Posts

Showing posts from March, 2014

โป๊ปฟรังซิส: "ขอให้ซาเลเซียนพยายามสนองตอบต่อวิกฤติการศึกษาในปัจจุบัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงให้กำลังใจคณะซาเลเซียนในการสนองตอบต่อวิกฤติการศึกษาในปัจจุบัน พร้อมขอให้สมาชิกยึดมั่นใน "ระบบป้องกัน" (Preventive System) ของนักบุญจอห์น บอสโก ซึ่งตั้งอยู่บนความเมตตาและความเป็นมิตรกับนักเรียน นอกจากนี้ ทรงย้ำซาเลเซียนอย่าทอดทิ้งบรรดาเยาวชนที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม ช่วงสายวันจันทร์ที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับคุณพ่ออังเคล เฟร์นานเดซ อาร์ติเม่ อัคราธิการคนใหม่ของคณะซาเลเซียนและสมาชิกของคณะที่มาเข้าเฝ้า โอกาสมาร่วมประชุมทั่วไปของคณะที่กรุงโรม โดยคุณพ่ออาร์ติเม่ ถือเป็นอัคราธิการคนที่ 10 ของคณะซาเลเซียน (นักบุญจอห์น บอสโก เป็นผู้ก่อตั้งคณะ และมีผู้สืบตำแหน่งจากนักบุญจอห์น บอสโก มาแล้ว 9 คน คุณพ่ออาร์ติเม่ เป็นคนที่ 10) ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับชาวซาเลเซียน พระองค์ตรัสว่า: - พันธกิจหลักของคณะซาเลเซียนคือการอภิบาลเยาวชน พระจิตจะช่วยเหลือชาวคณะให้เข้าใจความคาดหวังและความท้าทายประจำยุคสมัยของเรา - การประกาศพระวรสารของซาเลเซียนจัดได้ว่ามีความชิดใกล้กับการศึกษามากๆ พ่ออยากให้กำลังใจพวกท่านใ

โป๊ปฟรังซิส: "เดินไปหาพระเจ้าต้องเดินอย่างตั้งใจและมีความหวัง ไม่ใช่เดินเลื่อนลอย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน การเดินไปสู่พระสัญญาของพระเจ้า เราต้องเดินให้ถูกเส้นทางและเดินแบบมีความหวังตั้งใจ ไม่ใช่เดินแบบนักท่องเที่ยวที่เตร่ไปเรื่อยไร้จุดหมาย ทรงย้ำ ถ้ารู้ว่าเดินทางผิด จงกลับใจและไปแก้บาป วอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้าให้เราเดินให้ถูกทางและก้าวไปหาพระองค์ ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก ก่อนที่พระเจ้าจะตรัสถามเรา พระองค์มักจะสัญญากับเราถึงชีวิตใหม่แห่งความชื่นชมยินดีเสมอ ดังนั้น ความสำคัญของชีวิตคริสตชนของเราจึงเป็นการเดินทางในความหวังอยู่เสมอ และวางใจต่อพระสัญญาของพระเจ้า - ในบทอ่านและพระวรสารวันนี้ (จากหนังสืออิสยาห์และพระวรสารจากนักบุญจอห์น) เราได้เห็นความแตกต่างของคริสตชน 3 แบบและได้เห็นว่าพวกเขาดำเนินชีวิตฝ่ายจิตกันอย่างไร - พวกแรกคือพวกคริสตชนที่ความหวังของเขาอ่อนแอ แม้พวกเขายังเชื่อและทำตามพระบัญญัติ แต่พระเจ้าไม่สามารถใช้ให้พวกเขาเป็นเชื้อแป้งท่ามกลางประชากรของพระองค์ เพราะพวกเขาหยุด

โป๊ปฟรังซิส: "อย่ามีนิสัยชอบตัดสินคนอื่นแบบพวกฟาริสี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เราต้องอย่าทำตัวเหมือนพวกฟาริสีที่ชอบตัดสินคนอื่น แบบที่ฟาริสีตัดสินชายตาบอดว่าเป็นเพราะพระเจ้าลงโทษ ทรงย้ำ หัวใจของเราต้องเปิดรับความสว่างจากพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เดินอย่างมั่นคงบนหนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงรักษาคนตาบอดและทำให้เขาได้พบกับความสว่างซึ่งเป็นแสงจากพระคริสตเจ้า - พระเยซูทรงรักษาคนตาบอดคนนี้ให้พบแสงสว่าง ทำให้เขามองเห็นอีกครั้ง ผิดกับพวกฟาริสีที่ยังตาบอดในจิตใจ พวกเขาปิดตัวเองด้วยความหยิ่งและโอหัง พวกเขาเชื่อว่า ตนเองคือความสว่างให้กับประชาชน พวกเขาจึงไม่เปิดตัวเองให้กับความจริงของพระคริสตเจ้า พวกเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อปฏิเสธอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำ - หันมาดูชีวิตเราบ้าง บางครั้งชีวิตเราเหมือนกับชายตาบอดคนนั้นที่เปิดต้อนรับแสงสว่างจากพระคริสตเจ้าและพระหรรษทานของพระองค์  แต่บางครั้งอีกเช่นกัน มันก็เป็นเหมือนพวกฟาริ

โป๊ปฟรังซิส: "อย่ามีทัศนคติแบบฟาริสีที่ชอบตัดสินผู้พิการ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ อย่าทำตัวเหมือนพวกฟาริสีที่ตัดสินความพิการของคนว่าเกิดจากพระประสงค์ของพระเจ้า ทรงชี้ คนที่พระเยซูต้องการให้มาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์คือคนที่เป็นส่วนเกินของสังคม คนที่ถูกมองข้าม และคนที่ถูกเหยียดหยาม ช่วงสายวันเสาร์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาผู้พิการทางสายตาและการฟังที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โอกาสมาร่วมงาน "วันแห่งการแบ่งปัน" ซึ่งจัดที่กรุงโรม โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า: - การจัดงานวันแห่งการแบ่งปัน จัดภายใต้หัวข้อ "ประจักษ์พยานถึงพระวรสารเพื่อวัฒนธรรมของการพบกัน" คำว่า การพบกัน คือการพบกับพระคริสตเจ้า และเพื่อให้การเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารบังเกิดผล เราต้องได้พบกับพระเยซู ใครที่รู้จักพระเยซูอย่างลึกซึ้ง เขาก็จะเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์ เหมือนอย่างที่หญิงชาวสะมาเรียที่ได้รับฟังกันในพระวรสารเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วได้แสดงให้เห็น สตรีคนนี้พูดกับพระเยซูและชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป เธอกลับไปหาเพื่อนๆและประกาศว่า "มาซิ มาดูชายคนที่เป็นพระเมสซิยาห

โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องกลับใจตลอดชีวิต ไม่ใช่กลับใจแค่มหาพรต"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ การกลับใจไม่ใช่ทำแค่เทศกาลมหาพรต ไม่ใช่ทำปีละครั้งเท่านั้น แต่เราต้องทำไปตลอดชีวิต พร้อมกันนี้ ทรงทำเซอร์ไพรส์ด้วยการไปคุกเข่ารับศีลอภัยบาปกับพระสงฆ์ ก่อนที่พระองค์จะไปโปรดศีลอภัยบาปให้สัตบุรุษด้วย ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในงาน "24 ชั่วโมงเพื่อพระเจ้า" พิธีที่จัดเพื่อให้บริการโปรดศีลอภัยบาป 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม ถึง เย็นวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร และมหาวิหารอีก 3 แห่งในกรุงโรม ในพิธีนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอน ใจความว่า: - ช่วงเวลาของเทศกาลมหาพรต พระศาสนจักรในนามของพระเจ้ารื้อฟื้นการเรียกร้องให้เรากลับใจ นี่คือการเรียกให้แต่ละคนเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง การกลับใจไม่ใช่แค่ปีละครั้งเท่านั้น แต่นี่คือการมุ่งมั่นกลับใจไปตลอดชีวิต มีใครบ้างในพวกเราที่คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนบาป ไม่มีสักคนนะ! - นักบุญจอห์น กล่าวว่า ถ้าเรายอมรับว่าเป็นคนบาป พระเจ้าผู้ทรงความชอบธรรมจะให้อภัยบาปเราและชำระเราจากความอยุติธรรมทุกอย่าง พระวาจาที่เราได้

โป๊ปฟรังซิส: "จงต้อนรับผู้มาแก้บาปด้วยความรักของพระเจ้า ไม่ใช่เตรียมตัดสินพิพากษาเขา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ พระสงฆ์ต้องต้อนรับสัตบุรุษที่มาแก้บาปด้วยความรักของพระเจ้า ไม่ใช่เตรียมตัดสินพิพากษาเขา ทรงย้ำ อย่าเข้มงวดหรือปล่อยปะละเลยเกินไป เพราะศีลอภัยบาปไม่ใช่ศาลแห่งการตัดสินประณาม ทรงชี้ สัตบุรุษจะดีใจเสมอเมื่อมาวัดแล้วเห็นมีพระสงฆ์นั่งฟังแก้บาป ช่วงสายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่เข้ารับการอบรมหลักสูตรการอภิบาลศีลแห่งการคืนดีและการอภิบาลของผู้โปรดศีลอภัยบาป ที่มาเข้าเฝ้าหลังเสร็จสิ้นการอบรม โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า: - พ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลักสูตรนี้จะช่วยพระศาสนจักรและบรรดาพระสงฆ์ที่โปรดศีลอภัยบาปได้ทำงานอภิบาลแห่งความเมตตาได้ดียิ่งขึ้น เพราะสิ่งนี้จัดว่าสำคัญมากๆ - พ่อขอเตือนใจบรรดาพระสงฆ์ว่า พระจิตคือองค์อุปถัมภ์ของการอภิบาลศีลแห่งการคืนดี พระเจ้าทรงเรียกพวกเราให้เป็นบุรุษของพระจิตเจ้าเสมอ ดังนั้น พระสงฆ์ต้องต้อนรับสัตบุรุษที่มาแก้บาปด้วยความรักของพระเจ้า ไม่ใช่ต้อนรับด้วยทัศนคติที่เตรียมตัดสินพิพากษาเขา จงต้อนรับเขาด้วยความรักของพ่อที่มองลูกกำลัง

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าพระเจ้ามีงบดุลการให้อภัย พระองค์คงขาดทุนเพราะให้อภัยมนุษย์ไม่หยุด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ถ้าทำงบดุลการให้อภัยของพระเจ้า พระองค์คงขาดทุนติดตัวแดงแน่นอน เพราะ "ให้" อภัยมนุษย์ตลอดเวลา ทรงย้ำ พระเจ้าไม่เคยเหนื่อยที่จะให้อภัยมนุษย์ มีแต่มนุษย์นี่แหละที่เหนื่อยกับการขอร้องให้พระเจ้าอภัยบาปเรา  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านวันนี้ เราได้ยินได้ฟังแล้วว่า พระเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ด้วยความอ่อนโยนละมุนละม่อม แม้เวลาที่พระเจ้าทรงเชิญเราให้กลับใจและใช้คำพูดที่เข้มงวด คำพูดเหล่านั้นก็ยังเป็นคำพูดแห่งความรักและเตือนใจเราว่า พระบิดากำลังตรัสกับลูกๆของพระองค์ว่า "กลับมาเถิด นี่คือเวลาที่จะกลับมาบ้านแล้ว" - นี่แหละคือหัวใจของพระบิดา พระเจ้าทรงเป็นเช่นนี้ พระองค์ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ไม่เคยอ่อนล้า พระเจ้าทำแบบนี้มาหลายศตวรรษ แม้มนุษย์จะทิ้งพระองค์บ่อยแค่ไหน ที่สุดแล้ว เขาก็จะกลับมาเพราะพระเจ้าคือพระเจ้าที่รอคอยเขาเสมอ - เหมือนกับพระวรสารตอนลูกล้างผลาญ พ่อมองเห็นลูกมาแต่ไ

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าเราโกงจนติดเป็นนิสัย เราจะกลับใจได้ยากมาก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ หัวใจของคนยุคนี้ถือว่าแข็งกระด้างมากๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะฟังเสียงของพระเจ้าได้ยากมากๆ ทรงเตือนสติ อย่าทำตัวเป็นคนขี้โกง เพราะถ้าเราโกงแล้ว มันจะติดเป็นนิสัยและกลับตัวได้ยากมากๆ ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน มิสซานี้ มีสมาชิกรัฐสภาอิตาลีกว่า 500 คน มาร่วมพิธี ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านประจำวันนี้จากหนังสือเยเรมีห์ เราได้เห็นว่าพระเจ้าทรงเสียพระทัยมากที่ประชากรของพระองค์ไม่ต้อนรับบรรดาประกาศกและยังคงเดินหน้าทำบาปต่อไปเรื่อยๆ การหันหลังให้พระเจ้าทำให้พระองค์เจ็บปวดมากๆ เช่นเดียวกัน เรายังได้เห็นการหันหลังให้พระเจ้าในพระวรสารประจำวันนี้ด้วย เมื่อประชาชนกล่าวหาว่าพระเยซูขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล (เจ้าแห่งปีศาจ) ประชาชนทำเป็นเมินเฉยต่อเสียงของพระเจ้า - หัวใจของประชาชนในยุคนี้แข็งกระด้างมากขึ้นๆเรื่อยๆ และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟังเสียงของพระเจ้า และในฐานะที่เป็นคนบาป พวกเขาก็ทำตัวเลวร้ายไปเรื่อยๆ พวกเขากลายเ

