Posts

Showing posts from November, 2014

โป๊ปฟรังซิสขอร้องเยาวชนผู้ลี้ภัยอย่าสิ้นหวังในชีวิตเด็ดขาด

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำเด็กๆที่เป็นผู้ลี้ภัยมาอาศัยในตุรกีว่า จงอย่าหมดหวัง แม้ต้องเผชิญความทุกข์ยากสุดๆ ในชีวิตก็ตาม พร้อมกันนี้ ทรงขอร้องนานาประเทศ อย่าหมดใจในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเป็นอันขาด ส่วนพระศาสนจักรจะช่วยผู้ลี้ภัยต่อไป โดยผ่านทางการศึกษาและการให้ที่พักพิงแก่พวกเขา ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จมาพบบรรดาเด็กๆ ผู้ลี้ภัยชาวอิรัก, ซีเรีย และบางส่วนจากแอฟริกา ซึ่งทั้งหมดลี้ภัยเข้ามาอยู่ในตุรกี โดยการพบเด็กๆ ผู้ลี้ภัย เป็นพันธกิจสุดท้ายของการเยือนตุรกีของพระสันตะปาปาด้วย โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า “พ่อขอร่วมแบ่งปันความทุกข์กับลูกๆทุกคน พ่อหวังว่า การมาเยือนของพ่อในครั้งนี้ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า จะช่วยมอบการปลอบโยนให้กับลูกๆได้บ้างในสถานการณ์อันลำบากเช่นนี้ “สภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ซึ่งผู้ลี้ภัยจำนวนมากต้องถูกบังคับให้อาศัยในสภาพนั้น ถือว่ารับไม่ได้! ด้วยเหตุนี้ เราต้องทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ในการขจัดสถานการณ์แบบนี้ พ่อจึงอยากเรียกร้องต่อความร่วมมือของนานาชาติในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดการนองเลื

โป๊ปและพระอัยกาลงนามในแถลงการณ์ร่วม 2 พระศาสนจักร

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส และ พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความพยายามในการเอาชนะความแตกแยกของพระศาสนจักรคาทอลิกและพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ นอกจากนี้ ยังย้ำว่า ทั้งสองพระศาสนจักรจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันต่อสถานการณ์การเบียดเบียนคริสตชนในตะวันออกกลางด้วย ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส และ พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความพยายามในการเอาชนะความแตกแยกของสองพระศาสนจักร นอกจากนี้ ยังร่วมกันคัดค้านสถานการณ์การเบียดเบียนข่มเหงคริสตชนในตะวันออกกลาง โดยทั้งพระศาสนจักรคาทอลิกและพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ ย้ำว่า พวกเราจะเป็นหนึ่งเดียวกันในสายเลือดด้วย ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า “พี่น้องชายหญิงจำนวนมากกำลังถูกเบียดเบียนข่มเหงและถูกบีบบังคับอย่างโหดร้าย มันดูราวกับว่าคุณค่าของชีวิตคนได้สูญเสียไป มนุษย์กลายเป็นไร้ค่าและอาจต้องสละชีวิตเพื่อความต้องการบางอย่าง “เลือดของมรณสักขีคือเมล็ดพันธุ์ของความเข้มแข็งและการเจริญเติบโตต่อพระศาสนจักร การแบ่งปันความทุกข์ประจำวันสามารถเป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพแห่งความ

โป๊ปฟรังซิส: “พระศาสนจักรคาทอลิกทำทุกทางเพื่อให้เกิดเอกภาพในกลุ่มคริสตชน”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงยืนยัน พระศาสนจักรคาทอลิกจะทำทุกทางเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคริสตชน ทรงชี้ การเสวนาที่แท้จริงต้องเป็นการพูดคุยที่ได้เจอหน้ากันเท่านั้น มันถึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่พระอัยกาบาร์โธโลมิว ที่ 1 ได้ชื่นชมพระสันตะปาปาว่าเป็นบุรุษแห่งความสุภาพถ่อมตน และเทศน์สอนด้วยความรักอย่างแท้จริง ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จมายังวัดนักบุญจอร์จ เพื่อร่วมพิธีมิสซาของพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ ซึ่งพระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 เป็นผู้ประกอบพิธี โดยเมื่อวานนี้ พระอัยกาได้มาร่วมมิสซาที่พระสันตะปาปาทรงถวาย วันนี้ พระสันตะปาปาจึงมาร่วมภาวนาในพิธีของออโธด็อกซ์เป็นการตอบแทน ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระอัยกาทรงสดุดีพระสันตะปาปาว่าเป็นคนสุภาพถ่อมตนมากๆ และสอนทุกสิ่งที่มาจากความรักอย่างแท้จริง “เป็นบุญของผู้ที่เสด็จมาในพระนามของพระเจ้า ท่านเทศน์สอนด้วยวาจา แต่เหนือสิ่งอื่นใด ท่านทำด้วยความสุภาพ การถ่อมตน และความรักต่อทุกคน ท่านทำให้เกิดความเชื่อใจในคนที่ยังสงสัย และท่านก็ทำให้มีความหวังในหมู่คนที่สิ้นหวัง” พระอัยกากล่าว

