Posts

Showing posts from February, 2014

โป๊ปฟรังซิส: "เมื่อคู่รักหย่าร้าง เราต้องเห็นใจ ไม่ใช่สมน้ำหน้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ เมื่อคู่รักหย่าร้าง เราต้องร่วมให้กำลังใจเขา ไม่ใช่ไปสมน้ำหน้า ทรงชี้ อย่าทำตัวแบบฟาริสีที่นำบทบัญญัติมาอ้างว่า ชายหญิงสามารถหย่าร้างกันได้ เพราะในความเป็นจริง พระเจ้าทรงสร้างชายและหญิงคู่กัน สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกจากกันเลย ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงตอบกลับพวกฟาริสีที่มาถามพระองค์เกี่ยวกับการหย่าร้าง พวกฟาริสีพยายามอ้างคำสอนของโมเสสที่บอกว่า "ชายและหญิงสามารถหย่าร้างกันได้" คนพวกนี้ชอบใช้หลักศีลธรรมในทางที่ผิด เรื่องที่ผิดแต่ดันไปทำให้มันถูกต้อง กระนั้น พระเยซูตรัสตอบชัดเจนว่า "ผู้ใดหย่าร้างภรรยาและแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทําผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามีไปแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทําผิดประเวณีเช่นเดียวกัน" - พวกฟาริสีพยายามอ้างตัวบทกฏหมาย แต่พระเยซูทรงย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ นั่นคือ "เมื่อแรกสร้างโลกนั

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องคิดและทำให้ตรงกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คริสตชนต้องปฏิบัติตนให้เหมือนกับสิ่งที่พูด เพราะการเป็นคริสตชนที่ดี ความคิด, ความรู้สึก และการประพฤติตนต้องสัมพันธ์กัน ทรงชี้ พระเจ้าไม่เคยเหนื่อยที่จะให้อภัยเรา ดังนั้น อย่ากลัวที่จะขออภัยโทษจากพระองค์ ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ทั้งบทอ่านจากจดหมายนักบุญยาค็อบและพระวรสารจากนักบุญมาร์โกในวันนี้ ถือว่าให้ข้อคิดที่ดีกับเรามากๆ การเป็นคริสตชนหมายถึงการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ คริสตชนคือคนที่คิดแบบคริสตชน รู้สึกแบบคริสตชน และประพฤติตนแบบคริสตชน นี่คือความสัมพันธ์ในชีวิตของคริสตชน บางคนอาจจะพูดว่าตนเองมีความเชื่อ แต่ถ้าคนหนึ่งขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปตามที่พ่อยกมา (คิด, รู้สึก และประพฤติตน) เขาก็ไม่ใช่คริสตชนแล้ว เพราะชีวิตของเขามันไม่สัมพันธ์กันเลย - ในจดหมายของนักบุญยาค็อบ เราก็ได้ยินคริสตชนที่เอาเปรียบลูกจ้างของตน เขาคดโกงและไม่จ่ายเงินให้กับกรรมกรที่เก็บเกี่ยวในทุ่งนา ค่าจ้างนี้กําลังร้อง และเสียงร้องข

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาเจ็บป่วย อย่ากลัวที่จะเรียกพระสงฆ์มาโปรดศีลเจิม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงกระตุ้นคริสตชน เวลาที่เจ็บป่วย อย่ากลัวที่จะเรียกพระสงฆ์มาโปรดศีลเจิมคนไข้ เพราะศีลนี้ไม่ใช่ของต้องห้ามสำหรับคนที่ใกล้จะสิ้นใจเท่านั้น ทรงย้ำ ศีลเจิมคนไข้คือเครื่องหมายที่บอกว่าพระเยซูอยู่ข้างเราเสมอในเวลาที่เราเจ็บป่วยหรือสูงอายุ ช่วงสายวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 70,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก ขอบคุณทุกคนที่มาอยู่ร่วมกันในการเข้าเฝ้าทั่วไปประจำวันนี้ ทั้งๆที่พยากรณ์อากาศบอกว่า ฝนอาจจะตก แต่พวกท่านก็ยังมาที่นี่ด้วยความศรัทธาและกล้าหาญ พ่อขอขอบคุณจากใจจริง - สัปดาห์นี้ พ่อขอแบ่งปันเกี่ยวกับเรื่อง "ศีลเจิมคนป่วย" ศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ทำให้เราได้สัมผัสกับความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ - ธรรมล้ำลึกของศีลเจิมคนไข้มีให้เห็นในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ตอนที่ชาวสะมาเรียผู้ใจดีเข้ามาช่วยคนที่ถูกโจรปล้น เขาได้นำน้ำมันมาชโลมรักษา สิ่งนี้คือเครื่องหมายของน้ำมันเจิมผู้ป่วยในศีลศักดิ์สิทธิ

โป๊ปกิตติคุณเบเนดิกต์: "พ่อไม่ได้โดนบีบบังคับให้สละตำแหน่ง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงยืนยัน พระองค์สละตำแหน่งพระสันตะปาปาแบบมีอิสระเสรีภาพในการตัดสินใจ ไม่ได้ถูกบีบให้สละตำแหน่งตามที่มีข่าวลือ ทรงเผย เลือกใส่ชุดสีขาว เพราะเป็นเหตุผลเชิงปฏิบัติโดยบริสุทธิ์ใจล้วนๆ อันเดรีย ตอร์นิเอลลี่ นักข่าวสายวาติกันที่ได้รับการยกย่องมากสุดในโลก ส่งจดหมายถึงสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 โอกาสที่กำลังจะครบ 1 ปีแห่งการสิ้นสุดสมณสมัยของพระองค์ (28 ก.พ.) โดยตอร์นิเอลลี่ ถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า "พระองค์โดนบีบให้สละตำแหน่งหรือไม่" และ "ทำไมยังทรงใส่ชุดสีขาว ทั้งที่สละตำแหน่งพระสันตะปาปาแล้ว และทำไมยังใช้ชื่อพระนาม เบเนดิกต์ ต่อไป" เรื่องทั้งหมดนี้ พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงตอบจดหมายกลับเพื่ออธิบายให้กระจ่าง ใจความว่า "เรื่องการโดนกดดันให้สละตำแหน่ง เป็นเรื่องเหลวไหลมากๆ การสละตำแหน่งนี้ พ่อทำโดยมีอิสระเสรีภาพในการตัดสินใจ ข่าวลือดังกล่าวจึงถือว่าไร้สาระ" "ส่วนเรื่องใส่ชุดสีขาวต่อไปและใช้ชื่อเบเนดิกต์ เรื่องนี้เป็นเหตุผลเชิงปฏิบัติโดยบริสุทธิ์ใจล้วนๆ ตอนที่พ่อสละตำแหน่

