Posts

Showing posts from November, 2013

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าให้ใครมาขโมยความมุ่งมั่นไปจากเรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำบรรดานักศึกษาทุกคน อย่าให้ใครมาขโมยความมุ่งมั่นตามแบบฉบับเยาวชน อย่าปล่อยให้ความคิดไม่เข้าท่ามาเป็นอุปสรรคต่อความมุ่งมั่นเด็ดขาด ทรงเตือนสติ อย่าตกเป็นเหยื่อของจริยธรรมที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่จงมีจริยธรรมตามแบบฉบับคริสตชนและแนวทางของศาสนา  ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็น โอกาสเริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พิธีนี้จัดขึ้นในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยผู้ร่วมพิธีได้แก่บรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆแห่งสันตะสำนักในกรุงโรม ในส่วนของบทเทศน์ประจำวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บรรดาลูกๆนักเรียนนักศึกษาที่รัก วันนี้ พ่ออยากแบ่งปันเรื่องการเข้ามามีส่วนร่วมของพระเจ้าในชีวิตของเรา พระเจ้าจะเข้ามามีส่วนร่วมกับเรา เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นอ่อนแอเปราะบาง พระเจ้าจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตเราเพื่อนำความสมบูรณ์แบบมามอบให้ - การที่พระเจ้าเข้ามามีส่วนร่วมและทำให้ชีวิตของเราสมบูรณ์แบบขึ้นนั้น ได้ให้ความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัย กล่าวคือ ความมั่นใจที่มอบให้กับพระเจ

โป๊ปฟรังซิส: "จงสวดขอสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อจะเข้าใจเครื่องหมายแห่งกาลเวลา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน คริสตชนต้องรู้จักสวดขอสติปัญญาจากพระเจ้า เพื่อให้เข้าใจ "เครื่องหมายแห่งกาลเวลา" อย่างถ่องแท้ ทรงย้ำ เราไม่มีทางเข้าใจเครื่องหมายแห่งกาลเวลาได้ง่ายๆ เราเป็นแบบพวกอัครสาวกที่เวลาพระเยซูตรัสถึงเครื่องหมายแห่งกาลเวลา บรรดาสาวกมักจะไม่เข้าใจว่าพระองค์หมายถึงอะไรกันแน่ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงกล่าวอุปมาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วตรัสสรุปว่า "ฟ้าดินจะสูญสิ้นไป แต่วาจาของเราจะไม่สูญสิ้นไปเลย" บรรดาอัครสาวกฟังพระเยซูตรัสแล้วไม่เข้าใจ แต่พระเยซูก็ไม่โกรธที่พวกเขาไม่เข้าใจพระองค์ - พระเจ้าต้องการให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา เข้าใจสิ่งที่เกิดในชีวิตของเรา เข้าใจสิ่งที่เกิดกับโลกและประวัติศาสตร์ - ว่าแต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้นั้น หมายความว่าอย่างไร นี่คือสัญญาณของกาลเวลาไง! ในอีกทางหนึ่ง จิตตารมย์ฝ่ายโลกให้สิ่งที่แตกต่างออก

โป๊ปฟรังซิสประกาศให้ปี 2015 เป็น "ปีแห่งนักบวช"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงประกาศให้ ค.ศ.2015 เป็น "ปีแห่งนักบวช" พร้อมเตือนสติ พระสงฆ์และนักบวชต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาป แต่ต้องไม่เป็นคนขี้โกง ที่สำคัญ อย่าบังอาจคิดแสวงหาความก้าวหน้าและทะเยอทะยานผ่านทางการทำหน้าที่พระสงฆ์และนักบวชเด็ดขาด ช่วงสายวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับบรรดาอธิการเจ้าคณะนักบวชชายหญิงที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมอธิการเจ้าคณะนักบวช ครั้งที่ 82 โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงประกาศให้ ค.ศ.2015 เป็น "ปีแห่งนักบวช" ด้วย สำหรับบทเทศน์แบ่งปันนั้น พระสันตะปาปาทรงกล่าวแบบไม่มีสคริปท์ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ถาม แล้วพระองค์จะตอบ ซึ่งใจความสำคัญที่พระสันตะปาปาตรัสตอบ มีดังนี้ - คริสตชนทุกคนได้รับกระแสเรียกให้เป็นธรรมทูต แต่ว่า บรรดานักบวชชายหญิงคือบุคคลพิเศษที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เพราะท่านเหล่านี้สามารถปลุกโลกให้ตื่นได้ - สิ่งสำคัญของบรรดาพระสงฆ์ และนักบวชชายหญิงก็คือ จงอย่าแสวงหาความก้าวหน้า ความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงในหน้าที่พระสงฆ์และนักบวช - หน้าที่การฝึกอบรมผู้เตรียม