โป๊ปฟรังซิส: “ขอให้พระอัยกาช่วยอวยพรข้าพเจ้าและพระศาสนจักรคาทอลิกด้วย”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถ่อมพระองค์สุดๆ ด้วยการขอให้ พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ผู้นำคริสตชนออโธด็อกซ์ อวยพรพระองค์และพระศาสนจักรคาทอลิก ทางด้านพระอัยกาก็ได้อวยพรตามที่พระสันตะปาปาขอ ก่อนจะจุมพิตศีรษะพระสันตะปาปาด้วย ทางด้านวาติกันแถลง การที่พระอัยกาอวยพรพระสันตะปาปาไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ส่วนเรื่องพระอัยกาจุมพิตศีรษะพระสันตะปาปา ฟรังซิส นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จไปร่วมภาวนาคริสตศาสนสัมพันธ์กับพระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ผู้นำพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล โดยพิธีนี้จัดในวัดนักบุญจอร์จ นครอิสตันบลู ในพิธีนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวแบ่งปันว่า “ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระอัยกาจากใจจริงสำหรับการต้อนรับแบบพี่น้อง ข้าพเจ้าสัมผัสถึงความชื่นชมยินดีของเราว่ามันยิ่งใหญ่ เนื่องจากบ่อเกิดของความชื่นชมยินดีนี้มันไม่ได้มาจากเรา ไม่ใช่มาจากการอุทิศตนของเรา ไม่ได้มาจากความพยายามของเรา แต่มันอยู่ในความวางใจในความศรัทธาของพระเจ้า “ความชื่นชมยินดีและสันติที่โลกไม่สามารถให้ได้ แต่นี่คือสิ่งที่พระเยซูทรงสัญญาไว้

โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนต้องกล้าเดินออกจากมุมสบายของตัวเอง”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงหวังเห็นคริสตชนกล้าเดินออกจากมุมสบาย (Comfort Zone) ของตัวเอง เพื่อให้พระจิตนำทางชีวิตเราในการขับเคลื่อนพระศาสนจักรไปข้างหน้า ทรงชี้ ยิ่งเราให้พระจิตนำทางชีวิตเรามากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเอาชนะความแตกแยกและความไม่เข้าใจกันพระศาสนจักรได้มากเท่านั้น  ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ ซึ่งจัดขึ้นในอาสนวิหารพระจิต นครอิสตันบลู ประเทศตุรกี โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงสวมกาซูลาสีแดง ซึ่งเป็นสีแห่งมรณสักขี โอกาสฉลองนักบุญแอนดรูว์ องค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นมิสซาแรกที่พระสันตะปาปาทรงถวายระหว่างการเยือนตุรกีด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า “พระจิตทรงนำพระพรที่แตกต่างและหลากหลายให้ก้าวไปข้างหน้า แม้ในแวบแรก มันอาจดูเหมือนจะสร้างความสับสนบ้างก็ตาม อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของพระจิต พระพรอันหลากหลายนี้ได้สร้างความอุดมสมบูรณ์อย่างล้นเหลือให้พระศาสนจักร เพราะพระจิตคือจิตแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างต้องเป็นเห

โป๊ปเสด็จไปที่ “มัสยิดสีน้ำเงิน” และร่วมสงบนิ่งระหว่างอิหม่ามสวดภาวนา

Image
ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบินนายชุมพาบาล (AZ 4000) ออกจากกรุงอันคารา เมืองหลวงของตุรกี ไปยังเมืองอิสตันบลู เพื่อเริ่มพันธกิจในวันที่สองของการเยือนประเทศแห่งนี้ โดยทันทีที่พระสันตะปาปามาถึงสนามบินอตาร์เติร์ก นครอิสตันบลู พระอัยการบาร์โธโลมิว ที่ 1 ผู้นำพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ได้มารอต้อนรับด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับบรรดาคณะผู้บริหารประเทศและคณะเทศมนตรีนครอิสตันบลู จากนั้น พระสันตะปาปาได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งเพื่อเสด็จไปยังมัสยิดสุลต่าน อาห์เม็ต หรือที่เรารู้จักกันว่า “มัสยิดสีน้ำเงิน” ณ ที่แห่งนี้ ผู้นำศาสนาอิสลามในตุรกีและบรรดาอิหม่าม ได้มารอต้อนรับและนำพระสันตะปาปาเข้าไปในมัสยิดด้วย ทั้งนี้ พระสันตะปาปาทรงถอดรองเท้าก่อนจะเข้าไปในมัสยิดเหมือนกับทุกคน นอกจากนี้ พระองค์ทรงสงบนิ่งและรำพึงภาวนาระหว่างที่บรรดาอิหม่ามสวดภาวนาในมัสยิดด้วย ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาเสด็จไปยังมัสยิดสีน้ำเงิน

โป๊ปฟรังซิส: “เราต้องประณามพวกสร้างความรุนแรงที่ใช้ศาสนามาอ้าง”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ การสร้างความรุนแรงโดยใช้ศาสนามาบังหน้า ต้องได้รับการประณามอย่างถึงที่สุด ทรงชี้ คนนับถือพระเจ้าต้องเป็นคนแห่งสันติที่สามารถดำเนินชีวิตร่วมกับเพื่อนพี่น้อง โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม หรือ อุดมการณ์ที่แตกต่าง ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จไปยังกรมศาสนา ซึ่งสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงอังคารา เมืองหลวงของตุรกี เพื่อพบปะและกล่าวสุนทรพจน์ต่อบรรดาผู้แทนชาวมุสลิมและชาวคริสต์ประเทศแห่งนี้ โอกาสนี้ พระสันตะปาปา ตรัสกับทุกคนว่า “ในความเป็นจริงแล้ว มิตรภาพที่ดีและการเสวนาระหว่างผู้นำศาสนาจัดว่ามีความสำคัญมาก บรรดาผู้นำศาสนาเป็นตัวแทนของสารอันชัดเจนซึ่งส่งไปยังชุมชนของตน สิ่งนี้แสดงออกถึงความเคารพกันและกัน มิตรภาพที่เป็นไปได้ แม้จะมีความแตกต่างอยู่บ้างก็ตาม “สงครามทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและนำมาซึ่งการทำลายล้างอันประมาณค่าไม่ได้ มันนำมาซึ่งความตึงเครียดและความขัดแย้งของชาติพันธุ์และศาสนาต่างๆ มันนำมาซึ่งความอดอยากและความยากจนที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับคนนับล้าน และยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อ