โป๊ปฟรังซิสต้อนรับ บารัค โอบามา ที่มาเข้าเฝ้า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงต้อนรับ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มาเข้าเฝ้า ทั้งสองสนทนากันในหลายหัวข้อ อาทิ สถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง พร้อมกันนี้ โอบามา ได้ถวายเมล็ดพันธุ์พืชแด่พระสันตะปาปาเพื่อให้พระองค์ปลูกสันติภาพให้คนรุ่นต่อไป ส่วนพระสันตะปาปาทรงมอบสารเตือนใจ "ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร" ให้โอบามานำไปอ่านด้วย  ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มาเข้าเฝ้าในพระราชวังวาติกัน โดยการพบกันของผู้นำทั้งสองใช้เวลาประมาณ 50 นาที วินาทีแรกที่โอบามาได้พบกับพระสันตะปาปา ประธานาธิบดีอเมริกาทูลพระสันตะปาปาว่า "นับเป็นเกียรติอย่างสูง ผมเป็นคนที่ชื่นชมพระองค์อย่างมาก กราบขอบพระคุณพระองค์มากๆที่ทรงต้อนรับผม" จากนั้น พระสันตะปาปาทรงพาโอบามา เข้ามานั่งในห้องสมุดและสนทนากันในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระดับนานาชาติที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง รวมถึงการเคารพหลักมนุษยธรรมและกฏหมายสากล นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อเกี่ยวกับเสรีภาพในการนับถือศาสนา การปฏิรูปเรื่องผู้อ

โป๊ปฟรังซิส: "สัตบุรุษช่วยพระสังฆราชและพระสงฆ์ได้ด้วยการสวดภาวนา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ สัตบุรุษต้องสวดให้พระสังฆราชและพระสงฆ์ เพื่อพวกเขาจะได้รักษาความสดใหม่ของกระแสเรียกของตน ทรงย้ำ ถ้าพระสังฆราชและพระสงฆ์ไม่สวดภาวนาทุกวัน ไม่ฟังพระวาจาของพระเจ้า ไม่ถวายมิสซาทุกวัน และไม่ไปแก้บาป พวกเขาก็ไม่สามารถใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้า ช่วงสายวันพุธที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก วันนี้ พ่อขอแบ่งปันเรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ต่อไป โดยครั้งนี้จะเป็นเรื่องของ "ศีลบวช" - เมื่อพูดถึงกระแสเรียก เราได้รับผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ของการเป็นคริสตชน ไล่ตั้งแต่ ศีลล้างบาป ศีลกำลัง และศีลมหาสนิท ส่วนศีลบวชและศีลสมรส จัดเป็นกระแสเรียกพิเศษและเป็น 2 แนวทางในการติดตามพระคริสตเจ้าและสร้างพระศาสนจักรของพระองค์ - ในส่วนของศีลบวช มันมี 3 ขั้นในตัวเอง ได้แก่ ระดับพระสังฆราช, พระสงฆ์ และสังฆานุกร นี่คือศีลศักดิ์สิทธิ์ของการอภิบาลรับใช้ พระเยซูทรงวางใจในบรรดาศิษย์ของพระองค์ในการดูแลฝูงแกะ ในทุ

โป๊ปฟรังซิส: "เราจะรอดพ้นจากบาปถ้าหัวใจของเราสุภาพและฟังพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน การจะได้รับความรอดพ้นจากบาป เราจำเป็นต้องมีหัวใจที่สุภาพถ่อมตน นอบน้อม และเชื่อฟังพระเจ้าเหมือนอย่างแม่พระ ทรงย้ำ พระเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์และร่วมเดินทางไปกับเรา เพื่อเปลี่ยนใจหินของเราให้เป็นใจเนื้อ ช่วงเช้าวันอังคารที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสวันสมโภชแม่พระรับสาร มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในพระวรสารวันนี้ เราได้ยินกันแล้วว่า แม่พระนบนอบเชื่อฟังพระเจ้าสุดหัวใจ การนบนอบเชื่อฟังของแม่พระคือการคลายเงื่อนที่ถูกผูกไว้ตั้งแต่ยุคอาดัมและเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้าให้คลายออกอย่างสมบูรณ์ - พระเจ้ากำลังเดินร่วมทางไปกับมนุษย์ ทำไมพระเจ้าต้องเดินร่วมทางกับเราด้วยความอ่อนโยนล่ะ เหตุผลคือพระเจ้าต้องการเปลี่ยน "ใจหิน" ของเราให้เป็น "ใจเนื้อ" มันเป็นเรื่องดีที่หัวใจของเราจะได้รับพระสัญญาจากสวรรค์ - การไถ่ให้รอดจากบาปไม่สามารถซื้อขายกันได้ แต่นี่คือของขวัญจากพระเจ้า ของขวัญที่พระเจ้าให้เราแบบฟรีๆ เราไม่สามารถรับการไถ่กู้ด้วยตัวเราเอง การไถ่กู้

โป๊ปฟรังซิส: "การถ่อมตนแบบคริสตชนไม่ใช่การพูดถ่อมตัว แต่เป็นการยอมรับว่าตนเป็นคนบาป"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน ความสุภาพถ่อมตนแบบคริสตชน ไม่ใช่การพูดถ่อมตนว่าเราไม่ใช่คนสำคัญ แต่ความถ่อมตนของคริสตชนคือการกล้ายอมรับว่าเราเป็นคนบาป เพราะถ้าเรายอมรับว่าเราเป็นคนบาป พระเจ้าจะช่วยเราให้ได้รับความรอด ทรงเตือนสติ อย่าทำตัวเคร่งธรรมบัญญัติ แต่ในความเป็นจริง เคร่งแต่ปาก แต่ภาคปฏิบัติทำไม่ได้เลย ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูเสด็จไปยังเมืองนาซาเร็ธและตรัสกับประชาชนที่นั่นว่า "ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับในบ้านเมืองของตน" นาซาเร็ธเป็นเมืองที่พระเยซูไม่เคยทำอัศจรรย์เลย เพราะประชาชนที่นั่นไม่มีความเชื่อ ... ประชาชนที่เมืองนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระเยซู เพราะพวกเขาคิดว่าตัวเองมีความเชื่อเข้มแข็งอยู่แล้ว เพียงแค่ทำตามธรรมบัญญัติก็เพียงพอ พวกเขาจึงไม่รู้สึกถึงความจำเป็นของการไถ่กู้ให้รอดพ้น - นี่เป็นโศกนาฏกรรมของการปฏิบัติตนตามธรรมบัญญัติโดยขาดความเชื่อ อาทิ การพูดว่า "ฉันสามารถไถ่กู้ตัวเองได้ เพราะฉัน

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อขอตำหนิการแสวงหาการเป็นสงฆ์นักบวชเพื่ออำนาจการเมือง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงตำหนิพวกที่ชอบแสวงหาการเป็นสงฆ์นักบวชเพื่ออำนาจการเมืองว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย การทำแบบนี้สร้างความเดือดร้อนให้ฆราวาสมากๆ แต่มันก็มีฆราวาสบางคนแสวงหาอำนาจแบบนี้ด้วยเช่นกัน ทรงย้ำ ถ้าเราทำหน้าที่ฆราวาสได้ดีอยู่แล้ว จงเป็นมันต่อไป เพราะนี่คือกระแสเรียกการเป็นฆราวาสที่พระเจ้าให้มา ทรงชี้ พระสงฆ์ไม่สามารถทำงานของฆราวาสได้ ดังนั้น ฆราวาสเป็นสิ่งจำเป็นและทุกวัดต้องมีสภาอภิบาล  ช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับพนักงานสถานีโทรทัศน์และวิทยุ "โครัลโล่" ของอิตาลี ที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้โอวาทพวกเขาว่า: - พ่อขอให้ทุกคนทุกฝ่ายมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในหน้าที่การงานต่างๆของเขตชุมชนวัดที่เราอยู่ พระศาสนจักรต้องการฆราวาส ระหว่างพระสันตะปาปากับหญิงชราที่สวดสายประคำทุกวัน พี่น้องว่าใครมีความสำคัญมากกว่ากัน เรื่องนี้ พ่อยอมรับว่า แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้คำตอบเลย - พ่อขอตำหนิปรากฏการณ์เรื่อง "การแสวงหาการเป็นสงฆ์นักบวชเพื่ออำนาจการเมือง" (Clericalism) ซึ่งสร้างคว