โป๊ปฟรังซิส: "ทำไม เราไม่กล้าคุยเรื่องศาสนาในที่สาธารณะ"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงตั้งคำถาม ทำไมคนยุคนี้ถึงไม่กล้าพูดเรื่องศาสนาในที่สาธารณะ ทำไมต้องพูดว่าศาสนาเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้วย พร้อมกันนี้ ทรงให้กำลังใจ การถูกเบียดเบียนจากการนับถือศาสนา จัดเป็นเครื่องหมายของประกาศกที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงกล่าวถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็คือกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย (ลูกา 21:20-28) พระองค์ทรงบอกเราถึงความพินาศต่างๆ ทั้งตัวเยรูซาเล็มและพลเมือง สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร มันหมายถึงชัยชนะของโลกเหนือพระเจ้าอย่างงั้นหรือ - ทุกวันนี้ ผู้คนไม่กล้าพูดเรื่องศาสนาในที่สาธารณะ เพราะศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคล มันเป็นอย่างงั้นจริงๆหรือ? มันเป็นบางสิ่งที่พวกท่านก็ไม่พูดถึงในที่สาธารณะอย่างงั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น เรื่องศาสนาก็กลายเป็นเรื่องจิตเปล่าๆอย่างงั้นหรือ - คนเราต้องเชื่อฟังคำสั่งจากอำนาจทางโลก คนเราทำหลายสิ่งหลายอย่าง ทำสิ่งดีงาม แต่ต้องไม่นับ

โป๊ปฟรังซิส: "อย่ากลัวความตายบนโลกนี้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน เราต้องอย่ากลัวความตาย เพราะความตายบนโลกนี้คือการเตรียมทางให้เราได้รับชีวิตนิรันดรในพระอาณาจักรสวรรค์ ทรงย้ำ พระเจ้าสอนเราให้เฝ้าระวังเสมอ ดังนั้น เราต้องเตรียมตัวตายอย่างดีด้่วยการช่วยเหลือผู้ยากไร้และร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา ช่วงสายวันพุธที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 90,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก ก่อนอื่นเลย พ่อขอขอบคุณทุกคนที่กล้าหาญมากๆที่มายืนฝ่าความหนาวและมาอยู่กับพ่อในวันนี้ พวกท่านสุดยอดจริงๆ! เอาล่ะ วันนี้ พ่อจะแบ่งปันบท "ข้าพเจ้าเชื่อ" เป็นตอนสุดท้าย โดยวันนี้ จะเป็นเรื่อง "การกลับคืนชีพของร่างกาย" (สมัยก่อนคือ การกลับคืนชีพของเนื้อหนัง) - ความเชื่อคริสตชนส่องสว่างธรรมล้ำลึกแห่งการสิ้นพระชนม์และนำความหวังแห่งการกลับคืนชีพมาให้เรา ความตายท้าทายเราทุกคนว่า มันเป็นเรื่องน่าเศร้าเป็นโศกนาฏกรรม ความตายทำให้เราเข้าใจบางสิ่งผิดไป ทำให้เรากลัวและไม่ยอม

สรุปสาระสำคัญของสารเตือนใจ "Evangelii Gaudium" (ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร)