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนควรคร่ำครวญและเป็นทุกข์เมื่อเจอข่าวคนตายจากสงคราม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คริสตชนควรคร่ำครวญและเป็นทุกข์ เมื่อได้อ่านเจอข่าวคนตายจากสงคราม ทรงชี้ สมัยก่อน สงครามจะเป็นแบบมหากาพย์คนตายเยอะมาก แต่สมัยนี้ สงครามเปลี่ยนมาเป็นแบบย่อมๆ และจะมีคนตายเป็นระยะๆ ช่วงเช้าวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านวันนี้ เราได้ยินเรื่องการต่อสู้กันเพราะความขัดแย้ง ซึ่งผลที่ตามมาก็คือจำนวนเหยื่อผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก - พูดถึงสงคราม พวกเราจัดงานที่สุสานเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากสงครามมหากาพย์ต่างๆ และทุกคนก็รู้สึกแย่เมื่อรู้ถึงจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ มันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันแหละ เพียงแต่ที่จะมีสงครามมหากาพย์ครั้งเดียว เรามีสงครามย่อยๆอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุกวันนี้ เราเห็นคนฆ่ากันตายเพื่อแย่งดินแดน ฆ่ากันด้วยความเกลียดชังแบบสุดๆ และฆ่ากันเพื่อความทะเยอทะยาน - จำไว้นะว่า สงคราม, ความเกลียดชัง และความเป็นศัตรูกันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เราจะหาซื้อได้ตามท้องตลาด แต่มันอยู่ในใจของเรา

โป๊ปฟรังซิส: "ไร้สาระมากถ้ารักพระคริสตเจ้า แต่ไม่รักพระศาสนจักร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ เป็นเรื่องไร้สาระมากที่เราจะรักพระคริสตเจ้า โดยไม่รักพระศาสนจักร เพราะในความเป็นจริง พระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงชี้ ทุกครั้งที่พระเยซูรักษาผู้คน พระองค์จะพยุงและพาคนๆนั้นกลับบ้านอย่างปลอดภัยเสมอ และเราก็ต้องทำเช่นนั้นด้วย ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ตามคำบอกเล่าของนักบุญมาร์โก เราได้เห็นผู้คนพูดกันถึงความล้มเหลวของบรรดาสาวกในการขับไล่ปีศาจออกจากเด็กชายคนหนึ่ง ทุกคนพูดกันไปเรื่อย แต่ทุกสิ่งจบที่การปฏิบัติ เมื่อพระเยซูทรงพยุงเด็กคนนี้ขึ้น การปฏิบัติของพระเยซูทำให้เราได้ฉุกคิดว่า เมื่อพระองค์ทรงรักษา เมื่อพระองค์ทรงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปรักษาคน พระองค์ไม่เคยลุกจากไปโดยให้คนนั้นอยู่เพียงลำพัง พระเยซูไม่ใช่พ่อมดหมอผี แต่พระองค์คือ "ผู้เยียวยา" ทุกๆคนที่พระเยซูทรงรักษา ทุกคนที่พระองค์ช่วยเหลือได้หายและกลับไปยังสถานที่ที่เหมาะสมกับเขาทุกคน การปฏิบัติของพระองค์จัดว่างดงามมากจ

โป๊ปฟรังซิส: "พระคาร์ดินัลต้องเลี่ยงนิสัยชวนคนนินทา แบ่งพรรคแบ่งพวก และ เลือกที่รักมักที่ชัง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ พระคาร์ดินัลต้องเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซู และต้องหลีกเลี่ยงนิสัยชวนคนคิดแผนชั่วร้าย, การนินทาให้ร้าย, การแบ่งพรรคแบ่งพวก, การเลือกที่รักมักที่ชัง และการให้สิทธิพิเศษแก่บางคน พระคาร์ดินัลต้องตรงไปตรงมาแบบพระวรสารที่สอนว่า "ใช่คือใช่ ไม่คือไม่" ​(Yes is yes, no is no) ทรงขอร้องสัตบุรุษสวดให้พระสันตะปาปา พระคาร์ดินัล และบรรดาพระสังฆราช เพื่อที่ว่าพวกท่านจะได้เป็นผู้รับใช้ที่ดี ไม่ใช่ทำตัวเป็นเจ้านาย ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาร่วมกับบรรดาพระคาร์ดินัลใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อวานนี้ พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ในส่วนบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า: - ในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือเลวีนิติ พระเจ้าตรัสว่า "ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เพราะเรา องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์" ส่วนพระวรสาร พระเยซูตรัสว่า "ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์"  พระวาจาข

โป๊ปฟรังซิส: "พระคาร์ดินัลต้องเป็นผู้นำสันติและแบบอย่างของความกล้าหาญ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำในพิธีสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ พระคาร์ดินัลต้องเป็นผู้นำสันติและเป็นแบบอย่างของความกล้าหาญ ทรงชี้ พระคาร์ดินัลต้องเดินตามทางพระเยซู นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 เสด็จมาร่วมพิธีดังกล่าวด้วย ช่วงสายวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โอกาสวันฉลองธรรมาส์นักบุญเปโตร สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ 19 องค์ ซึ่งจัดขึ้นในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ทั้งนี้ พระคาร์ดินัล ลอริส คาโปวิลล่า วัย 98 ปี อดีตเลขาฯส่วนพระองค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23 ไม่ได้มาร่วมพิธีด้วยเนื่องจากชราภาพมากแล้ว กระนั้น พระศาสนจักรจะจัดพิธีสถาปนาให้ท่านในสังฆมณฑลที่ท่านพำนักอยู่แทน อีกหนึ่งความพิเศษของพิธีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 เสด็จมาร่วมงาน และพระองค์ยังทรงถอดหมวกออกเพื่อถวายความเคารพต่อพระสันตะปาปา ฟรังซิส อีกด้วย ในส่วนของพระดำรัสสอนประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ตรัสว่า: - ก่อนอื่น พ่อขอกล่าวคำต้อนรับ สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ที่ได้เสด็จมาร่วมพิธีแห่