โป๊ปฟรังซิส: "พระเมตตาของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าอคติในใจมนุษย์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ พระเมตตาของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าอคติในจิตใจเรา เหมือนอย่างที่พระเยซูทรงทำลายอคติระหว่างชาวยิวกับชาวสะมาเรียด้วยการขอน้ำดื่มจากหญิงชาวสะมาเรีย พร้อมกันนี้ ทรงเชิญชวนทุกคนเตรียมจิตใจร่วมงาน "24 ชั่วโมงเพื่อพระเจ้า" งานที่จัดการโปรดศีลอภัยบาป 24 ชั่วโมงของสังฆมณฑลโรม ซึ่งจะเริ่มในวันศุกร์นี้ ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 80,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันพระวรสาร ใจความว่า: - พระวรสารวันนี้ เป็นเรื่องพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรีย เราได้ยินประโยคที่พระเยซูพูดว่า "ขอน้ำดื่มได้ไหม" ประโยคนี้แหละคือการก้าวข้ามเครื่องกีดขวางแห่งการเป็นปฏิปักษ์ที่มีอยู่ระหว่างชาวยิวกับชาวสะมาเรีย ทั้งยังเป็นการทำลายอคติต่างๆด้วย นี่คือสิ่งที่พระเยซูทรงทำ พระองค์ไม่กลัว เมื่อพระเยซูเห็นใครก็ตาม พระองค์จะไปหาเขาด้วยความรัก พระองค์ทรงรักเราทุกคน พระองค์ไม่เคยหยุดต่อหน้าใคร เพียงเพราะการมีอคติ

โป๊ปฟรังซิสทรงขอร้องให้แก๊งค์มาเฟียกลับใจ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติพวกมาเฟียให้สำนึกผิดและกลับใจ เพราะอำนาจและเงินที่ได้จากสิ่งสกปรกที่ทำ ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ในชีวิตหน้า  ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบและภาวนาร่วมกับบรรดาญาติของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งค์มาเฟียในอิตาลีกว่า 700 คน ณ วัดนักบุญเกรโกรี่ ที่ 7 กรุงโรม ประเทศอิตาลี พิธีนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าโศกเป็นอย่างมาก โดยช่วงเริ่มพิธี มีการอ่านรายชื่อผู้เสียชีวิตจากแก๊งค์มาเฟียกว่า 800 ชื่อ และเป็นการอ่านชื่อแบบทีละคนด้วย ในส่วนพระดำรัสประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า: - ก่อนอื่น พ่อขอชื่นชมพวกท่านสำหรับการเป็นประจักษ์พยานและความกล้าหาญต่อการทนทุกข์ทรมานต่อสิ่งที่พบเจอ - ส่วนบรรดาชายหญิงที่กำลังพัวพันกับกลุ่มมาเฟีย พ่อรู้สึกว่า พ่อไม่สามารถที่จะผ่านวันนี้ไปถ้าไม่พูดถึงพวกมาเฟีย สิ่งที่พ่ออยากพูดกับพวกมาเฟียคือ "จงเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตเถอะ จงสำนึกผิดและกลับใจ จงหยุดทำความชั่วได้แล้ว พวกเราภาวนาเพื่อพวกท่าน(มาเฟีย) พ่อคุกเข่าขอร้องพวกท่าน มันเป็นการดีสำหรับท่านที่จะกลับใจ ชีวิตที่ท่าน

โป๊ปฟรังซิส: "อย่านำพระวาจาของพระเจ้ามาพูดเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่านำพระวาจาของพระเจ้ามาเป็นคำพูดเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวแบบพวกฟาริสี ถ้าทำแบบนั้น มันจะเป็นการฆ่าพระวาจาของพระเจ้า ทรงย้ำ ทัศนคติของคนที่รับฟังพระวาจาของพระเจ้า ต้องเป็นคนที่สุภาพและหมั่นสวดภาวนาอยู่เสมอ  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเล่าอุปมาเรื่องคหบดีกับคนเช่าสวนองุ่น คหบดีคนนี้มีความคิดว่าเขาจะเป็นเจ้านายของผู้เช่าสวนด้วย แต่ทุกสิ่งไม่เป็นเช่นนั้น อุปมาตอนนี้เกี่ยวข้องกับพวกฟาริสีโดยตรง ฟาริสีเป็นพวกอาวุโสสุดในหมู่สมณะ พวกเขาพยายามอวดตัวเองทุกๆที่ที่ไป แต่ไม่เคยมีจิตใจที่เปิดรับพระวาจาของพระเจ้าเลย - การประพฤติตัวแบบนี้จัดเป็นเรื่อง "ดราม่า" ของพวกฟาริสี และมันก็เป็นเรื่องดราม่าของเราด้วย! พวกเขได้รับฟังพระวาจาของพระเจ้า และพระวาจาของพระเจ้าก็ได้กลายเป็นคำพูดของเขา พวกเขาใช้พระวาจาของพระเจ้าเพื่อความต้องการของตัวเอง เพื่อเป็นทฤษฏีและเป็นความคิดเพื่อตัวเอง (พวกเรา)ท

โป๊ปฟรังซิส: "จงวางใจพระเจ้า อย่าหลงวางใจมนุษย์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ เราต้องวางใจในพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงช่วยเราให้ได้รับความรอด ทรงชี้ อย่าหลงวางใจในมนุษย์ เพราะการเชื่อลมปากคนอื่น และเอาพระเจ้าไปไว้ชายขอบ มันก็ไม่ต่างกับการทำตัวเป็นคนนอกรีต ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านประจำวันนี้ เราได้ฟังกันแล้วว่า "ผู้วางใจในพระเจ้าจะได้รับพระพร เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ และหยั่งรากลงไปในน้ำ เมื่อความร้อนมาถึง ใบก็จะเขียวอยู่เสมอ" - ในพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นความมั่นใจแน่แท้ของเรา การวางใจในมนุษย์จัดเป็นเรื่องไร้ค่า ความวางใจในมนุษย์ไม่ได้ช่วยเรา ไม่ได้ให้ชีวิตเรา มนุษย์ไม่ได้ให้ความชื่นชมยินดีกับเรา แม้บางครั้งเราจะรู้ว่า เราชอบที่จะเชื่อมั่นใจตัวเอง เชื่อเพื่อน เชื่อในสถานการณ์ที่เราเป็นอยู่ หรือเชื่อในความคิดของตน และเอาพระเจ้าไปอยู่ขอบๆแทน มันก็เหมือนกับเศรษฐีในพระวรสารนั่นแหละ แต่งตัวดีและไม่สนใจ ลาซารัส คนยากไร้ที่อยู่หน้าประตูบ้านเลย - เราทุกคนมีควา