Image
ช่วงเที่ยงวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา วาติกันได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวสารเตือนใจ (Apostolic Exhortation) ซึ่ง สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกในสมณสมัยของพระองค์ โดยสารเตือนใจนี้ชื่อว่า "Evangelii gaudium" หรือชื่อภาษาไทยคือ "ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร" ทั้งนี้ ในส่วนสาระสำคัญของสารเตือนใจนี้ Pope Report ขอสรุปเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้ - คนที่ประกาศพระวรสารต้องไม่ทำตัวเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากงานศพ ทำหน้าตาหดหู่ แต่เราต้องมีชีวิตชีวาเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี - พระศาสนจักรต้องไม่หลงไปตาม "จิตตารมย์ฝ่ายโลก" ซึ่งแสวงหา "ความสุขสบายและการกินอยู่อย่างสุขอุรา" ถ้าพระศาสนจักรหลงไปตามจิตตารมย์ฝ่ายโลก เราจะกลายเป็น "พิพิธภัณฑ์" หรือวัตถุโบราณทันที - พระศาสนจักรต้องเป็น "พระศาสนจักรของคนยากไร้ และต้องเป็นพระศาสนจักรเพื่อคนยากไร้" คนยากไร้สอนอะไรให้กับเรามากมาย พวกเราถูกเรียกให้มาค้นหาพระคริสตเจ้าในกลุ่มคนยากไร้ เราต้องเป็นเพื่อนและรับฟังพวกเขา เพราะพระเจ้าต้องการจะแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับเราผ่านทางคนยากไร้ - จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงโคร

โป๊ปฟรังซิส: "เจ้าแห่งกาลเวลาคือพระเจ้า ไม่ใช่เรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติคริสตชน อย่าบังอาจคิดเด็ดขาดว่า ตัวเราเป็นเจ้าของเวลา เพราะเจ้าของตัวจริงคือพระเจ้า ไม่ใช่ตัวเรา พร้อมย้ำ คริสตชนต้องสวดภาวนาและต้องรู้จักแยกแยะสิ่งใดดีหรือชั่ว เพราะสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เราคือ "ปรีชาญาณ" ในการวินิจฉัย  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเตือนสติเราว่า จะมีคนมาอ้างพระนามของพระองค์และบอกว่า เวลาที่กำหนดมาถึงแล้ว แต่เราต้องไม่ตามเขาไปเด็ดขาด - คริสตชนคือคนที่รู้วิธีที่จะดำเนินชีวิตในช่วงเวลาต่างๆ และยังเป็นผู้ที่รู้ว่าตอนนี้จะดำเนินชีวิตอย่างไร เวลาที่พระเยซูกล่าวในพระวรสารก็คือเวลาที่เรามีอยู่ในมือนี่แหละ แต่สิ่งที่เรามีนั้น ไม่ใช่เวลา ช่วงเวลาดังกล่าวมันผ่านไปแล้ว! - บางที สิ่งที่เรารู้สึกก็คือ เรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าแห่งกาลเวลา แต่การที่จะเชื่อว่า เราเป็นเจ้าของกาลเวลานั้น มันคือการหลอกลวง เพราะเวลาไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระเจ้า! - ถ้าเรารำพึงพระวาจาของพระเ

โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องวางใจพระเจ้า แม้เป็นช่วงแย่สุดในชีวิตก็ตาม"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงกระตุ้น เราต้องวางใจในพระเจ้า แม้ตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่สุดในชีวิตของเราก็ตาม ทรงชี้ เราต้องดูแบบอย่างคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนในตะวันออกกลาง แล้วนำมาเป็นความกล้าหาญให้กับการดำเนินชีวิตคริสตชนของเรา ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธาโดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านวันนี้จากหนังสือประกาศดาเนียล (ดนล 1:1-6,8-20) ชายหนุ่มรูปงามชาวอิสราเอลบางคนดำเนินชีวิตเป็นทาสของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน แต่พวกเขาดำเนินชีวิตมั่นคงในความเชื่อต่อพระเจ้า แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียชีวิตของตนก็ตาม ส่วนพระวรสารของนักบุญลูกา (ลก 21:1-4) หญิงม่ายยากจนที่นำเหรียญทองแดง 2 เหรียญทำทาน ซึ่งเป็นเงินที่เธอเหลืออยู่เท่านั้น ต่างจากคนอื่นที่นำเงินเหลือใช้มาทำทาน เธอก็ได้รับคำชื่นชมจากพระเยซู เพราะเธอได้ถวายทุกสิ่งที่มีในชีวิตให้กับพระเจ้า - สำหรับชายหนุ่มชาวอิสราเอลในหนังสือดาเนียลและหญิงม่ายในพระวรสาร พระเจ้าทรงเป็นทุกสิ่งสำหรับพวกเขา พวกเขามอบความวางใจทั้