โป๊ปฟรังซิส: “ตุรกีใจกว้างมากที่ต้อนรับผู้ลี้ภัยจากอิรักและซีเรีย”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชื่นชมตุรกีที่เปิดประตูต้อนรับผู้ลี้ภัยสงครามทั้งจากซีเรียและอิรัก พร้อมย้ำ เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมที่ทุกประเทศต้องช่วยเหลือตุรกีด้วยเช่นกันในการดูแลผู้ลี้ภัย ทรงสอน เราต้องมีความกล้าในทางที่ถูก อาทิ กล้าสร้างสันติภาพ ไม่ใช่กล้าแบบผิดๆ ด้วยการนำศาสนาไปสร้างความเข้าใจผิด ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบิน “นายชุมพาบาล” (AZ 4000) จากสนามบินฟิวมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี มาถึงสนามบินเอเซ็มโบก้า กรุงอังคารา ประเทศตุรกี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพันธกิจการเสด็จเยือนตุรกีของพระสันตะปาปา จะใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน คือตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 ถึงวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2014 พันธกิจแรกที่พระสันตะปาปาทรงปฏิบัติเมื่อมาถึงตุรกี ก็คือ พระองค์ทรงเดินทางไปยังหลุมศพของ “มุสตาฟา อตาเติร์ก” ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี เพื่อวางพวงหรีด ณ หลุมศพแห่งนี้ โอกาสนี้ พระสันตะปาปาได้ลงพระนามในสมุดเซ็นต์ชื่อ โดยพระองค์ทรงเขียนว่า “ขอพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพประทานสันติและความเจริญ

โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนอย่าโกง, อย่าคิดว่าตัวเองเจ๋ง และอย่าถอยห่างจากพระเจ้า”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนต้องอย่าโกง อย่าคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุด และอย่าถอยห่างจากพระเจ้า ทรงสอน ความจริงหลายอย่างในโลกนี้ดูโหดร้าย อาทิ การอิจฉา, การโกง และความเกลียดชัง แต่คริสตชนต้องมีความหวัง อย่าหดหู่ เราต้องเชิดหน้าให้สูงเข้าไว้ เพราะที่สุดแล้ว สิ่งเลวร้ายเหล่านี้จะล่มสลายไปเอง ทรงเตือน วัฒนธรรมการโกงทำให้เราเหมือนขึ้นสวรรค์กับความพึงพอใจจอมปลอม แต่นี่คือวัฒนธรรมแห่งความเน่าเปื่อยผุพัง ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา พระเยซูทรงกล่าวถึงความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนบทอ่านประจำพิธีนี้จากหนังสือวิวรณ์ เป็นเหตุการณ์เรื่องความพินาศของนครบาบิโลน พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันให้ข้อคิดผ่านทางบทเทศน์ว่า “ทั้งพระวรสารและบทอ่านในวันนี้ บอกเล่าถึงการล่มสลายของ 2 เมืองที่ปฏิเสธที่จะต้อนรับพระเจ้าและถอยห่างจากพระองค์ นครเหล่านี้เชื่อมั่นในตนเองว่าเป็นเจ้านายของโลกและของตัวเอง เมื่อบาปมันสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ พวกท่านก็สูญเสียความสามารถในการตอบสนองแล

โป๊ปฟรังซิส: "การสวดภาวนาไม่ใช่เรื่องเสียเวลา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำบรรดานักบวช การสวดภาวนาไม่ใช่เรื่องเสียเวลา ทรงสอน เราต้องเป็นถุงหนังใหม่ที่ใช้ใส่เหล้าองุ่น ด้วยการเลิกนิสัยปลีกตัวออกจากฝูงแกะที่เราถูกส่งให้ไปดูแล และต้องรู้จักฟังเสียงร่ำไห้จากคนที่รอคอยข่าวดีจากพระเยซูคริสต์ ช่วงเที่ยงวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมของสมณกระทรวงเพื่อนักบวช ที่มาเข้าเฝ้าในห้องประชุมเคลเมนติน่า นครรัฐวาติกัน โดยการประชุมที่จัดนี้ จัดภายใต้การไตร่ตรองถึงการเป็นถุงหนังใหม่ที่ใส่เหล้าองุ่น (มาร์โก 2:22) และการประชุมมีขึ้นระหว่างวันที่่ 25-29 พฤศจิกายน 2014 โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้โอวาททุกคนแบบสั้นๆ ว่า "เราต้องอย่ากลัวที่จะทิ้งถุงเหล้าเก่า ซึ่งก็คือ การละทิ้งสิ่งไม่ดี เพื่อจะได้ฟื้นฟูลักษณะนิสัยและโครงสร้างในชีวิตของพระศาสนจักรและในชีวิตนักบวชของเรา เราต้องละทิ้งโครงสร้างที่ให้การคุ้มครองเราแบบผิดๆ กล่าวคือ นิสัยที่ปลีกตัวห่างจากฝูงแกะที่พวกเราถูกส่งให้ไปดูแล และการกีดกันเราจากการรับฟังเสียงร่ำไห้จากคนที่รอคอยข่าวดีจากพระเยซูคริสต์ "พวกเราคือนักบวชที่ต้องรับใช้