โป๊ปเตรียมประกาศนักบุญใหม่โดยไม่มีมิสซาสถาปนา

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก เตรียมประกาศแต่งตั้งนักบุญใหม่ 3 องค์ โดยไม่มีการจัดมิสซาสถาปนาเป็นนักบุญ ตามรายงานข่าวจาก "คาทอลิก นิวส์ เซอร์วิส" เว็บไซต์ข่าวคาทอลิกระดับโลก พระสันตะปาปา ฟรังซิส เตรียมลงนามอนุมัตินักบุญใหม่ทั้ง 3 องค์ ในวันที่ 2 เมษายน 2014 โดยว่าที่นักบุญใหม่ทั้ง 3 องค์ ได้แก่ บุญราศี โฆเซ่ เด อันเคียต้า สงฆ์เยสุอิตชาวสแปนิชที่ไปแพร่ธรรมในบราซิล, บุญราศี มารี เดล อินการ์นาติออง ซิสเตอร์ชาวฝรั่งเศสของคณะอุร์สุลินที่ไปแพร่ธรรมในแคนาดา และ บุญราศี ฟร็องซัวส์ เด ลาวัล พระสังฆราชคาทอลิกองค์แรกของควิเบก แคนาดา ทั้งนี้ ในรายของ "นักบุญโฆเซ่ เด อันเคียต้า" จะมีการจัดมิสซาโมทนาคุณพระเจ้า ในวันที่ 24 เมษายน 2014 ณ วัดนักบุญอิกญาซีโอ กรุงโรม ส่วนในรายของ "นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง" และ "นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล" มิสซาขอบคุณพระเจ้าจะมีในเดือนตุลาคม แต่ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่แน่นอน สำหรับกระบวนการประกาศการเป็นนักบุญโดยไม่มีการจัดมิสซาสถาปนา เรียกว่า "Equivalent Canonisation" (เทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุ

โป๊ปฟรังซิส: "วันสมโภชนักบุญโยเซฟ เรามาสวดให้คนที่เป็นพ่อกันนะ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเชิญชวนทุกคนสวดภาวนาให้คนที่เป็นพ่อ โอกาสที่วันนี้สมโภชนักบุญโยเซฟ ทรงย้ำ คนที่เป็นพ่อต้องอยู่ดูแลลูกให้มากๆและต้องดูแลลูกๆอย่างดี ช่วงเที่ยงวันพุธที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 70,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก วันนี้ เป็นวันฉลองนักบุญโยเซฟ ภัสดาของแม่พระมารีอาและยังเป็นองค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักร นักบุญโยเซฟได้รับการเทิดทูนว่าเป็นผู้ปกป้องครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ และในบทบาทนี้เอง ท่านก็ยังเป็นพ่อและผู้ให้การศึกษาด้วย - นักบุญโยเซฟเฝ้าดูการเติบโตของพระเยซูเสมอมา นักบุญโยเซฟสอนพระเยซูสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นในหน้าที่การงานและคุณค่าของงานที่ทำ นักบุญโยเซฟทรงสอนพระเยซูแบบเงียบๆทั้งทางด้านสติปัญญา การสวดภาวนา และความซื่อสัตย์ต่อคำสอนต่างๆ เช่นเดียวกับเรื่องการนบนอบต่อพระประสงค์ของพระเจ้า - แบบอย่างของนักบุญโยเซฟได้ช่วยพระเยซูเจริญเติบโตในด้านความเป็นมนุษย์ อาศัยความเข้าใจและตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่เด่น

โป๊ปฟรังซิส: "มหาพรตสอนให้กลับใจและเลิกเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ มหาพรตเราต้องกลับใจ อย่าทำตัวเสแสร้งเหมือนพวกฟาริสีที่พูดแต่ไม่ทำ มหาพรตยังสอนเราว่าอย่าทำตัวเสแสร้งเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ อวดตัวเป็นคนดีและดูถูกคนอื่น เพราะนิสัยแบบนี้ พระเจ้าไม่ต้องการ แต่สิ่งที่พระองค์ต้องการคือการสำนึกผิดและกลับใจ ช่วงเช้าวันอังคารที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านวันนี้จากหนังสือประกาศกอิสยาห์ ท่านประกาศกเทศน์สอนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์เกี่ยวกับเรื่องการกลับใจ สิ่งนี้สอนว่าเราจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง โดยเริ่มที่ทำจิตวิญญาณให้ดูดีใสสะอาด - วัตถุประสงค์ของเทศกาลมหาพรตคือเป็นช่วงเวลาที่ให้เราได้ปรับปรุงชีวิตตัวเองเพื่อใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้า พระเยซูต้องการใกล้ชิดกับพวกเรา พระองค์ทรงให้ความมั่นใจกับเราว่า ทรงกำลังรอคอยและพร้อมให้อภัยเราเสมอ อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงต้องการเข้ามาหาเราอย่างจริงใจ ดังนั้น เราต้องอย่าทำตัวเสแสร้งกับพระองค์ - สิ่งใดบ้างที่ทำให้เราเป็นคนเสแสร้ง การแกล้งทำตัวเป็นคนดีนั่น

โป๊ปฟรังซิส: "จะมีใจเมตตา เราต้องสำนึกว่าเป็นคนบาป ต้องไม่ตัดสินคนอื่น และไม่ให้ร้ายคนอื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน การจะมีใจที่เมตตา เราต้องรู้จักตัวเองและสำนึกว่าเป็นคนบาป และยังต้องทำตัวให้สมกับที่สวดขอพระบิดาว่า "โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น" พร้อมกันนี้ เราต้องมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ด้วยการไม่ตัดสินคน ไม่กล่าวโทษ และไม่นินทาคนอื่น ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูสอนเราชัดเจนว่า "จงอย่าตัดสินคนอื่น แล้วพระเจ้าจะไม่ตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษคนอื่น แล้วพระเจ้าจะไม่กล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะให้อภัยท่าน" - เราต้องมีเมตตาต่อผู้อื่นเหมือนอย่างที่พระบิดาทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจทัศนคติของความเมตตา เพราะพวกเรามีนิสัยชอบตัดสินผู้อื่น พวกเราไม่ใช่คนประเภทที่มีนิสัยชอบเข้าใจคนอื่นและเมตตาคนอื่น - การจะมีเมตตานั้น มันจะมีทัศนคติ 2 อย่างที่จำเป็นในนั้น อันดับแรกคือการรู้จักตัวเอง สิ่งนี้หมายความว่าเราต้องยอมรับว่า เราทำสิ่งชั่วร้