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต แม้ในเวลามืดมิด ความสว่างก็ส่องแสงได้"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถวายมิสซาปิดปีแห่งความเชื่อและจัดแสดงพระธาตุส่วน "กระดูกของนักบุญเปโตร" พร้อมเทศน์ให้ข้อคิด ถ้าเราให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางของชีวิต แม้ชีวิตจะพบช่วงเวลามืดมิดที่สุด ความสว่างจากพระเจ้าก็จะส่องแสงนำทางเรา ทรงย้ำ เมื่อเราทำผิดและขอให้พระเจ้าอภัยโทษเราด้วยความถ่อมตน พระเจ้าจะอภัยแน่นอน  ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาลและปิดปีแห่งความเชื่อ พร้อมทั้งมีการนำ "พระธาตุที่เป็นกระดูกของนักบุญเปโตร" มาจัดแสดงให้ชมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มิสซานี้ จัดที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 140,000 คน ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - วันนี้ เรามาร่วมกันสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งเป็นการปิดปีพิธีกรรม และเรายังมาร่วมกันปิดปีแห่งความเชื่อที่ถูกจัดขึ้นตามพระดำริของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ขอให้เราทุกคนคิดถึงพระองค์ท่านด้วยความรักและสำนึกในสิ่งที่พระองค์ทรงกระท

โป๊ปฟรังซิส: "ความรักของพระเจ้าเป็นนิรันดร์ พระองค์ไม่มีวันทรยศเรา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงต้อนรับบรรดาคริสตังสำรอง พร้อมยืนยัน ความรักของพระเจ้ามั่นคงนิรันดร พระองค์ไม่มีวันทรยศเรา ทรงย้ำ จงรักษาความปรารถนาจะแสวงหาพระเจ้าไว้ จงติดตามพระเยซูด้วยความชื่นชมยินดี อย่าให้ความเชื่อเป็นแค่พฤติกรรมเท่านั้น  ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็นและต้อนรับบรรดา "คริสตังสำรอง" (ผู้ที่เรียนคำสอนและเตรียมเข้าเป็นคริสตชน) จำนวน 500 คน จาก 47 ประเทศทั่วโลกที่มาเข้าเฝ้าโอกาสปีแห่งความเชื่อ โดย 35 คนได้เป็นตัวแทนที่จะไปยืนให้พระสันตะปาปาต้อนรับ ณ ประตูทางเข้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกันด้วย สำหรับบทเทศน์แบ่งปันในวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องคริสตังสำรองที่รักทุกคน พวกท่านมาจากหลายประเทศ หลายวัฒนธรรม แต่กระนั้น เราจะร่วมแบ่งปันความเชื่อเดียวกัน เราจะร่วมกันแบ่งปันความต้องการจะแสวงหาพระเจ้าไปด้วยกัน - พ่อขอให้พวกท่านรักษาความปรารถนาจะแสวงหาพระเจ้านี้ไว้ ความปรารถนาที่จะให้พระเจ้าเข้ามาประทับในชีวิต ถ้าท่านไม่รักษาความปรารถนานี้ ความเชื่อจะกลายเป็นเพียงแค่พฤติก