โป๊ปฟรังซิส: “เปาลีเน่ต้องประกาศพระวรสารโดยไม่มีข้อแม้”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำสมาชิกเปาลีเน่ จงประกาศพระวรสารโดยไม่มีข้อแม้ เพราะพลังในการประกาศพระวรสารฝังอยู่ใน “ดีเอ็นเอ” ของชาวเปาลีเน่ทุกคน ทรงย้ำ เปาลีเน่ต้องทำงานเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกคณะเปาลีเน่ กว่า 7,000 คน ที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โอกาสการครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งคณะ โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวย้ำกับพวกเขาว่า หน้าที่หลักของคริสตชนทุกคนคือการประกาศพระวรสารโดยไม่มีเงื่อนไข พระสันตะปาปา ตรัสว่า “พวกท่านต้องอย่าลืมว่า การประกาศพระวรสารเกี่ยวข้องอย่างยิ่งยวดกับการประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้กับคนที่ไม่รู้จักพระเยซู หรือคนที่ปฏิเสธที่จะรู้จักพระองค์อยู่เสมอๆ “คริสตชนทุกคนมีหน้าที่ในการประกาศพระวรสารอย่างไม่มีข้อแม้ ในฐานะที่เป็นคาทอลิก พวกเรามีแรงขับเคลื่อนที่จะประกาศพระวรสาร และในฐานะที่เป็นสมาชิกเปาลีเน่ พวกท่านก็มีแรงขับเคลื่อนนี้อยู่ในสายเลือด มันอยู่ในดีเอ็นเอที่บุญราศี จาโคโม่ อัลเบริโอเน่ ผู้ก่อตั้งคณะได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งนี้และจากพันธ

โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรบนโลกนี้ยังต้องเดินจาริกไปเรื่อยๆ เพื่อไปให้ถึงพระอาณาจักรพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ พระศาสนจักรบนโลกนี้ต้องเดินจาริกต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงพระอาณาจักรสรรค์ พระศาสนจักรบนโลกนี้ไม่ได้สิ้นสุดที่ตัวเองและเพื่อตัวเอง แต่เราต้องก้าวไปหาพระบิดา ทรงแบ่งปัน คนเป็นและคนตายยังสามารถเกื้อกูลกันได้เสมอ เพราะคนเป็นสามารถทำดี ร่วมมิสซา และภาวนาให้ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ ส่วนคนที่ตายไปแล้ว ก็จะสวดภาวนาจากสวรรค์ เพื่อวอนขอพระเจ้าเพื่อเราด้วย ช่วงสายวันพุธที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 40,000 คน โดยการเข้าเฝ้าในวันนี้จัดขึ้นท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พระสันตะปาปาจึงตรัสสอนแบบสั้นๆ เพื่อไม่ให้สัตบุรุษต้องเปียกปอนกันเกินไป พระดำรัสสอนในวันนี้ พระสันตะปาปายังคงสอนเรื่องการเดินทางจาริกของพระศาสนจักรไปสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า "สังคายนาวาติกัน ที่ 2 ย้ำเตือนเราว่า (การเดินทางของ)พระศาสนจักรไม่ได้จบลงในตัวเอง แต่พระศาสนจักรกำลังเดินทางจาริกผ่านทางประวัติศาสตร์เพื่อไปหาพระอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งพระศาสนจักรบนโลกนี้คือเ

สรุปบทสัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบินจากเมืองสทราซบูร์ไปยังกรุงโรม

Image
สรุปบทสัมภาษณ์พระสันตะปาปาบนเครื่องบิน ไฟลท์กลับจากเมืองสทราซบูร์ (สตาร์สบรูก) ประเทศฝรั่งเศส ไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลี  - พระสันตะปาปาย้ำว่า พระองค์ "ไม่เคยปิดประตู" ที่จะเสวนากับกลุ่มไอซิส หรือรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ พระองค์พร้อมพูดคุยเพื่อหาทางสร้างสันติภาพในภูมิภาคดังกล่าว แม้จะรู้ว่า "มันยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย" แต่พระองค์ก็ไม่ปิดโอกาส ยังมีความหวังอยู่เสมอ - พระสันตะปาปาย้ำว่า "การก่อการร้าย" ไม่ใช่แค่การกระทำของกลุ่มหัวรุนแรงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพวกรัฐบาลชาติต่างๆที่ใช้กำลังทางทหารรุกรานชาติอื่นๆ อยู่ "ฝ่ายเดียว" ด้วย ส่วนสิ่งที่น่ากลัวสุดก็คือ ผู้บริสุทธิ์ที่ต้องบาดเจ็บล้มตายจากการสู้รบ - พระสันตะปาปาย้ำว่า "เราอย่าทำเป็นปิดหูปิดตา มองไม่เห็นปัญหาการค้าแรงงานทาส" เพราะทุกวันนี้ มีให้เห็นเยอะมากในโลกนี้ อาทิ การค้าแรงงานเด็ก เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง - นักข่าวชาวสเปน ถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับ "โทรศัพท์ที่พระองค์โทรไปหาชายชาวสเปนที่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยพระสงฆ์" ว่าเป็นความจริงหรือไม่ พระสันตะปาปายืนยันว