โป๊ปฟรังซิส: "เราควรพกพระวรสารเล่มเล็กๆติดตัวเสมอ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแนะ คาทอลิกควรพกพระวรสารเล่มเล็กๆติดตัวเสมอ เวลาอยู่บนรถเมล์หรือเวลาว่างจะได้หยิบมาอ่านพระวาจาของพระเจ้า ทรงถาม ทุกวันนี้เราดูแต่รายการซุบซิบนินทาเรื่องชาวบ้าน เราฟังอย่างสนใจ แต่ทำไมเรากลับไม่มีเวลาฟังเสียงของพระเจ้าบ้างเลย ทรงย้ำ คริสตชนต้องเดินบนหนทางของพระเจ้าในฐานะผู้จาริกแสวงบุญ อย่าเดินบนถนนของพระเจ้าแบบนักท่องเที่ยวเด็ดขาด ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จเยี่ยมสัตบุรุษและถวายมิสซาที่วัดซานตา มารีอา เดลโลซิโอเน่ เขตเซ็ตเตวิลเล ดิ กุยโดเนีย ชานกรุงโรม โดยนี่เป็นการเสด็จอภิบาลคริสตชนกรุงโรมครั้งที่ 5 ในสมณสมัยของพระองค์ด้วย ทันทีที่เสด็จมาถึง พระสันตะปาปาได้เข้าไปทักทายฝูงชนกว่า 300 คน ที่มารอต้อนรับ โดยวัดซานตา มารีอา เดลโลซิโอเน่ เป็นชุมชนวัดที่สัตบุรุษมีความเชื่อร้อนรนและมีกลุ่ม "วิถีคริสตชน" (Neocatechumenal Way) คอยทำงานอภิบาลอย่างขยันขันแข็งมาก พระสันตะปาปาทรงกล่าวให้กำลังใจพวกเขาให้ก้าวเดินอย่างถูกทางบนถนนที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ใน จากนั้น ก่อนเริ่มมิสซา พระสันตะปาปาทรงโปรดศ

โป๊ปฟรังซิส: "ช่วยกันภาวนาให้ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเชิญทุกคนร่วมภาวนาให้กับผู้โดยสารและลูกเรือที่หายสาบสูญไปกับเครื่องบินของมาเลเชีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ เราคริสตชนถูกเรียกมาเป็นประชากรของพระเจ้า ดังนั้น เราต้องปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์อย่างเคร่งครัด โดยการจะฟังเสียงพระเยซูนั้น เราต้องติดตามพระองค์ ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 70,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงประจักษ์พระวรสารบนภูเขาทาบอร์ต่อหน้าศิษย์ 3 คน พระองค์ทรงยังเตือนศิษย์ทั้งสามว่าอย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด - บนภูเขาทาบอร์คือสถานที่ของการพบกันและบอกถึงความใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ นี่คือสถานที่ของการสวดภาวนาซึ่งบอกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า พวกเราที่เป็นศิษย์ของพระเยซู  ต่างถูกเรียกให้เป็นประชากรที่รับฟังเสียงของพระเจ้าและปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์อย่างเคร่งครัด การจะฟังเสียงพระเยซูนั้น เราต้องติดตามพระองค์ -

ฟาติมาสาร: คุยกับพระสันตะปาปา (16 มี.ค. 2014)

Image
วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา (พุธรับเถ้า) “คอร์ริเอเร่ เดลลา เซร่า” หนังสือพิมพ์อิตาลีตีพิมพ์บทสัมภาษณ์สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ในหลายประเด็นน่าสนใจ อาทิ การสละตำแหน่งพระสันตะปาปา, การปฏิเสธว่าพระองค์ไม่ใช่ “ซูเปอร์โป๊ป” รวมถึงการทำงานในฐานะพระสันตะปาปา เรื่องทั้งหมดนี้ ติดตามกันได้นับจากบรรทัดนี้เลย ...  พ่ออาจสละตำแหน่งเหมือน “โป๊ป เบเนดิกต์” ก็ได้ คำถามแรกๆที่นักข่าวถามพระสันตะปาปา ได้แก่ ในอนาคต ตำแหน่งพระสันตะปาปากิตติคุณ (พระสันตะปาปาที่สละตำแหน่ง) จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆหรือไม่ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ตอบว่า “พระศาสนจักรคาทอลิกควรมีการพูดคุยแบบจริงจังเกี่ยวกับตำแหน่งพระสันตะปาปากิตติคุณ มันก็เป็นไปได้ที่พ่ออาจเลือกเดินแบบพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ผู้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ตัดสินใจสละตำแหน่ง และก็อาจมีพระสันตะปาปาในอนาคตอีกหลายองค์ที่ทำแบบนี้ “พ่อคิดว่า สถานะของพระสันตะปาปากิตติคุณไม่ควรเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ (หมายถึงผู้อาวุโสเกษียณอายุ) แต่เราควรยกระดับเป็นที่ปรึกษาและหาจุดลงตัวให้กับตำแหน่งนี้จะดีกว่า นอกจากนี้ พ่อขอย้ำว่า พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ เป็นคนที่สุขุ

พระคาร์ดินัลฮุมเมสและมองซินญอร์ซัวเร็บ เล่าความประทับใจ 1 ปีแห่งสมณสมัยของโป๊ปฟรังซิส

Image
พระคาร์ดินัล เคลาดิโอ ฮุมเมส อดีตประธานสมณกระทรวงเพื่อพระสงฆ์และอดีตประมุขอัครสังฆมณฑล เซา เปาโล ประเทศบราซิล ให้สัมภาษณ์รำลึกถึงความหลังเหตุการณ์วันที่ 13 มีนาคม 2013 วันที่ท่านนั่งอยู่ในวัดน้อยซิสติน ข้างๆกับ "พระคาร์ดินัล ฮอร์เก้ แบร์โกโญ่" ประมุขอัครสังฆมณฑลบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ผู้ซึ่งต่อมาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา โดยเลือกพระนามว่า "ฟรังซิส"  พระคาร์ดินัล เคลาดิโอ ฮุมเมส (กลางภาพ) พระคาร์ดินัล ฮุมเมส จัดว่าเป็นเพื่อนสนิทกับพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสันตะปาปาทรงย้ำหลายครั้งว่า พระนาม "ฟรังซิส" มาจากพระคาร์ดินัลฮุมเมส ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น พระคาร์ดินัลฮุมเมส จะมารำลึกเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังกันอีกครั้ง "วันนั้น (การลงคะแนนเลือกตั้งพระสันตะปาปา 2013) พ่อนั่งติดกับพระคาร์ดินัล แบร์โกโญ่ ท่านนั่งนิ่งหลังคะแนนโหวตของท่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พ่อจึงหันไปบอกท่านถึงโอกาสที่ท่านจะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปา และเมื่อคะแนนท่านเริ่มสูงมากๆ พ่อเริ่มพูดให้กำลังใจท่าน ที่สุดแล้ว ผลการนับคะแนนก็จบลงพร้อมเสียงปรบมือ พ่อลุกขึ้นและสวมกอดกับพระคาร์ดิ