โป๊ปฟรังซิส: "ความเชื่อที่ไม่นำเราเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ก็ไม่ใช่ความเชื่อ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ความเชื่อที่ไม่ได้รับการปฏิบัติ ก็ไม่มีความหมาย ความเชื่อที่ไม่นำเราให้เป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า มันก็ไม่ใช่ความเชื่อเช่นกัน แต่มันเป็นแค่คำพูดเท่านั้น ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านวันนี้จากนักบุญยาค็อบ (ยากอบ) เราได้ฟังว่า "ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำ ก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว" นี่เป็นคำพูดที่ชัดเจนมากๆ ความเชื่อที่ไร้การปฏิบัติ ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี - บ่อยครั้งในชีวิต เรามักจะทำผิดพลาดด้วยการกล่าวว่า "แต่เราก็เป็นคนมีความเชื่อนะ และเราก็เชื่อสิ่งต่างๆด้วย" แต่บางทีคนที่พูดนี้ ก็เป็นคนที่ดูเฉยชาและอ่อนแอกับการดำเนินชีวิต ความเชื่อของเขาจึงเป็นแค่ทฤษฎี มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในชีวิตของเขา - นักบุญยาค็อบพูดชัดเจนว่า คนที่บอกว่าตัวเองมีความเชื่อในพระเจ้าอย่างสุดๆ แต่ความเชื่อไม่ได้รับการปฏิบัติ ความเชื่อนั้นก็ไร้ค่า เราจะสวดบทยืนยันความเชื่อได้แค่ตัวอักษร แต่เราไม่มีความเชื่ออย่างแท้จริง -

โป๊ปฟรังซิส: "รู้จักพระเยซูอย่างเดียวไม่พอ ต้องติดตามพระองค์ด้วย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ การรู้จักพระเยซูอย่างเดียวไม่พอ เราต้องติดตามพระองค์ด้วย เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่การรู้จัก แต่เป็นการติดตามไปตลอดชีวิต  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ร่วมกับคณะพระคาร์ดินัล 8 องค์ที่มาร่วมประชุมปฏิรูปโรมันคูเรีย มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงถามเปโตรว่า "ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร" ส่วนเปโตรทูลตอบทันทีว่า "พระองค์คือพระคริสตเจ้า" นี่คือการตอบสนองอย่างกล้าหาญและเป็นการตอบจากใจ และเราล่ะ พระเยซูทรงเป็นใครสำหรับเรา - มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเข้าใจและศึกษาว่าพระเยซูเป็นใครสำหรับเรา แต่แค่นี้ มันไม่พอหรอกนะ เพราะการจะรู้จักพระเยซู เราจำเป็นต้องเดินติดตามพระองค์เหมือนที่นักบุญเปโตรได้ทำ - นักบุญเปโตรติดตามพระเยซูมาตลอด แต่มาวันหนึ่ง ท่านปฏิเสธพระเยซู ทรยศพระองค์ แต่ท่านก็ได้ขอให้พระเยซูยกโทษให้หลังจากพระองค์เสด็จกลับคืนชีพ พระเยซูยังได้ถามนักบุญเปโตรด้วยว่า "เปโตร ท่านรักเราหรือไม่" คำถามนี้พร

โป๊ปฟรังซิส: "พวกลูกแก้บาปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถาม เราไปแก้บาปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ใช่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว, 2 เดือนที่แล้ว, 20 ปีที่แล้ว หรือ 40 ปีที่แล้วกันแน่ พร้อมกระตุ้น อย่าให้เวลาผ่านไปมากกว่านี้อีกเลย จงรีบไปรับศีลอภัยบาปเถอะ เพราะพระเยซูทรงพร้อมให้อภัยเราเสมอ ทรงชี้ เราไม่สามารถให้อภัยบาปผิดตัวเองได้ เพราะการให้อภัยคือการร้องขอให้คนอื่นยกโทษเท่านั้น ช่วงสายวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 60,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก หลังจากพ่อได้แบ่งปันเกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการรับเข้าเป็นคริสตชนไปแล้ว (Sacraments of Christian Initiation - ศีลล้างบาป, ศีลกำลัง และศีลมหาสนิท) มาวันนี้ พ่อจะขอพูดถึงศีลแห่งการคืนดีและศีลเจิมคนไข้ โดยจะเริ่มที่ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดี ซึ่งก็คือศีลอภัยบาป - เมื่อเราไปรับศีลอภัยบาปหรือไปแก้บาป เราก็ได้รับการเจิมรักษา นี่คือการรักษาจิตวิญญาณและรักษาจิตใจของเรา เพราะเราได้ทำสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น - สิ่งแ