โป๊ปฟรังซิส: "ยุโรปต้องเป็นหนึ่งเดียวกันในการแก้ปัญหาต่างๆ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงหวังเห็นชาวยุโรปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจและผู้ลี้ภัย ทรงย้ำ ประวัติศาสตร์ 2,000 กว่าปีที่ผ่านมา ยุโรปและศาสนาคริสต์มีความขัดแย้งกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองก็ตั้งใจทำงานเพื่อคุณความดีของส่วนรวม ทรงชี้ เราต้องระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนแบบผิดๆ และต้องอย่าใช้สิทธินี้ในทางที่ผิด ช่วงสายวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้ประทับเครื่องบินของสายการบินอลิตาเลีย เที่ยวบิน "นายชุมพาบาล" ไปยังเมืองสทราซบูร์ (สตาร์สบรูก) ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐสภาแห่งยุโรป การเยือนนี้เป็นการเยือนต่างประเทศที่ใช้เวลา "สั้นที่สุด" ในสมณสมัยของพระองค์ กล่าวคือ ออกจากโรมตอนเช้า และไปกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐสภา จากนั้น ขึ้นเครื่องบินกลับกรุงโรมทันที โดยวันก่อนหน้านี้ (จันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน) พระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จไปยังมหาวิหารซางตา มารีอา มาจจอเร่ เพื่อสวดภาวนาขอแม่พระโปรดคุ้มครองและอวยพรพระองค์ให้ทำพันธกิจการเยือนครั้งนี้อย่างดีด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับรัฐสภาของสหภาพย

โป๊ปฟรังซิส: “พระศาสนจักรต้องไม่อวดว่าความสว่างมาจากตัวเอง แต่เราได้รับจากพระเจ้า”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน พระศาสนจักรต้องสุภาพถ่อมตน ต้องไม่ป่าวประกาศว่าความสว่างมาจากตัวเอง แต่ความสว่างของพระศาสนจักรมาจากพระเจ้า ทรงชี้ บางครั้ง พระเจ้าต้องการให้พระศาสนจักรส่องสว่างด้วยตัวเอง นั่นคือ ส่องสว่างเพื่อมนุษยชาติ โดยนำความสว่างจากพระเจ้ามานำทาง และต้องเป็นการใช้ความสว่างในทางที่ถูกต้อง ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเห็นคนรวยเอาเงินเหลือใช้มาทำบุญ ส่วนหญิงม่ายผู้ยากจนทำบุญด้วยเงินทั้งหมดที่มี พระเยซูจึงสอนว่า หญิงม่ายคนนี้ทำบุญมากกว่าทุกคน เพราะเธอนำเงินทั้งหมดมาถวายพระเจ้า พระสันตะปาปา ทรงเทศน์สอนว่า “พระวรสารวันนี้แสดงให้เห็นแนวโน้ม 2 อย่างที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร นั่นคือ พระศาสนจักรถูกทดสอบด้วยความโอหังและพระศาสนจักรที่ยากจน ซึ่งต้องไม่มีใครรวยไปกว่าคู่สมรสของตน ดังเช่นหญิงม่ายที่สุภาพถ่อมตนคนนั้น “พ่ออยากจะเห็นพระศาสนจักรในภาพลักษณ์นี้ พระศาสนจักรในมุมที่เป็นหญิงม่าย เพราะเธอเฝ้ารอเจ้าบ่าวที่กำลังจะกลับมา แ

โป๊ปฟรังซิส: “สัตบุรุษแยกแยะเป็นว่า ใครคือนายชุมพาบาลที่ดี ใครคือคนงานรับจ้าง”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ สัตบุรุษมีประสาทสัมผัสที่ไม่ผิดพลาดในการแยกแยะ "นายชุมพาบาลที่ดี" ออกจาก "พวกคนงานรับจ้าง" ทรงย้ำ นายชุมพาบาลที่ดีจะต้องใกล้ชิดและดูแลฝูงแกะด้วยความอ่อนโยน ทรงสอน เราจะถูกพิพากษาครั้งสุดท้ายด้วยหลักของความใกล้ชิดกับผู้ยากไร้และความอ่อนโยนที่เรามีต่อพวกเขา ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสสมโภชพระคริสตเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พร้อมสถาปนานักบุญใหม่ 6 องค์ ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 75,000 คน โดยนักบุญใหม่ ประกอบไปด้วย - นักบุญคูรีอาโคเซ่ เอเลียส ชาวารา สงฆ์ชาวอินเดียที่มีบทบาทช่วยพระศาสนจักรจากความแตกแยกในยุคนั้น และยังเป็นผู้ก่อตั้งคณะคาร์เมไลท์แห่งแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล - นักบุญยูเฟรเซีย เอลูวาทินกัลป์ ซิสเตอร์ชาวอินเดียจากคณะแม่พระแห่งภูเขาคาร์เมล - นักบุญอมาโต้ รอนโคนี่ นักบวชฟรานซิสกันชาวอิตาเลี่ยน และยังเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลในอิตาลี ซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “สถานพยาบาลบุญราศีอมาโต้ รอนโคนี่” - นักบุญโจวานนี