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าหลงไปคุยกับซาตานและความชั่วเด็ดขาด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ เราต้องอย่าหลงไปเสวนากับซาตานและความชั่วเด็ดขาด เพราะมันพยายามจะล่อลวงเราให้ถอยจากพระเจ้า เหมือนอย่างที่เอวาหลงไปคุยกับงู แต่เราต้องทำแบบพระเยซูที่ไม่คุยไม่สนใจปีศาจที่มาล่อลวงพระองค์ตอนจำศีลอดอาหาร พร้อมกันนี้ ทรงขอคำภาวนาให้การเข้าเงียบมหาพรตของพระองค์และโรมันคูเรีย สำเร็จไปด้วยดี ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ในส่วนของบทสอนประจำวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า: - พระวรสารประจำสัปดาห์แรกของเทศกาลมหาพรต ปีศาจพยายามล่อลวงพระเยซูต่างๆนาๆในระหว่างที่ทรงจำศีลอดอาหารเป็นเวลา 40 วัน การล่อลวงนี้ ปีศาจพยายามทำให้พระเยซูถอยห่างจากแผนของพระบิดา มันพยายามล่อลวงพระเยซูให้ถอยห่างจากแนวทางการเสียสละ และมุ่งเดินไปบนถนนที่เรียบง่าย ถนนแห่งความสำเร็จ ถนนแห่งอำนาจและเงินตรา แต่มันก็ทำไม่สำเร็จ เพราะพระเยซูทรงมีความซื่อสัตย์และแน่วแน่ต่อแผนการของพระบิดา - พระเยซูทรงหนักแน่นมากๆ พระองค์ปฏิเสธและไม่ประนีประนอมกับความชั่วเลย เราจะเห็นว่า พระเย

โป๊ปกิตติคุณเบเนดิกต์: "หลังจากร่วมงานกับโป๊ป จอห์น ปอล ที่ 2 ได้สักพัก พ่อรู้เลยว่า ท่านคือนักบุญ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา กิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงให้สัมภาษณ์ หลังจากทำงานร่วมกับสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 มาสักพัก ตนรู้เลยว่า ท่านผู้นี้คือนักบุญแน่นอน ทรงย้ำ ตนเองไม่คู่ควรด้วยซ้ำที่จะเลียนแบบ พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 แต่ตนพยายามสุดความสามารถเพื่อสานต่องานของพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ให้ออกมาดีที่สุด  สมเด็จพระสันตะปาปา กิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงให้สัมภาษณ์กับ วล็อดซิเมียร์ซ  เรดซิออช นักข่าวจากโปแลนด์ เป็นกรณีพิเศษ โดยบทสัมภาษณ์ส่วนมากเกี่ยวกับ "สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2" และบทสัมภาษณ์นี้ถูกตีพิมพ์ลงใน คอร์ริเอเร่ เดลล่า เซร่า หนังสือพิมพ์อิตาเลี่ยน เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาด้วย ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ตรัสว่า: - ตลอดหลายปีที่พ่อได้ทำงานกับ พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 มันเป็นเรื่องชัดเจนมากๆสำหรับพ่อ นั่นคือ พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 คือนักบุญอย่างแน่นอน - การพบกันครั้งแรกของเราทั้งสอง เกิดในการลงคะแนนเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ในปี 1979 (ตอนนั้นคือการเลือกพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 1) ตอนนั้น เราเคยได้ยินชื่

โป๊ปฟรังซิส: "ความยากสุดของการอดอาหารคือการทำตัวเหมือนชาวสะมาเรียผู้ใจดี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ความยากสุดของการอดอาหารคือการทำตัวแบบชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่น้อมตัวลงช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก ทรงย้ำ เราต้องไม่ทำตัวเหมือนสมณะที่เร่งรีบและเดินผ่านไป เพียงเพราะกลัวว่าจะติดเชื้อจากบาดแผลของคนนั้น ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านและพระวรสารประจำวันนี้ ในระหว่างที่เราจำศีลอดอาหาร พระเจ้าต้องการให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ตกทุกข์ได้ยาก นี่คือบทบาทความรักในชีวิตของคริสตชนทุกคน คริสตศาสนาคือการแสดงออกถึงการปฏิบัติตามพระวาจาของพระเยซู ผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงต่อหน้าผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากโดยไม่รู้สึกอึดอัดพระทัยเลย - บรรดาฟาริสีตำหนิพระเยซูและศิษย์ของพระองค์ที่ไม่จำศีลอดอาหารตามธรรมบัญญัติ แต่พระเยซูตอบกลับไปด้วยความหมายแฝงว่า การที่เราได้รับความรักจากพระบิดาและถ่ายทอดความรักนี้ออกไปให้ผู้อื่น หมายความว่า เราไม่ได้ปฏิบัติของขวัญแห่งความรักนี้ แต่พวกที่ทำตามบทบัญญัติและคิดว่าตัวเองเป็นผู้ทรงศีล แต่กลับขาดความรู้สึกร่วมเป็นหนึ่ง

โป๊ปฟรังซิส: "สไตล์การเป็นคริสตชน ต้องแบกกางเขนติดตามพระเยซู"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน สไตล์การเป็นคริสตชนคือต้องแบกกางเขนติดตามพระเยซู การทำแบบนี้เราต้องถูกสังคมปฏิเสธและเหยียดหยาม กระนั้น ถ้าไม่เจอปฏิเสธ ก็ไม่ใช่หนทางตามสไตล์คริสตชนแน่นอน  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสชัดเจนว่า "ถ้าใครปรารถนาจะติดตามเรา จงเลิกนึกถึงตนเอง แบกกางเขนและติดตามเรามา" พระดำรัสของพระเยซูตอนนี้นี่แหละคือ "สไตล์ของคริสตชน" เพราะนี่คือสิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติในการเป็นศิษย์พระเยซู - เราไม่สามารถคิดถึงชีวิตคริสตชนโดยไม่แบกไม้กางเขน เพราะนี่คือการเดินทางที่พระเยซูทรงเลือก นี่คือการเดินทางของความสุภาพถ่อมตน เช่นเดียวกัน มันเป็นการเดินทางของการถูกเหยียดหยามและถูกปฏิเสธ แต่อย่างที่บอกไป หนทางนี้ถ้าปราศจากไม้กางเขน สไตล์ของคริสตชนก็ไม่ใช่คริสตชนแล้ว - สไตล์คริสตชนที่แบกกางเขนนี่แหละที่จะช่วยเราให้ได้รับความรอดจากบาป นี่คือหนทางที่ปฏิเสธตัวเองและต่อต้านความเห็นแก่ตัว นี่คือหนทางในกา

โป๊ปฟรังซิสถามพระสงฆ์ "ก่อนจบวัน ท่านใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าหรือหน้าทีวี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถามบรรดาพระสงฆ์ ใช้เวลาตอนจบของวันอยู่กับพระเจ้าหรืออยู่หน้าทีวี ทรงชี้ ความเมตตาไม่ใช่การผ่อนปรนจนเกินไป และก็ไม่ใช่การเข้มงวดเกินเหตุกับสัตบุรุษ แต่หมายถึงการเป็นเหมือนชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่ช่วยเหลือสัตบุรุษแบบรายบุคคล ทรงเตือนสติ พระสงฆ์ต้องรับฟัง ให้คำแนะนำ และรู้จักยกโทษผู้ที่แสวงหาการเยียวยาและต้องการการให้อภัย ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลโรมที่มาเข้าเฝ้าประจำปี ภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน เนื่องในโอกาสเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนพระสงฆ์ในสังฆมณฑลของพระองค์ว่า: - พี่น้องพระสงฆ์ที่รัก พระวรสารที่เราได้ฟังไปเมื่อครู่นี้ เราพบว่าพระเยซูทรงรู้สึกเศร้าพระทัยเมื่อเห็นบรรดาประชาชนหดหู่สิ้นหวังเหมือนกับฝูงแกะที่ไร้นายชุมพาบาล ในทำนองเดียวกัน พวกเราพระสงฆ์ในสังฆมณฑลโรมและสังฆมณฑลต่างๆทั่วโลก เราก็ต้องรู้สึกเป็นทุกข์ไปกับสัตบุรุษของเราเมื่อพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หัวใจของเราต้องร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาในการสู้กับความทุกข์ยากนี