โป๊ปฟรังซิส: "เราร่วมมิสซาเพราะสรรเสริญพระเจ้า ไม่ใช่เพราะชอบจารีตพิธี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงตั้งคำถาม จุดประสงค์หลักของเราในการมาร่วมมิสซาอยู่ที่ความต้องการสรรเสริญพระเจ้าใช่หรือเปล่า หรือมาร่วมพิธีเพราะต้องการร่วมจารีตที่สง่างามและอยู่ในโบสถ์ที่สวยงามเท่านั้น ทรงชี้ เราต้องชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ เพราะนี่คือที่ประทับของพระเจ้าและเป็นที่ให้เราฟังเสียงของพระองค์ ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสระลึกถึงนักบุญเซซีลีอา พรหมจารีและมรณสักขี โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูเสด็จเข้าไปในพระวิหารและขับไล่บรรดาพ่อค้าออกไป พร้อมสั่งสอนว่า "นี่คือบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา" (ลูกา 19:45-48) ส่วนบทอ่านวันนี้จากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 1 (1 มคบ 4:36-37,52-59) เราก็ได้เห็นชาวอิสราเอลมาช่วยกันชำระพระวิหารให้หมดมลทิน เพื่อใช้ในการสรรเสริญพระเจ้า - พ่อจึงอยากแบ่งปันว่า จุดประสงค์หลักของพวกเราที่มายังพระวิหารของพระเจ้าก็คือ "การสรรเสริญนมัสการพระองค์" นี่คือหัวใจหลักสำคัญสุด - พ่ออยากถามว่า ตัวโบสถ์คาทอลิกหรือพิธีกร

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อแก้บาปทุกๆ 2 อาทิตย์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน พระองค์ทรงไปแก้บาปทุกๆ 2 อาทิตย์ เพราะคนที่เป็นพระสันตะปาปาก็เป็นคนบาปและจำเป็นต้องขอการอภัยโทษจากพระเจ้าเหมือนกัน ทรงเตือนสติ ถ้าพระสงฆ์คนไหนที่ไม่ยอมฟังคำขอโทษ ไม่มีใจเมตตา และไม่กล้าที่จะให้อภัย เขาคนนั้นก็ไม่สมควรจะมาโปรดศีลอภัยบาป จนกว่าเขาจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะพระสงฆ์ที่จะโปรดศีลอภัยบาป ต้องทำหน้าที่ด้วยความถ่อมตนและเมตตา ช่วงสายวันพุธที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 90,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก วันนี้ พ่ออยากจะแบ่งปันเรื่องการอภัยบาป ผ่านทางการแบ่งปันอำนาจตามเครื่องหมายแห่งพระคัมภีร์ที่พระเยซูทรงมอบให้กับบรรดาอัครสาวก - อันดับแรกและเป็นสิ่งสำคัญสุด พวกเราระลึกถึงบ่อเกิดของการให้อภัยบาป ซึ่งก็คือพระจิตเจ้า ผู้ที่พระเยซูทรงส่งมาอยู่เหนือบรรดาสาวก ดังนั้น พระเยซูทรงให้พระศาสนจักรเป็นผู้ถือกุญแจที่ทรงอำนาจนี้ - อย่างไรก็ตาม พระศาสนจักรไม่ใช่ผู้มีอำนาจของการให้อภัยบา

โป๊ปฟรังซิส: "ใครที่ไม่สนใจปู่ย่าตายาย คนนั้นก็ไม่มีอนาคต"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ สังคมใดที่ไม่สนใจ ไม่ห่วงใย และไม่เคารพปู่ย่าตายายของตน ก็เป็นพวกไม่มีอนาคต เพราะสิ่งที่เขาทำ ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำของตนไปแล้ว ทรงย้ำ เราต้องอย่าทำนิสัยมองผู้สูงอายุเป็นส่วนเกินของสังคมเด็ดขาด ช่วงเช้าวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านวันนี้จากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 2 (6:18-31) เอเลียซาร์ ธรรมาจารย์ผู้อาวุโสยอมสละชีวิตตนเองยืนยันความเชื่อ มากกว่าจะทรยศความเชื่อ บุรุษท่านนี้คือผู้แน่วแน่มั่นคงในความเชื่อและปฏิเสธคำแนะนำจากเพื่อนที่ขอร้องท่านให้แกล้งทำเป็นกินเนื้อหมู เพื่อจะได้รอดจากการถูกประหารชีวิต แต่แทนที่เอเลียซาร์จะเป็นห่วงชีวิตของตน ท่านกลับยอมตายถวายเกียรติแด่พระเจ้า ทำให้ท่านกลายเป็นคนที่เยาวชนคนรุ่นหลังจดจำในความกล้าหาญ - พี่น้องที่รัก ลองวกกลับมาคิดถึงสังคมปัจจุบันกันบ้าง ยุคนี้ เราดำเนินชีวิตในยุคที่ผู้อาวุโสคนแก่คนเฒ่าไม่ได้รับการนับถือ มันไม่น่ายินดีเลยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่เราเห็นแล้วว่า ผู้อาวุโสถู