โป๊ปฟรังซิสโทรศัพท์ไปขอโทษเหยื่อสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ

Image
โทรศัพท์จากพระสันตะปาปา ... มาอีกครั้ง!! พระสันตะปาปา ฟรังซิส: ขอสาย ดาเนี่ยล หน่อยครับ ดาเนี่ยล: นั่นใครครับ พระสันตะปาปา ฟรังซิส: ขอสาย ดาเนี่ยล หน่อยครับ ดาเนี่ยล: ผมเอง ดาเนี่ยล ว่าแต่คุณเป็นใคร พระสันตะปาปา ฟรังซิส: สวัสดีลูก พ่อเอง พ่อฮอร์เค่ ดาเนี่ยล: ขอโทษครับ คุณต้องโทรผิดแน่ๆ ผมไม่รู้จัก คุณพ่อฮอร์เค่ คนไหนเลย พระสันตะปาปา ฟรังซิส: โอเค พ่อคือพระสันตะปาปา ฟรังซิส!! ดาเนี่ยล: (เริ่มอึ้งและตกใจ และเริ่มคิดว่า พระสันตะปาปาอาจวางสายไปแล้ว เพราะโทรผิด) พระองค์ยังอยู่ในสายหรือไม่ครับ พระสันตะปาปา ฟรังซิส: ลูกที่รัก ใจเย็นๆ พ่อได้อ่านจดหมายของลูกหลายรอบแล้ว พ่อไม่สามารถช่วยได้เลย และพ่อรู้สึกเป็นทุกข์อย่างสุดซึ้งเมื่อได้อ่านเรื่องของลูก พ่อต้องการจะขอร้องลูกให้อภัยในนามของพระศาสนจักรทั้งมวลของพระคริสตเจ้า ได้โปรดให้อภัยบาปผิดร้ายแรงและอาชญากรรมที่ร้ายแรงนี้ซึ่งลูกต้องทนทุกข์กับมันด้วย บาดแผลนี้ได้ทำให้พระศาสนจักรทั้งมวลต้องทนทุกข์ ดาเนี่ยล: (เริ่มร้องไห้ เขาร้องไม่หยุด และพูดอะไรไม่ออก) พระสันตะปาปา: ลูกที่รัก ลูกมีกำลังใจจากพ่อและจากพระศาสนจักรทั้งมวลนะ พ่อกำลังจะไปเยือนเกา

โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนทุกคนมีกระแสเรียกของการเป็นธรรมทูต”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ คริสตชนทุกคนมีกระแสเรียกของการเป็นธรรมทูต เพราะการเป็นธรรมทูตไม่ใช่เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น ทรงหวังเห็นคริสตชนก้าวออกจากตัวเองไปพบคนชายขอบของสังคม เหมือนอย่างที่พระเยซูทรงปฏิบัติตนให้เห็นเป็นแบบอย่าง ช่วงสายวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับสมาชิกสภาธรรมทูตแพร่ธรรมของอิตาลีกว่า 700 คน ที่มาเข้าเฝ้าในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงเน้นกับพวกเขาว่า คริสตชนทุกคนถูกเรียกให้มาเป็นธรรมทูตและก้าวออกไปประกาศพระวรสาร พระสันตะปาปา ตรัสว่า “คนทุกรุ่นทุกสมัยต่างถูกเรียกให้มาเป็นธรรมทูต พระศาสนจักรถูกเรียกให้ก้าวออกไปและนำพระวรสารไปประกาศให้กับทุกชนชาติ โดยไม่มีการแบ่งแยก “พ่ออยากขอร้องคริสตชนทุกคนให้ก้าวออกไปและอย่านิ่งเฉยทำเป็นไม่สนใจต่อความยากจน, สงคราม, ความรุนแรงในบ้านเมือง, การทอดทิ้งคนชรา, คนตกทุกข์ได้ยาก และระยะห่างที่เราทิ้งสร้างไว้ต่อผู้ต่ำต้อยท่ามกลางเรา “คริสตชนต้องเป็นคนงานเพื่อสันติภาพ ซึ่งสันตินี้พระเจ้าทรงมอบให้เราในแต่ละวัน และโลกก็ต้องการสันติภาพนี้อย่างมากด้วย “กระแสเรียกคริสตชนให้ดำเ

โป๊ปฟรังซิส: “ขอให้กลุ่มและองค์กรใหม่ๆในพระศาสนจักร เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงหวังเห็นกลุ่มและองค์กรใหม่ๆในพระศาสนจักรคาทอลิก รักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ ทรงสอน ความสำเร็จของพันธกิจที่กลุ่มต่างๆ ได้ทำ จะเป็นเครื่องชี้วัดการเติบโตของหน่วยงานที่สังกัดในพระศาสนจักร ทรงย้ำ ถ้าเราไม่กลับใจอย่างแท้จริง เราจะประกาศพระวรสารไม่ได้เลย ช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับองค์กรและกลุ่มต่างๆในพระศาสนจักร ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังสังคายนาวาติกัน ที่ 2 งานนี้ จัดขึ้นโดยมีสมณสภาเพื่อฆราวาส เป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา มีใจความว่า “พ่อขอให้สมาชิกของกลุ่มและองค์กรต่างๆ รักษาความสดใหม่ของพระพรอันหลากหลายของตน ขอให้เราเคารพเสรีภาพของแต่ละคน และขอให้แสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป “ความสำเร็จของพันธกิจจะเป็นเครื่องชี้วัดถึงความสำเร็จแห่งการเจริญเติบโตในพระศาสนจักร กลุ่มและองค์กรที่พวกท่านสังกัดนั้น จัดเป็นการก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกเชิงลึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักร การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นี้เรียกร้องการเฝ้าระวังอยู่เสมอบนหนทางขอ

