจะฆ่าพระองค์ - คนที่เชื่อพระเยซูและทำตามพระบัญญัติของพระองค์ เมื่อตายไปแล้ว เขาจะได้รับชีวิตใหม่ ชีวิตที่ครบครันและเป็นนิรันดร พระเยซูทรงกลับเป็นขึ้นมาจากความตายพร

โป๊ปฟรังซิส: "คนทำงานให้พระเจ้ามักถูกเบียดเบียนข่มเหงและถูกสั่งให้เงียบ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คนทำงานให้พระเจ้ามักถูกเบียดเบียนข่มเหง ถูกตัดสินเป็นพวกนอกรีต เพราะความเข้าใจผิดต่างๆนาๆ แม้แต่ในพระศาสนจักรเอง พวกนักคิดนักปราชญ์หลายคน ยังถูกผู้มีอำนาจในพระศาสนจักรสั่งให้หุบปาก เพราะผู้มีอำนาจรับความจริงไม่ได้ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านประจำมิสซานี้ เราได้ฟังแล้วว่า บรรดาประกาศกและผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเจ้าจะถูกเบียดเบียนข่มเหงตลอดเวลา ส่วนในพระวรสาร เราก็ได้ยินกันแล้วว่า พระเยซูไม่ประสงค์จะเสด็จไปแคว้นยูเดีย เพราะชาวยิวจ้องจะฆ่าพระองค์ พระเยซูและประกาศกถูกเบียดเบียนข่มเหง เพราะพูดกับประชาชนว่า "ท่านกำลังเดินบนถนนที่ผิด จงกลับใจใหม่เสียเถิด" คำพูดนี้ทำให้พวกที่อยู่ในอำนาจไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และจ้องจะทำลายพระองค์และประกาศก - หากเราจำกันได้ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน พระวรสารเล่าว่า พระเยซูเสด็จไปนาซาเร็ธ แต่คนที่นั่นก็ไม่ต้อนรับพระองค์ พวกเขาพยายามหาข้ออ้างว่า "พระเยซูเป

โป๊ปฟรังซิสต้อนรับควีนเอลิซาเบ็ธ ที่ 2 ที่มาเข้าเฝ้า

Image
ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบ็ธ ที่ 2 และ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน การเข้าเฝ้าดังกล่าว วาติกันออกมาแถลงว่า "เป็นแบบกันเอง (Informal - ไม่เป็นทางการ) และยังเป็นการเข้าเฝ้าในห้องประชุมเล็กๆในหอประชุมเปาโล ที่ 6 ไม่ใช่การเข้าเฝ้าแบบทางการในห้องสมุดในพระราชวังวาติกัน ดังนั้น พระราชินีจึงไม่ได้ฉลองพระองค์ชุดดำ การมาเยือนอิตาลีครั้งนี้เป็นแบบส่วนพระองค์ ดังที่เราจะเห็นว่า จอร์โจ้ นาโปลิตาโน่ ประธานาธิบดีอิตาลี สวมเสื้อเชิ๊ตและแจ็กเก็ต ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับพระราชินี" ทั้งนี้ พระสันตะปาปาและพระราชินีทรงสนทนากันประมาณ 20 นาที โดยพระราชินีตรัสขอโทษพระสันตะปาปาที่มาเข้าเฝ้าช้า เนื่องจากเสร็จจากการเสวยอาหารเที่ยงกับ จอร์โจ้ นาโปลิตาโน่ ประธานาธิบดีอิตาลี ช้าไปสักนิด ขณะที่พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "ไม่เป็นไร ข้าพเจ้ารอได้เสมอ" ในส่วนของการแลกเปลี่ยนของที่ระลึก พระราชินีทรงมอบกระเช้าของขวัญที่ประกอบไปด้วยแยม, น้ำมันมะกอก, น้ำผลไม้ และวิสกี้ แด่พระสันตะปาปา ขณะที่พระสัน