พาสปอร์ตและบัตรประชาชนอาร์เจนตินาของพระสันตะปาปา

Image
กระทรวงการต่างประเทศอาร์เจนตินา ส่งบัตรประชาชนอาร์เจนตินาใบใหม่มาให้กับ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส หลังจากพระองค์แจ้งว่า ไม่ต้องการสละสัญชาติอาร์เจนไตน์ และต้องการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆในฐานะพลเมืองอาร์เจนไตน์  มีข้อมูลเพิ่มเติมและน่าทึ่งมากๆ ... พระสันตะปาปาประกาศจะใช้แต่พาสปอร์ตอาร์เจนติน่าเท่านั้นเวลาไปเยือนประเทศต่างๆ เหตุผลคือ "ต้องการเป็นตัวอย่างไม่ใช้สิทธิพิเศษพาสปอร์ตการทูต ไม่ต้องการใช้สิทธิพิเศษเป็นประมุขของนครรัฐวาติกัน แต่ต้องการใช้พาสปอร์ตแบบคนธรรมดาทั่วไป" พระสันตะปาปาทรงโทรศัพท์ไปหาทูตอาร์เจนติน่าประจำสันตะสำนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และพระองค์ใช้เวลาถ่ายรูปทำพาสปอร์ตและบัตรประชาชนใบใหม่ 15 นาที อีกหนึ่งการปฏิรูปตัวเอง ด้วยการ "ไม่ใช้สิทธิพิเศษที่มี แต่เลือกปฏิบัติแบบคนทั่วไป" หมายเหตุ - ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถ้าไปเยือนประเทศที่ชาวอาร์เจนไตน์ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ พระสันตะปาปาจะใช้พาสปอร์ตนี้หรือเปล่า ถ้าใช้ พระองค์คงต้องทำวีซ่า ...หรืออีกวิธีคือเลือกใช้พาสปอร์ตการทูต ... อันนี้ ต้องติดตาม

โป๊ปฟรังซิส: "คนที่ต้องการสิ่งใดแบบทันที เป็นพวกขาดปรีชาญาณของความอดทน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คนบ้าอำนาจและต้องการสิ่งต่างๆแบบทันที เป็นพวกที่ขาดปรีชาญาณของความอดทนและความเพียร คนพวกนี้เป็นเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่ไม่รู้จักโต ทรงย้ำ อย่าทำตัวท้าพระเจ้าให้แสดงเครื่องหมายอัศจรรย์ เพราะพระเจ้าไม่ใช่พ่อมด พระองค์ทรงมีแนวทางต่างๆแบบอดทน ทรงชื่นชม ผู้ป่วยที่ยิ้มรับความทุกข์ยากคือคนที่อ่านเครื่องหมายของพระเจ้าเป็น ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ร่วมกับคณะพระคาร์ดินัล 8 องค์ที่มาร่วมประชุมปฏิรูปโรมันคูเรีย มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านแรกของวันนี้จากจดหมายของนักบุญยาค็อบ (ยากอบ) ท่านนักบุญกล่าวว่า "จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลําบากต่างๆ เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร จงพากเพียรให้ถึงที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตําหนิ และไม่ขาดสิ่งใด" - ใครก็ตามที่ต้องการสิ่งต่างๆแบบทันทีทันใด เขาก็เป็นคนที่ไม่รู้จักปรีชาญาณของความอดทนและความพากเพียร พวกเขาเป็นเหมือ

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าเกลียดใครแบบรักไม่ลงจริงๆ ก็จงสวดภาวนาให้เขา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแนะ ถ้ามีใครสักคนที่เราเกลียดสุดๆจนมอบความรักให้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ทางออกที่ดีที่สุดคือจงสวดภาวนาให้เขา และพระเจ้าจะทรงช่วยสิ่งที่จะตามมาเอง  ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จอภิบาลและถวายมิสซาโปรดศีลกำลังและรับศีลมหาสนิทครั้งแรกให้กับเด็กๆที่วัดนักบุญโธมัส อัครสาวก ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีกว่า 20,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนแบบสดๆ ใจความว่า: - พี่น้องที่รัก เราควรถามใจตัวเองดูนะว่า จิตใจของเราเปี่ยมด้วยสิ่งใด อาทิ ความรัก, ความเกลียดชัง, การให้อภัย หรือ ความอาฆาตแค้น - พวกเราจำเป็นต้องซื่อสัตย์เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในจิตใจเรา ขอให้เราวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้าสำหรับความซื่อสัตย์นี้ เพื่อที่ว่า เราจะได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดในจิตใจของเรา และจะได้ตัดสินใจสิ่งต่างๆได้อย่างถูกต้อง ตัดสินได้ถูกตามหลักคุณความดี - พ่ออยากให้พวกท่านได้หยุดคิดและพิจารณาคำพูดนี้ของพ่อสักนิด นั่นคือ ถ้ามีใครสักคนที่ท่านไม่สามารถรักเขาได้ เพียงเพราะท่านรักเขาไม่ลงจริงๆ ท่านก็จงสวดภาวนา

โป๊ปฟรังซิส: "พระบัญญัติที่ 5 อย่าฆ่าคน แต่เราต้องฆ่าคำพูดนินทาให้ร้ายกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระบัญญัติข้อ 5 คืออย่าฆ่าคน แต่เราสามารถฆ่าคำพูดนินทาให้ร้ายกันได้ เพราะการนินทาคือการฆ่าคุณงามความดีที่คนๆหนึ่งทำสร้าขึ้นมาให้พังทลายไปในพริบตา ทรงชี้ ธรรมบัญญัติที่ยิ่งใหญ่สุดคือ จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 50,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันพระวรสารวันอาทิตย์ (มธ 5:17-37) ใจความว่า: - พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นคำเทศนาที่พระเยซูสอน พระองค์ทรงกล่าวถึงแนวทางของพระองค์กับธรรมบัญญัติของโมเสส เห็นได้ชัดว่า พระเยซูไม่ต้องการลบธรรมบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้พวกเราผ่านทางโมเสส แต่สิ่งที่พระเยซูต้องการก็คือ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะทำให้ธรรมบัญญัติเหล่านั้นได้รับการเติมเต็ม พระเยซูทรงกล่าวชัดเจนว่า การเติมเต็มธรรมบัญญัตินั้น จำเป็นต้องมีความยุติธรรมและการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง - เราได้เห็นพระวาจาของพระเยซูที่กล่าวอย่างตรงไป