โป๊ปฟรังซิสขอร้องทุกฝ่ายเอาใจใส่ผู้ป่วยออทิสติกอย่างสุดความสามารถ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องทุกฝ่ายเอาใจใส่ผู้ป่วยออทิสติกอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่พวกเขาจะไม่รู้สึกอ้างว้างและเจ็บปวดจากภาวะที่ต้องเผชิญ พร้อมกันนี้ ทรงสนับสนุนการวิจัยต่างๆ ที่จะช่วยรักษาโรคนี้ด้วย ช่วงสายวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับผู้ร่วมสัมมนาเกี่ยวกับผู้ป่วยออทิสติก รวมถึงผู้ป่วยออทิสติกกว่า 650 คน จาก 57 ประเทศ ซึ่งมาเข้าเฝ้าภายในหอประชุมเปาโล ที่ 6 นครรัฐวาติกัน โดยการสัมมนาดังกล่าว ผู้จัดคือสมณสภาเพื่ออภิบาลเวชบุคคล ส่วนหัวข้อการสัมมนาคือความหวังที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเราจำเป็นต้องทำลายความโดดเดี่ยวอ้างว้างและบาดแผลที่เผาไหม้ผู้ป่วยออทิสติกทุกคน เพราะความเปราะบางของเด็กและครอบครัวที่ต้องประสบกับโรคออทิสติก ได้รับการอธิบายผ่านทางความโดดเดี่ยวอ้างว้างและบาดแผลที่พวกเขาสัมผัสเหมือนกับการรับทรมานบนไม้กางเขน “เพื่อจะได้พบกับความต้องการของพวกเขาและทำลายความโดดเดี่ยวของพวกเขา เราจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายจากการสนับสนุนและรับใช้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ “นี่คือความรับผิด

โป๊ปฟรังซิส: “สัตบุรุษให้อภัยสงฆ์ที่ทำผิดเพราะบาป แต่ไม่ให้อภัยสงฆ์ที่ยึดติดเงินทอง”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ สัตบุรุษพร้อมให้อภัยพระสงฆ์ ถ้าพระสงฆ์ทำผิดเพราะความอ่อนแอจากบาป แต่สัตบุรุษจะไม่ให้อภัยพระสงฆ์ ถ้าพระสงฆ์ยึดติดกับเงินทองและดูแลพวกเขาแบบผิดๆ ทรงชี้ การติดป้ายราคารับศีลล้างบาปและการใส่ซองทำบุญขอมิสซาว่าต้องใช้จ่ายเท่าไหร่ จัดเป็นการทำธุรกิจในพระวิหารของพระเจ้าและทำให้สัตบุรุษต้องเสื่อมเสียอย่างมาก ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสวันระลึกถึงแม่พระถวายองค์ในพระวิหาร สำหรับพระวรสารประจำพิธีนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงขับไล่พวกพ่อค้าออกไปจากพระวิหาร พร้อมย้ำว่า “บ้านของเราจะเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่พวกเจ้ามาทำให้เป็นซ่องโจร” (ลูกา 19:45-48) พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันพระวรสารนี้ว่า “ประชาชนเป็นคนดี ประชาชนไปพระวิหารและไม่ได้แสวงหาสิ่งเหล่านี้ (การค้า) แต่พวกเขาแสวงหาพระเจ้าพร้อมทั้งสวดภาวนา แต่แล้ว ประชาชนพวกนี้ต้องนำเงินของตนมาแลกเป็นเหรียญเพื่อทำบุญถวาย ประชาชนของพระเจ้าไม่ได้ไปพระวิหารเพื่อพ่อค้าเหล่านี้ ไม่ได้ไปพระวิหารเพื่อคนที่กำลังขายของบางอย่าง พ

โป๊ปฟรังซิส: “ได้โปรดช่วยกันเอาใจใส่ผู้อดอยากหิวโหยด้วย”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องนานาชาติใส่ใจต่อผู้อดอยากหิวโหยอย่างจริงจัง เพราะขณะที่โลกกำลังเรียกร้องสิทธิต่างๆ มากมาย แต่ผู้อดอยากหิวโหยก็มีสิทธิที่เราควรเอาใจใส่พวกเขาเช่นเดียวกัน  ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยังสำนักงานองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงโรม เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ โดยงานนี้ สมเด็จพระราชินี เลติเซีย แห่งสเปน ทรงเข้าร่วมการประชุมด้วย ในส่วนพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับที่ประชุม พระองค์ทรงย้ำว่า ขณะที่มนุษย์กำลังแสวงหาสิทธิใหม่ๆ มันยังมีคนที่อดอยากที่เรียกร้องสิทธิในการตระหนักว่า พวกเขาก็เป็นพลเมืองที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน พระสันตะปาปา ตรัสว่า “ข้าพเจ้าอยากกล่าวถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าขอเรียกว่า ‘กำไรต้องมาก่อน’ สิ่งนี้เป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้กับความหิวโหยและภาวะขาดสารอาหาร “ข้าพเจ้ายังขอกล่าวถึงประเด็นเรื่องสิทธิต่างๆ ขณะที่เราพูดถึงสิทธิใหม่ๆ คนอดอยากยังคงอยู่ตามท้องถนน และวอนขอว่า ได้โปรดตระหนักว่าพวกเขาเป็นพลเมืองคนหนึ่งที่ควรได้รับอาหารเพื่อสุขภาพ “ข้าพเจ้ายังขอกล่าวย้ำเกี่ย