โป๊ปฟรังซิส: "คำภาวนาจะบังเกิดผลได้ มันต้องใช้เวลา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คำภาวนาจะบังเกิดผลต้องใช้เวลา เพราะเราจำเป็นต้องรู้จักพระเจ้าให้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับที่เราต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะรู้จักเพื่อนของเรา ทรงสอน จงกล้าสวดภาวนาและต่อรองกับพระเจ้า เหมือนอย่างที่โมเสสทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านของวันนี้ เราได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่โมเสสพยายามภาวนาอ้อนวอนพระเจ้าอย่าลงโทษประชากรของพระองค์อีกเลย พระเจ้าทรงโกรธประชากรของพระองค์ เพราะพวกเขาเปลี่ยนวิถีทางเดินจากที่พระองค์วางไว้ การภาวนาของโมเสสคือการอ้อนวอนแบบจริงจังกับพระเจ้า การอ้อนวอนเป็น(คุณสมบัติหนึ่ง)ของผู้นำเพื่อปกป้องประชาชนซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้า - โมเสสพูดต่อหน้าพระเจ้าอย่างชัดแจ้งรวมทั้งการกระทำก็ชัดเจนด้วย สิ่งนี้สอนเราเกี่ยวกับการสวดภาวนาโดยปราศจากความหวาดกลัว ภาวนาอย่างอิสระเสรี และยืนกรานอย่างหนักแน่น โมเสสเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ การภาวนาต้องเป็นการต่อรองกับพระเจ้า ซึ่

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาครอบครัวทะเลาะกัน จงแก้ด้วยการพูดคุยและกอดกันด้วยความรัก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอนแบบติดตลก เวลาครอบครัวทะเลาะกัน ไม่ต้องเรียกยูเอ็นมาเคลียร์ แต่จงพูดจาและสวมกอดกันด้วยความรัก จงมองในแง่ดีว่า พรุ่งนี้ก็วันใหม่แล้ว อย่าโกรธกันเลย ทรงย้ำ พ่อแม่ควรสอนลูกๆสวดภาวนา ที่สำคัญ พ่อแม่ต้องสวดภาวนาพร้อมลูกๆด้วย ช่วงสายวันพุธที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก สัปดาห์ที่แล้ว พ่อแบ่งปันเรื่องศีลบวชไปแล้ว ครั้งนี้ จะเป็นเรื่อง "ศีลสมรส" กันบ้าง เมื่อชายและหญิงฉลองศีลแต่งงาน พระเจ้าทรงเป็นกระจกสะท้อนในตัวพวกเขา พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาได้สัมผัสถึงพระองค์และลักษณะท่าทางที่ไม่มีวันลบเลือนแห่งความรักของพระองค์ในตัวเขาทั้งสอง - พระเจ้าทรงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันใน 3 พระบุคคลคือพระบิดา พระบุตร และพระจิต ผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิรันดร์และตลอดกาลในความเป็นหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ และนี่คือธรรมล้ำลึกของการแต่งงาน กล่าวคือ พระเจ้าทรงประทับอยู่ในคู่บ่าวสาว พระคัมภีร์กล่าวว่า "พวกเขาจะ

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนอย่ายึดติดแบบแผนปฏิบัติจนเกินไป"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ คริสตชนอย่ายึดติดกับ "แบบแผนปฏิบัติ" จนเกินไป อย่าทำตัวเหมือนพวกฟาริสีที่ยึดกฏเกณฑ์แบบไม่ลืมหูลืมตาและหาทางจับผิดพระเยซูที่ทำอัศจรรย์ในวันสะบาโต ทรงย้อนถาม พระหรรษทานของพระเจ้าไม่สามารถทำงานในวันสะบาโตใช่ไหม ทรงชี้ อย่าทำตัวเป็นคริสตชนขี้เกียจซึ่งระวังตัวจนเกินเหตุเวลาประกาศพระวรสาร เพียงเพราะไม่อยากทำให้ตัวเองต้องประสบปัญหาเดือดร้อน ช่วงเช้าวันอังคารที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงรักษาชายคนหนึ่งที่ป่วยมา 38 ปีและนอนอยู่ที่สระเบเธสดา (เบ-เธส-ดา) ในวันสะบาโต พระเยซูทรงรักษาคนป่วยในวันพระของชาวยิวซึ่งเป็นวันที่ห้ามทำงานทุกชนิด พระองค์ทรงรักษาทั้งร่างกายและจิตใจของเขา พอพวกฟาริสีทราบว่าพระเยซูรักษาคนป่วยในวันสะบาโต พวกเขาก็หาทางเบียดเบียนและวางแผนจะจับกุมพระองค์ - สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังในพระวรสารสะท้อนถึงความเจ็บป่วยทางจิตใจ 2 แบบ พ่อจึงอยากให้พี่น้องไตร่ตรองว่า เราเป็นแบบนั้นห