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนที่อยู่นิ่งๆไม่ประกาศพระวรสารคือพวกคริสตชนเจ็บป่วย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ คริสตชนที่ไม่ประกาศพระวรสารคือพวกคริสตชนที่เจ็บป่วย นิสัยแบบนี้ไม่ใช่อัตลักษณ์การเป็นศิษย์พระเยซู เพราะพระองค์ไม่เคยสั่งสาวกให้อยู่นิ่งๆ มีแต่สั่งให้ออกไปประกาศพระวรสาร แม้จะเผชิญกับความยากลำบากก็ตาม ทรงสอน คริสตชนต้องทำตัวเหมือนลูกแกะที่ใสซื่อ อย่าใช้กำลังแบบพวกหมาป่าเด็ดขาด ถ้าวันใดเรากลายร่างเป็นหมาป่า พระเจ้าจะไม่ช่วยเหลือเราแน่นอน  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - วันนี้ พ่ออยากจะแบ่งปันข้อความจากหนังสือกิจการอัครสาวกกับพวกท่านสักเล็กน้อย สิ่งที่อยากจะพูดคือ "อัตลักษณ์ของคริสตชน" - คริสตชนคือคนที่ถูก "ส่งออกไป" พระเจ้าทรงส่งบรรดาอัครสาวกออกไปให้กับโลกเพื่อประกาศพระวรสาร ดังนั้น คริสตชนคือศิษย์พระเยซู ผู้ถูกส่งออกไปเดินและเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อประกาศเรื่องราวของพระเยซูให้โลกรู้ - คริสตชนที่ยืนอยู่กับที่ ไม่ก้าวเดินออกไปประกาศพระวรสาร เขาก็เป็นคริสตชนที่เจ็บป่วย เพราะอัตลักษณ์แรกของการ

โป๊ปฟรังซิส: "คู่สามีภรรยาและคู่หมั้นควรจะสวดขอความรักประจำวันจากพระเจ้าด้วย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอนคู่รักทุกคู่ จงเรียนรู้ที่จะสวดขอพระบิดาว่า "โปรดประทานความรักประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้" ทรงชี้ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันคือศิลปะ และต้องพูด "ขอร้อง, ขอบคุณ และขอโทษ" ทรงย้ำ ไม่มี "สามีและภรรยา" ที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น อย่าปล่อยให้วันๆหนึ่งผ่านไปโดยที่ไม่กล่าวคำขอโทษแก่กันและกัน ทรงเตือนสติ เวลาจัดงานแต่งงาน อย่ามัวแต่กังวลว่างานเลี้ยงฉลองจะราบรื่นไหม หรือกังวลว่าชุดจะดูสวยงามหรือเปล่า เพราะของพวกนี้ พระเจ้าจะช่วยเราเสมอเหมือนเหตุการณ์ที่เมืองคานา  ช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับคู่รักกว่า 15,000 คน (คู่สามีภรรยาป้ายแดงและบรรดาคู่หมั้น) ที่มาเข้าเฝ้า ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โอกาสวันวาเลนไทน์ โดยบรรยากาศวันนี้เป็นไปแบบอบอุ่นและอบอวลด้วยไอรักเป็นอย่างมาก โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า: - สุขสันต์วันวาเลนไทน์แด่พี่น้องคู่รักทุกท่าน! วันนี้เป็นวันแห่งความรักความสุข และเป็นวันแห่งพระหรรษทานที่พระเจ้าทรงนำเรามาอยู่ร่วมกัน และมันเป็น

โป๊ปฟรังซิส: "สถาบันการศึกษาคาทอลิกไม่ควรปลีกตัวออกจากสังคม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ สถาบันการศึกษาคาทอลิกไม่ควรปลีกตัวออกจากสังคม เพียงเพราะคิดว่าเราเป็นคนส่วนน้อยจึงไม่ควรแพร่ธรรมให้คนต่างศาสนา ทรงย้ำ สถาบันการศึกษาคาทอลิกต้องมีการลงทุนเพื่อครูอาจารย์และพนักงานทางการศึกษา จะได้รักษาความเป็นมืออาชีพ รักษาความเชื่อ และพละกำลังในการมีแรงกระตุ้นทางจิตวิญญาณของตนเอง ช่วงเที่ยงวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกสมณกระทรวงเพื่อการศึกษาคาทอลิกที่มาเข้าเฝ้า หลังเสร็จสิ้นการประชุมประจำปีที่วาติกัน โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้ข้อคิดกับพวกเขาว่า: - โรงเรียนและมหาวิทยาลัยคาทอลิกส่วนมาก จะมีนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ใช่คาทอลิกและไม่มีศาสนา เข้ามาศึกษาหาความรู้ ดังนั้น สถานศึกษาคาทอลิกเหล่านี้ควรจะเคารพเสรีภาพของทุกคนในแนวทางที่เหมาะสมต่อบริบททางการศึกษา ในส่วนของการนำเสนอตามแบบคริสตชน บริบทของเราก็คือ พระเยซูทรงเป็นความหมายของชีวิตของเรา - การศึกษาแบบคาทอลิกจัดเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญยิ่งของพระศาสนจักร เราอุทิศตนให้กับการประกาศพระวรสารใหม่ในประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนผ่านบริบททางส

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าสวดบทข้าพเจ้าเชื่อ แต่ใจขาดความเชื่อพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่าเป็นคริสตชนที่สวดบทข้าพเจ้าเชื่อ แต่ใจดันขาดความเชื่อในพระเจ้า ทรงชี้ จงดำเนินชีวิตเหมือนหญิงต่างชาติต่างศาสนาที่ศรัทธาในพระเยซู ไม่ใช่ดำเนินชีวิตแบบกษัตริย์ซาโลมอนเป็นเชื่อพระเจ้า แต่ความเชื่อจริงๆนั้นไม่มั่นคงเสียเลย ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ สตรีคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ชาวยิว แต่เป็นชาวซีโรฟีนีเซียโดยกําเนิด เธอได้เข้ามาหาพระเยซูและอ้อนวอนพระองค์ให้ขับไล่ปีศาจออกจากบุตรสาวของตน แต่พระเยซูตรัสกับสตรีคนนี้ว่า "ให้ลูกๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูกมา โยนให้ลูกสุนัขกิน” แต่สตรีทูลพระเยซูกลับไปว่า "ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่ลูกสุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยังได้กินเศษอาหารของลูกๆ" - พี่น้อง เราได้เห็นแล้วว่า สตรีคนนี้ไม่ได้รู้สึกละอายใจที่มีความเชื่อในพระเยซู แม้เธอจะเป็นคนต่างชาติต่างศาสนา แต่เธอก็วางใจในพระองค์ ดังนั้น พระเยซูจึงทำอัศจรรย์และขับไล่ปีศาจออกจากลูกสาว