โป๊ปฟรังซิส: "มหาพรตเตือนว่า เราเป็นสิ่งสร้างของพระ เราไม่ใช่พระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เทศกาลมหาพรตเตือนสติว่า เราเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า เราไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้น จงเลิกแสวงหาอำนาจและทำตัวบงการทุกสิ่ง ทรงชี้ องค์ประกอบหลัก 3 อย่างในการออกเดินทางฝ่ายจิตในเทศกาลมหาพรตคือ การภาวนา, การอดอาหาร และ การทำบุญให้ทาน ช่วงเย็นวันพุธที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาวันพุธรับเถ้า ณ มหาวิหารซานตา ซาบิน่า กรุงโรม โดยก่อนหน้านี้ ทรงเป็นประธานในพิธีเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต ณ มหาวิหารซาน อัลเซลโม ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านแรกจากหนังสือประกาศกโจเอล พระเจ้าตรัสว่า "จงฉีกจิตใจของท่าน มิใช่เสื้อผ้า" ข้อความตอนนี้หมายถึงการกลับใจ นี่คือการเรียกร้องที่ท้าทายเราทุกคนแบบไม่มีข้อแม้ และยังเป็นการเตือนใจเราว่า การกลับใจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ภายนอก แต่มันเกี่ยวข้องกับการแปรเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ โดยเริ่มต้นที่แก่นแท้ในตัวบุคคล เริ่มจากความคิดของเรา - เทศกาลมหาพรตเชิญชวนเราให้เปิดใจและมองให้ไกลกว่าความต้องการของตัวเอง ยุคนี้ เราถูกห้อมล้อมด้วยวัฒนธรรมขอ

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าหลงไปตามวัฒนธรรมที่ไม่พึ่งพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงหวังเห็นคาทอลิกสู้กับวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่บอกว่า มนุษย์ทำทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องพึ่งพระเจ้า รวมถึงวัฒนธรรมที่พ่อแม่ไม่สอนให้ลูกสวดภาวนาและเชื่อในพระ ทรงชี้ เราต้องเริ่มเดินในเทศกาลมหาพรตด้วยการใช้โทษบาป ภาวนา และกลับใจ  ช่วงสายวันพุธที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 70,000 คน สำหรับวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก วันนี้ เราเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต การเดินทางแห่งการใช้โทษบาป ภาวนา และกลับใจ เพื่อจะได้เตรียมตัวในการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งพระมหาทรมาน สิ้นพระชนม์ และเสด็จกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า - ในระหว่างเทศกาลนี้ พระศาสนจักรเรียกร้องเราให้พิจารณาไตร่ตรองด้วยความชื่นชมยินดีและสำนึกในความรักของพระเจ้าที่เผยแสดงให้เราผ่านทางธรรมล้ำลึกแห่งปาสกา - การเดินแห่งจิตวิญญาณตลอดเส้นทางนี้ เป็นการเดินตามทางของพระคริสตเจ้า และยังเป็นการเรียกเราให้รับรู้และตอบสนองต่อการเติบโตทางจิตใจและละทิ้งการยึดติดกับวัตถุต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่ง มันยัง

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าหวังผลประโยชน์จากชีวิตคริสตชน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนใจ ชีวิตคริสตชนไม่ใช่การแสวงหาผลประโยชน์ อย่าแสวงหาความก้าวหน้าทางอาชีพจากชีวิตคริสตชน ทรงย้ำ คนที่ติดตามพระเยซูจะได้รับรางวัลในสวรรค์ ส่วนในโลกนี้ จะได้รับการเบียดเบียนข่มเหง ช่วงเช้าวันอังคารที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ นักบุญเปโตรทูลพระเยซูว่า ตนจะได้สละทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์แล้ว และจะได้รับอะไรตอบแทนบ้าง คำถามของนักบุญเปโตร ดูเป็นคำถามเชิงหวังผลประโยชน์มากๆ แต่พระเยซูทรงเตือนกลับไปว่า พวกเขาจะได้รับการตอบแทนแน่ๆ แต่มันจะมาพร้อมกับการถูกเบียดเบียนข่มเหง - การถูกเบียดเบียนข่มเหงคือสิ่งที่คริสตชนจะได้รับและนี่คือถนนสำหรับคนที่ต้องการติดตามพระเยซู เพราะนี่คือถนนที่พระเยซูทรงก้าวเดินและถูกเบียดเบียนข่มเหง - พี่น้องที่รัก พ่ออยากเตือนใจเราว่า ไม้กางเขนคือเครื่องหมายแสดงถึงถนนของการเป็นคริสตชน เราจะมีพ่อแม่พี่น้องชายหญิงมากมายในพระศาสนจักรและในกลุ่มคริสตชน กระนั้น เราต้องแลกมาด้วยการถูกเบียดเบียน เพราะอะไร ก็เพราะ

โป๊ปฟรังซิส: "สวดให้สงฆ์และซิสเตอร์อย่าตกเป็นทาสเงินและอำนาจ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ เราต้องสวดให้พระสงฆ์และซิสเตอร์ไม่ตกเป็นทาสของเงินตรา ความโอหัง และการบ้าอำนาจ เช่นเดียวกัน เราต้องสวดให้จิตใจของบรรดาเยาวชนกล้าตัดสินใจอย่างอิสระในการติดตามพระเยซู อย่าได้เป็นเหมือนชายหนุ่มผู้มั่งมีและอยากติดตามพระเยซู แต่ใจยังยึดติดเงินตรา ไม่กล้าสละความสุขส่วนตน ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสกับชายหนุ่มมั่งคั่งคนหนึ่งว่า ถ้าอยากได้ชีวิตนิรันดร จงขายทรัพย์สินที่มีแล้วติดตามพระองค์ แต่ว่าเขาไม่เข้าใจและเศร้าสลดมาก แน่นอนว่า ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนดี เป็นคนที่ทำตามธรรมบัญญัติมาตั้งแต่เป็นเด็ก แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่พอ พระเยซูต้องการมากกว่านั้น พระเยซูต้องการให้เขาช่วยเหลือผู้ยากไร้แล้วออกติดตามพระองค์ พระดำรัสนี้เองที่ทำให้เขาทุกข์มากและจากพระองค์ไป - หัวใจของชายหนุ่มคนนี้กระสับกระส่ายจริงๆ เพราะพระจิตทรงผลักดันจิตใจของเขาให้เข้าหาพระเยซูและติดตามพระองค์ แต่ว่า หัวใจของเขาไม่มีที่ว่างและขาดความ