โป๊ปฟรังซิส: “พระเยซูร้องไห้ เพราะพวกเราทุกปิดประตูหัวใจไม่ต้อนรับพระองค์”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงชี้ พระเยซูทรงร้องไห้ เพราะพวกเราทุกปิดประตูหัวใจไม่ต้อนรับพระองค์ ทรงย้ำ คริสตชนทุกคนที่พึงพอใจกับความสุขฝ่ายโลกและไม่ต้องการให้พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยม ก็เหมือนกับชาวเยรูซาเล็มที่พอใจว่าตนควบคุมทุกสิ่งได้ ไม่ต้องการให้พระเจ้ามาช่วยเหลือ และไม่ต้อนรับพระองค์ จนทำให้พระเยซูต้องร้องไห้กับการกระทำเหล่านี้ ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงร้องไห้ให้กับกรุงเยรูซาเล็ม เพราะประชาชนไม่ตระหนักถึงหนทางที่จะนำไปสู่สันติ (ลูกา 19: 41-44) พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พระเยซูทรงกันแสง (ร้องไห้) เพราะหัวใจที่ปิดตายของเมืองที่พระเจ้าทรงเลือกและประชากรที่พระองค์ทรงเลือก พวกเขาไม่มีเวลาที่จะมาเปิดประตู พวกเขายุ่งมากและยึดแต่ความพอใจของตัวเองมากเกินไป พระเจ้ายังคงเคาะประตูเรียกต่อไป เหมือนที่พระองค์ทรงเคาะประตูหัวใจของกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเคาะประตูของพี่น้องชายหญิง เคาะประตูเรียกเรา เคาะเรียกที่หัวใจของเรา และเคาะเรียกที่ป

โป๊ปฟรังซิส: “เราทุกคนได้รับกระแสเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำ เราทุกคนได้รับกระแสเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผ่านทางการรับใช้เพื่อนมนุษย์และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทรงชี้ เราไม่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์จากคุณสมบัติส่วนตัว แต่นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบเป็นของขวัญให้เราแต่ละคน  ช่วงสายวันพุธที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 60,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงเน้นว่า ความศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัว แต่ความศักดิ์สิทธิ์คือของขวัญที่ต้องได้รับการนำไปปฏิบัติผ่านทางการเป็นประจักษ์พยานในชีวิตประจำวันและต้องเอาใจใส่ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน พระสันตะปาปา ตรัสว่า “การเจริญเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์ หมายความว่า เราต้องกลายเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น เป็นอิสระจากความเห็นแก่ตัวและการสนใจแต่ตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องพร้อมที่จะมอบตนเองเพื่อรับใช้พี่น้องในพระศาสนจักร “สมาชิกแต่ละคนของพระศาสนจักร ได้แบ่งปันกระแสเรียก(แห่งการรับใช้) ทั้งนี้ เราต้องขอบคุณต่อศีลล้างบาปที่เราได้รับ อาศัยศีลล้างบาปที่เรียกเราสู

โป๊ปฟรังซิส: “คริสตชนขี้โกง เฉยชา และห่วงแต่ภาพลักษณ์ จงกลับใจได้แล้ว”

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเตือน คริสตชนขี้โกง คริสตชนเฉยชา และคริสตชนที่สนใจแต่ภาพลักษณ์ภายนอก ต้องรู้จักกลับใจได้แล้ว จงดู “ศักเคียส” เป็นตัวอย่าง หัวหน้าคนเก็บภาษีที่ขี้โกงคนนี้ยังรู้จักการกลับใจเมื่อได้สัมผัสพระวาจาของพระเจ้า ทรงสอน สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรม พระศาสนจักรต้องการให้เราไตร่ตรองอย่างจริงจังมากๆ เกี่ยวกับการกลับใจ ช่วงเช้าวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารประจำพิธีนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเรียกศักเคียสให้ลงมาจากต้นมะเดื่อ (ลูกา 19:1-10) ส่วนบทอ่านประจำมิสซานี้ จากหนังสือวิวรณ์ พระเจ้าทรงเตือนว่า อย่าเป็นคนไม่ร้อนหรือไม่เย็น แต่มันเป็นการดีเสียกว่า ถ้าเราจะเลือกไปเลยว่า จะร้อนหรือเย็น เพราะการเป็นคนเฉยชา เป็นสิ่งไม่ดี พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันว่า “ในบทอ่านแรก พระเจ้าทรงเรียกร้องคริสตชนที่เมืองเลาดิเซียให้กลับใจ เพราะพวกเขาเป็นคนเฉยชา พวกเขาดำเนินชีวิตฝ่ายจิตอย่างสุขอุรา พวกเขาคิดว่า ‘ฉันทำสิ่งที่ฉันทำได้ แต่ฉันอยู่ในจุดที่สงบและไม่ต้องการที่จะถูกรบกวนด้วยสิ่ง