โป๊ปฟรังซิส: "เราไม่ได้ไปมิสซาเพราะต้องการโชว์ว่าเหนือกว่าคนอื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เราไปร่วมมิสซา ไม่ใช่เพราะเราต้องการที่จะแสดงตัวว่าเหนือกว่าคนอื่น แต่เราไปร่วมมิสซาเพราะเราต้องการความรักของพระเจ้าและพระเมตตาของพระองค์ ทรงย้ำ ศีลมหาสนิทมอบพระหรรษทานให้เรารู้จักให้อภัยผู้อื่นทุกคน  ช่วงสายวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 55,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก พ่อขอถามพวกท่านเกี่ยวกับศีลมหาสนิท พ่ออยากรู้ว่า ศีลมหาสนิททำให้เรารู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเราเองหรือเปล่า หรือมันมีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้น พ่อจึงขอแบ่งปัน 3 แนวทางในการค้นพบว่า ศีลมหาสนิทสามารถทำให้เรารู้สึกถึงความแตกต่างในการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่นอย่างไร - แนวทางแรกคือวิธีการที่เรามองและประพฤติตนต่อผู้อื่นจากทุกก้าวเดินของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นต่อเด็กหรือคนชรา คนจนหรือคนมั่งมี เพื่อนบ้านหรือผู้มาเยือน พระคริสตเจ้าทรงรักที่จะมอบพระองค์เองเพื่อทุกคนบนไม้กางเขน ดังนั้น พวกเราถูกเรียกมาเพื่ออุทิศตนเอง

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาร่วมมิสซา เลิกดูนาฬิกาได้แล้ว" 

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน เวลาร่วมมิสซา เลิกหยิบนาฬิกามาดูเวลาได้แล้ว เพราะนี่คือพื้นที่และเวลาของพระเจ้า ไม่ใช่เวลาของมนุษย์ ทรงชี้ มิสซาไม่ได้ร่วมด้วยการ "ฟัง" แต่เป็นการมีส่วนร่วม ทรงเตือนสติ อย่าคุยอวดว่า มาเที่ยวกรุงโรมและได้ร่วมมิสซากับพระสันตะปาปาที่ซางตา มาร์ธา เพราะวัดน้อยแห่งนี้ไม่ใช่ร้านค้าสำหรับนักท่องเที่ยว ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านประจำวันนี้จากหนังสือพงศ์กษัตริย์ (1 พกษ 8:1-7,9-13) ได้พูดถึง "หีบพันธสัญญาของพระเจ้า" ในช่วงเวลาแห่งการปกครองของกษัตริย์ซาโลมอน เราได้เห็นพระเจ้าเสด็จลงมาเหมือนเมฆอยู่เหนือพระวิหาร ซึ่งเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า - เราได้เห็นว่า พระเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ในหลายทาง อาทิ ผ่านทางประกาศก พระสงฆ์ และพระคัมภีร์ แต่สำหรับหีบพันธสัญญา พระเจ้าตรัสกับเราในอีกวิธีหนึ่งที่แตกต่างจากพระวาจาของพระองค์ กล่าวคือ นี่คือการประทับอยู่ของพระเจ้า ประทับอยู่อย่างใกล้ชิด

โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องเป็นตะเกียงที่ถูกจุด เพื่อส่องแสงพระเยซูให้กับโลก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คริสตชนต้องเป็นตะเกียงที่ถูกจุดให้แสงสว่าง เพื่อจะได้ส่องแสงของพระเยซูให้กับโลก พร้อมกันนี้ ทรงเชิญชวนภาวนาให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยทุกคน โอกาสวันอังคารนี้ 11 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันฉลองแม่พระเมืองลูร์ด ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 60,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงสอนเรื่องเกลือที่รักษาความเค็มและการเป็นแสงสว่างส่องโลก - พระวาจาตอนนี้ทำให้พวกเรารู้สึก "ทึ่ง" มากๆนะ เมื่อเราพิจารณาว่าพระเยซูทรงกล่าวเรื่องนี้กับคนที่เป็น "ชาวประมง" เป็นคนธรรมดาๆ  กระนั้น พระเยซูทรงมองสิ่งที่พระองค์ทำด้วยสายพระเนตรของพระเจ้า พระวาจาตอนนี้เป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องกับเรื่องบุญลาภ กล่าวคือ ถ้าเรามีจิตวิญญาณแห่งความยากไร้, นอบน้อม, ใจบริสุทธิ์ และเมตตา เราก็จะเป็นเกลือดองโลกและเป็นแสงสว่างส่องโลก - คริสตชนได้รับพันธกิจเกี่ยวกับมนุษยชาติ พันธกิจเกี่ยวกับค

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าแสวงหาผลประโยชน์จากสถานะคริสตชนเด็ดขาด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่าแสวงหาผลประโยชน์จากสถานะการเป็นคริสตชน และอย่าใช้การเป็นคริสตชนแสวงหาสิทธิพิเศษต่างๆ แต่เราควรจะประกาศพระวรสารด้วยความสุภาพถ่อมตน โดยปราศจากการฉกฉวยเรื่องการเป็นประกาศกของพระเจ้า  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ (มก 6:14-29) เป็นเรื่องของการประหารชีวิตนักบุญจอห์น บัปติสต์ ด้วยการตัดศีรษะของท่าน - จอห์น บัปติสต์ คือบุรุษที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อเตรียมทางให้กับพระบุตรของพระองค์ ท่านเป็นบุรุษที่ถูกพิพากษาในศาลของเฮร็อด ศาลที่เต็มไปด้วยการคดโกงและความชั่วร้ายที่พร้อมขอให้ทุกคนเปลี่ยนเรื่องถูกเป็นเรื่องผิด - แบบอย่างที่ยิ่งใหญ่ของนักบุญ จอห์น บัปติสต์ คือการประกาศพระนามของพระเยซูคริสต์ คิดดูซิว่า ท่านจอห์นมีโอกาสนะที่จะประกาศว่าตัวเองคือพระเมสซิยาห์ แต่ท่านไม่ทำ! ท่านเป็นบุรุษแห่งความจริง! ท่านดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพถ่อมตน โดยย้ำว่ามาเตรียมทางให้พระเยซู และยังเป็นคนที่ยอมทนทุกข์จากความอยุติธรรมแ

โป๊ปฟรังซิส: "มรดกที่คริสตชนให้ลูกหลานคือการเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสาร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ มรดกที่คริสตชนควรมอบให้ลูกหลานคือการเป็นประจักษ์พยานและดำเนินชีวิตตามหลักพระวรสาร เหมือนอย่างที่กษัตริย์เดวิดทรงสั่งบุตรชายตอนที่พระองค์กำลังจะสิ้นพระชนม์ ทรงชี้ คริสตชนต้องมีความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตาย เพราะนี่คือการที่เราจะได้ไปอยู่ในบ้านของพระเจ้า ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ที่เราได้ฟังในวันนี้ (1 พกษ 2:1-4,10-12) เราได้ฟังเหตุการณ์ตอนที่กษัตริย์เดวิดสิ้นพระชนม์ แม้กษัตริย์เดวิดจะเป็นคนบาป แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้กดขี่ข่มเหงประชาชน เขายังคงอยู่ในใจของประชากรของพระเจ้าจนวาระสุดท้ายของชีวิต - เราก็เช่นกัน เราควรวอนขอพระเจ้าสำหรับพระหรรษทานที่จะตายในบ้านฝ่ายจิตในพระศาสนจักร เราทุกคนเป็นคนบาป แต่พระศาสนจักรก็เป็นเหมือนแม่ของเรา แม้เราจะเป็นคนบาป แต่พระศาสนจักรก็จะชำระล้างเราให้สะอาด - สิ่งที่พ่ออยากให้เราไตร่ตรองต่อการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์เดวิดก็คือ ท่านตายในสันติ แน่นอนว่า หลัง

โป๊ปฟรังซิส: "เวลาไปร่วมมิสซา ต้องรับศีลมหาสนิทด้วย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ การไปร่วมมิสซาวันอาทิตย์อย่างเดียวไม่พอ เราต้องไปรับศีลมหาสนิทด้วย เพราะศีลมหาสนิทคือพระกายของพระคริสตเจ้าที่ช่วยเราให้รอดพ้นจากบาป และรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา ช่วงสายวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ท่ามสัตบุรุษกว่า 20,000 คน ซึ่งยืนตากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญที่ยืนตากฝนเพื่อพบกับพ่อ วันนี้ฝนตกหนักมาก มันไม่ใช่วันที่ดีเลยนะเนี่ย! - สัปดาห์นี้ พ่อจะเทศน์สอนไม่นานนัก โดยจะยังคงเน้นเรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 โดยวันนี้จะเป็นเรื่องศีลมหาสนิทและพิธีมิสซา - พิธีมิสซา (พิธีบูชาขอบพระคุณ) คืองานเลี้ยงที่หล่อเลี้ยงเราไม่เฉพาะแค่อาหารฝ่ายกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ด้วย - ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระคริสตเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิทเมื่อพระองค์ทรงบิปังออก และมอบถ้วยเหล้าองุ่นซึ่งเป็นเครื่องหมายถึงการสละพระองค์เองบนไม้กางเขน ในศีลมหาสนิท พระ

โป๊ปฟรังซิส: "กษัตริย์เดวิดและไยรัสคือแบบอย่างของคนเป็นพ่อ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงยกแบบอย่างของกษัตริย์เดวิดและไยรัสเป็นแบบอย่างของคนเป็นพ่อ ซึ่งห่วงใยลูกของตนเสมอแม้ลูกคนนั้นจะคิดร้ายกับคนเป็นพ่อก็ตาม ทรงย้ำ พระบิดาก็รักลูกๆทุกคนและไม่เคยทอดทิ้งลูกๆของพระองค์เลย ช่วงเช้าวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่่านวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์เป็นอย่างมาก เมื่อกษัตริย์เดวิดทรงพระกรรแสงต่อการที่อับซาโลม ผู้เป็นลูกที่คิดกบฏต่อพระองค์ ถูกฆ่าตาย ส่วนพระวรสารวันนี้ ไยรัส หัวหน้าศาลาธรรมก็พร่ำวิงวอนต่อพระเยซูให้ช่วยลูกสาวของตนที่กำลังจะสิ้นใจ - พ่อจึงอยากแบ่งปันข้อคิดที่ได้จากบทอ่านและพระวรสารให้กับพวกเราได้ฟังดังนี้ - กษัตริย์เดวิดทรงพระกรรแสงต่อการที่อับซาโลมถูกฆ่าตาย แม้ว่าลูกจะคิดกบฏต่อพ่อ แต่กษัตริย์เดวิดก็ให้อภัยเสมอ เขายังคงรอคอยลูกของตนตลอด เดวิดคือกษัตริย์ เป็นผู้นำของประเทศชาติ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นพ่อคนด้วย ดังนั้น เมื่อเขาได้ยินข่าวลูกของตนต้องตาย เขาจึงโศกเศร้าสุดๆ และเดินไปที่ห้องชั้นบนเพื

โป๊ปฟรังซิส: "ผู้นำที่ดีจะไม่นำประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองและจะสำนึกเมื่อตนทำผิด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ ผู้ปกครองที่ดีจะไม่นำพระเจ้าและประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรอง เพราะถ้าสงครามเกิด จะมีคนล้มตายจำนวนมาก ทรงย้ำ เมื่อทำผิดพลาด ผู้ปกครองที่ดีจะยอมรับและสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ ผู้นำที่ดีจะไม่ยกเหตุผลมาอ้างไปเรื่อย  ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านประจำวันนี้จากหนังสือซามูเอล (2 ซมอ 15:13-14,30;16:5-13) เราเห็นว่า กษัตริย์เดวิดต้องรีบหนีจากการไล่ล่าของอับซาโลมซึ่งคิดทรยศต่อพระองค์ เรื่องนี้ได้ทำให้กษัตริย์เดวิดเสียพระทัยมาก กษัตริย์เดวิดทรงมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการทรยศครั้งนี้? - ปฏิกิริยาแรก เดวิดผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "บุรุษแห่งการบริหารปกครอง" ตระหนักถึงสัจธรรมความจริงที่ว่า เมื่อใดที่สงครามเกิดขึ้น ผลที่ตามมาจะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แทนที่จะสู้รบกัน เดวิดตัดสินใจที่จะทำให้เกิดความมั่นใจว่า ประชาชนของตนจะปลอดภัย - เราต่างรู้กันดีว่า เดวิดเป็นคนบาป แต่ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับควา

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อนึกภาพไม่ออกจริงๆถ้าพระศาสนจักรไม่มีซิสเตอร์ทำงานอภิบาล"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเผย พระองค์นึกภาพไม่ออกจริงๆว่า ถ้าวันที่พระศาสนจักรไม่มีซิสเตอร์คอยทำงาน จะเป็นอย่างไร ทรงย้ำ พระศาสนจักรต้องการการเป็นประจักษ์พยานของบรรดานักบวช พร้อมกันนี้ ทรงขอให้ช่วยสวดเพื่อกระแสเรียกการเป็นนักบวชด้วย ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันโอกาสวันนักบวช ใจความว่า: - วันนี้เป็นวันฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหารและยังเป็นวันนักบวชด้วย พ่ออยากเน้นย้ำว่า นักบวชที่ทำงานในส่วนต่างๆคือเชื้อแป้งแห่งความยุติธรรมและความเป็นพี่น้องกันในสังคม ชีวิตนักบวชคือของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้พระศาสนจักรและประชากรของพระองค์ - สำหรับพ่อแล้ว อยากเน้นถึงคุณค่าและความสำคัญของบรรดาซิสเตอร์ที่ได้มอบให้พระศาสนจักร จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราไม่มีซิสเตอร์ในพระศาสนจักร ไม่มีซิสเตอร์ทำงานในโรงพยาบาล ทำงานในพันธกิจที่ได้รับมอบในโรงเรียนและสถานสงเคราะห์ต่างๆ เราจินตนาการภาพแบบนั้นออกไหม พ่อคิดภาพไม่ออกเลยนะ! คิดไม่ออกจริงๆกับภาพที่พระ

โป๊ปฟรังซิส: "ชีวิตนักบวชต้องให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน ชีวิตนักบวชต้องให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง เหมือนเหตุการณ์การถวายพระกุมารในพระวิหารซึ่งพันธสัญญาเก่า (ซิเมออน) และพันธสัญญาใหม่ (แม่พระและนักบุญโยเซฟ) ได้มาพบกัน โดยมีพระเยซูเป็นศูนย์กลางและเป็นการพบกันในพระวิหารของพระเจ้า ทรงชี้ ชีวิตนักบวชต้องเดินไปกับผู้คนมากหน้าหลายตา ฉะนั้น เราต้องเดินไปกับพวกเขาด้วยความชื่นชมยินดี ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร และยังเป็นมิสซาวันนักบวชด้วย พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางกลุ่มนักบวชที่มาร่วมเป็นจำนวนมาก ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - วันฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร ถือเป็น "วันแห่งการพบกัน" ระหว่างพระเยซูกับประชากรของพระเจ้า - พิธีในวันนี้คือการพบกันระหว่างพันธสัญญาใหม่กับพันธสัญญาเก่า นี่คือการพบกันของพระกุมาร (พันธสัญญาใหม่) กับ ท่านซิเมออนและอันนา (พันธสัญญาเก่า) - นี่ยังเป็นการพบกันของคู่แต่งงานหน้าใหม่ (แม่พระและนักบุญโยเซฟ) คู่แต่งงานใหม่นี้เต็มไปด้วยความ

โป๊ปฟรังซิส: "แพร่ธรรมต่างแดนต้องรักษาเอกภาพของพระศาสนจักรท้องถิ่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงให้ข้อคิดกลุ่มวิถีคริสตชน เวลาไปแพร่ธรรมต่างแดน สำคัญสุดคือการรักษาเอกภาพของพระศาสนจักรท้องถิ่น ทรงย้ำ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จงมั่นใจเถิดว่า พระจิตประทับกับเราเสมอ ช่วงสายวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกกลุ่มวิถีคริสตชน (Neocatechumenal Way - กลุ่มฆราวาสแพร่ธรรมจากสเปน) กว่า 8,000 คนที่มาเข้าเฝ้าภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า: - พ่อขอขอบคุณพระเจ้าสำหรับความชื่นชมยินดีสำหรับความเชื่อและการเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารที่พวกท่านกลุ่มวิถีคริสตชนได้มอบให้พระศาสนจักร วันนี้ เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ร่วมกันส่งพระสงฆ์ เณร และครูคำสอนที่จะออกไปแพร่ธรรมยังประเทศต่างๆพร้อมๆกัน พระศาสนจักรเป็นหนี้บุญคุณและซาบซึ้งในการอุทิศตนของพวกท่านเป็นอย่างมาก - ก่อนที่พวกท่านจะออกไปแพร่ธรรม พ่ออยากให้ข้อคิดดังนี้ หนึ่งคือจงเอาใจใส่ที่จะสร้างและปกปักรักษาเอกภาพของพระศาสนจักรท้องถิ่นที่ท่านจะไปทำงาน (กลุ่มวิถีคริสตชนเคยถูกสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งญี่ปุ่น ขับออกนอกประเทศ หลัง