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าหลงไปตามจิตตารมย์ฝ่ายโลกที่นำเราห่างจากพระเจ้า"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่าหลงไปตามจิตตารมย์ฝ่ายโลกที่ทำให้เราถอยห่างจากพระเจ้า ทรงเปรียบ การฟังเสียงจิตตารมย์ฝ่ายโลก เป็นเหมือน "การคบชู้" เพราะมันทำให้เราต่อรองความซื่อสัตย์กับพระเจ้า พร้อมย้ำ การละทิ้งประเพณีชาติของตนและหันไปใช้ประเพณีต่างชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - ในบทอ่านวันนี้จากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 1 (1:11-16, 43-45, 57-60, 65-67) เราได้เห็นแล้วว่า ชาวอิสราเอลผู้ทรยศบางคนได้พยายามถอยห่างจากพระเจ้าและหันไปพึงพอใจต่อความสุขสบายฝ่ายโลกที่กีดกันพระเจ้าออกจากชีวิต - ถ้ามองกลับมายังชีวิตประจำวันของเรา ถ้าเราเผชิญกับเหตุการณ์ที่ถูกชักจูงให้ถอยห่างจากพระเจ้าและมาพึงพอใจกับความสบายฝ่ายโลก เราต้องสวดขอพระเจ้าให้มากๆ เพื่อเราจะได้มีความสามารถในการแยกแยะที่จะตระหนักถึงเล่ห์เหลี่ยมของจิตตารมย์ฝ่ายโลก - จิตตารมย์ฝ่ายโลกคือบ่อเกิดของความชั่วร้ายและมันนำเราให้เมินเฉยต่อประเพณีที่ดีงามซึ่งพระเจ้า

โป๊ปฟรังซิส: "อย่าหลงไปติดตามประกาศกตัวปลอมเด็ดขาด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน โลกทุกวันนี้มี "ประกาศกตัวปลอม" เยอะมาก อาทิ คนที่ทำตัวเป็นผู้นำ, ทำตัวเป็นนักบุญจอมปลอมซึ่งโน้มน้าวจิตใจผู้คนให้คล้อยตาม กระนั้น เราต้องอย่าหลงไปตามคนพวกนี้เด็ดขาด เพราะเราต้องติดตามพระเยซูเท่านั้น ทรงชี้ คริสตชนที่ถูกเบียดเบียนในยุคนี้น่าจะมีจำนวนมากกว่าในศตวรรษแรกด้วยซ้ำ ตอนท้าย ทรงทำเซอร์ไพรส์แจก "สายประคำ" ให้ผู้ร่วมภาวนาทุกคน ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 85,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงทำเซอร์ไพรส์ด้วยการถือ "กล่องยา" ขึ้นมา แล้วตรัสว่า "นี่คือยารักษา อย่าลืมวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้าผ่านสิ่งนี้ เดี๋ยวจะมีการแจกให้ทุกคนหลังสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าวเสร็จ" ซึ่งในนั้นคือ "สายประคำ" ที่มีแจกให้สัตบุรุษทุกคนหลังการภาวนาด้วย สำหรับบทสอนวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันว่า: - พระวรสารวันอาทิตย์นี้ พระเยซูเตือนเราทุกคนเกี่ยวกับ "ประกา

โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าใจอ่อนเสมอ ถ้าเราสวดขอด้วยความถ่อมตน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระเจ้าทรงใจอ่อนเมื่อเราสวดขอด้วยความถ่อมตน เหมือนอย่างโมเสสและประชากรอิสราเอลร้องขอพระเจ้าตอนออกจากอียิปต์ พร้อมยก "หญิงม่ายที่วอนขออย่างไม่รู้จักย่อท้อ" เป็นแบบอย่างในการภาวนาขอพระเจ้า  ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเล่าอุปมาเรื่อง "ผู้พิพากษาที่ไร้มโนธรรมและหญิงม่ายผู้รบเร้า" (ลูกา 18:1-8) โดยแก่นของพระวรสารตอนนี้คือ "เราต้องภาวนาอย่างไม่ท้อถอย" เหมือนกับหญิงม่ายที่ร้องขอความยุติธรรมจากการตัดสินที่ไม่โปร่งใส ที่สุดแล้ว เธอก็ได้รับสิ่งที่ร้องขอ - พระเจ้าจะคุ้มครองสิทธิของผู้ที่พระองค์ทรงเลือก พระองค์จะคุ้มครองสิทธิของผู้ที่เรียกหาพระองค์ตลอดวันตลอดคืน พระเจ้าทรงทำให้เห็นแล้วใช่ไหมตั้งแต่ตอนที่โมเสสนำประชากรอิสราเอลออกจากอียิปต์ พระองค์ตรัสกับโมเสสว่า "เราได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงคร่ำครวญจากประชากรของเรา" เห็นไหมว่า พระเจ้าทรงฟังเสียงร้องของพวก

โป๊ปฟรังซิส: "พระสังฆราชคาทอลิกมีหน้าที่รับใช้ด้วยรักและเมตตา ไม่ใช่ออกกฎคุมคนอื่น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำอีกครั้ง พระสังฆราชคาทอลิกมีหน้าที่รับใช้ด้วยรักและเมตตา ไม่ใช่ออกกฎควบคุมคนอื่น โดยทรงกล่าวเรื่องนี้ระหว่างมิสซาอภิเษกพระสังฆราชใหม่ ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ทรงเป็นประธานมิสซาอภิเษกพระสังฆราชใหม่ "พระอัครสังฆราช เฟร์นานโด เวร์เกซ" เลขาธิการทั่วไปแห่งฝ่ายบริหารนครรัฐวาติกัน โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปายังคงดูอ่อนเพลียจากอาการไข้หวัดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งช่วงเช้าของวันนี้ พระองค์ทรงงดภารกิจทุกอย่างเพื่อพักฟื้นร่างกายด้วย สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงสอนแบบสั้นๆ ใจความว่า: - อย่างที่พ่อกล่าวย้ำไปหลายครั้งว่า หน้่าที่ของพระสังฆราชคือการรับใช้ นี่เป็นตำแหน่งที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในพระศาสนจักร ในความเป็นจริงแล้ว ท่านได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้เพื่อมารับใช้ทุกคน ไม่ใช่มาออกกฏควบคุมคนอื่น - อาศัยการรับใช้ พ่อต้องการจะบอกว่า การรับใช้ที่ยิ่งใหญ่คือการรับใช้ด้วยความรักและเมตตา ตัวอย่างที่พ่ออยากแบ่งปันคือ พระคาร์ดินัล เอดูอาร์โด้ ปิโรนิโอ พระคาร์ดินัลชาวอาร์เจนไตน์ผู้ล่วงลับ

โป๊ปฟรังซิส: "จงหยุดนิสัยสอดรู้สอดเห็น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ จงเลิกนิสัยสอดรู้สอดเห็น อาทิ ต้องรู้ให้ได้ทุกเรื่อง เพราะการสอดรู้สอดเห็นไม่ใช่ปรีชาญาณจากพระเจ้า แต่มันเป็นจิตตารมย์ฝ่ายโลก พร้อมยก "นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู" เป็นแบบอย่างของผู้ที่บังคับตัวเองไม่ให้สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านประจำวันนี้จากหนังสือปรีชาญาณ (7:22-8:1) ได้อธิบายถึงปรีชาญาณของมนุษย์ ซึ่งคริสตชนที่แท้จริงดำเนินชีวิตอยู่ในปรีชาญาณของพระจิต ปรีชาญาณนี้จะนำมนุษย์ก้าวไปข้างหน้าด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ปรีชาญาณจากพระเจ้าจะช่วยเราในการตัดสินและทำการตัดสินใจด้วยหัวใจของพระเจ้า ปรีชาญาณจะให้สันติในจิตใจเรา - พระวรสารวันนี้ เป็นตอนที่พระเยซูตรัสอธิบายคำถามของฟาริสีที่ว่า "พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด" (ลูกา 17: 20-25) สิ่งที่ฟาริสีถามนี้ ขัดกับปรีชาญาณของพระเจ้า เพราะนี่คือจิตของความสอดรู้สอดเห็น - เมื่อใดที่เราต้องการจะเป็น "เ

โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรกับรัฐแบ่งปันความห่วงใยต่อคนว่างงานเหมือนกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงยืนยัน แม้พระศาสนจักรกับรัฐจะแยกหน้าที่กันชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่เราร่วมแบ่งปันความรู้สึกเดียวกันคือ ความเป็นห่วงต่อคนว่างงาน ทรงชี้ หน้าที่พระศาสนจักรคือการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเมตตาของพระเจ้า และส่งเสริมการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจเมตตาและเป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จเยือน "ควีรินาเล่" (ทำเนียบประธานาธิบดีอิตาลี) และพบกับ จอร์โจ้ นาโปลิตาโน่ ประธานาธิบดีอิตาลี พร้อมคณะรัฐบาลที่มารอรับเสด็จ นับเป็นการเสด็จเยือนทำเนียบประธานาธิบดีครั้งแรกของพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน โอกาสนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวสุนทรพจน์ ใจความว่า: - ข้าพเจ้าขอรำลึกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิตาลีกับสันตะสำนัก และร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2008 ที่สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เคยเสด็จเยือนที่นี่ - วันนี้ ข้าพเจ้ามาที่นี่เพราะข้าพเจ้าปรารถนาที่จะเคาะประตูหัวใจของพลเมืองอิตาเลี่ยนทุกคน และมอบการเยียวยารักษาจิตใจและมอบคำสอนตามพระวรสารให้กับทุกคนด้วย - แม้พระศาสนจักรและรัฐจะแยกกันอย่างชัดเจน

โป๊ปฟรังซิส: "ทะเบียนศีลล้างบาปคือทะเบียนเกิดในพระศาสนจักร"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ทะเบียนรับศีลล้างบาปคือ "ทะเบียนเกิดของเราในพระศาสนจักร" ทรงเชิญชวนอีกครั้งให้คริสตชนกลับไปค้นวันที่ได้รับศีลล้างบาป และทำการฉลองว่านี่คือวันเกิดของเรา ทรงชี้ พระศาสนจักรสอนเราให้สารภาพบาปด้วยความสุภาพถ่อมตน เพราะอาศัยการอภัยบาป จิตใจของเราก็จะพบกับสันติและความชื่นชมยินดี ช่วงสายวันพุธที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 90,000 คน ระหว่างการเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พี่น้องที่รัก วันนี้ พ่อยังจะแบ่งปันคำสอนเรื่องบท "ข้าพเจ้าเชื่อ" ต่อไป โดยวันนี้ จะเป็นหัวข้อของ "ศีลล้างบาป" - ทุกวันอาทิตย์เมื่อเราไปร่วมกันประกาศยืนยันความเชื่อ เราสวดภาวนาว่า "ข้าพเจ้าประกาศยืนยันว่า มีศีลล้างบาปหนึ่งเดียวเพื่ออภัยบาป" พ่ออยากให้เราพิจารณาประโยคนี้ดีๆ พิจารณาทุกตัวอักษร - คำว่า "ข้าพเจ้าประกาศยืนยัน" นี่คือการประกาศอย่างยิ่งใหญ่ที่เน้นถึงความสำคัญของศีลล้างบาปและยืนยันอัตลักษณ์ของเร

โป๊ปฟรังซิส: "แม้พระเจ้าตำหนิเรา แต่พระองค์ก็ทำด้วยความห่วงใย"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ แม้บางครั้งพระเจ้าจะตำหนิเรา แต่พระองค์ก็ทำด้วยความห่วงใย ทรงชี้ เราต้องมอบความวางใจในพระเจ้าเหมือนกับเด็กที่วางใจว่าตัวเองอยู่ในอุ้มมือพ่อของตัวเอง เพราะนี่คือมือที่ปลอดภัยที่จะดูแลเรา  ช่วงเช้าวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - บทอ่านวันนีี้จากหนังสือปรีชาญาณ กล่าวไว้ว่า เราถูกสร้างจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และพระหัตถ์นี้จะไม่มีวันทอดทิ้งเรา พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์แห่งธรรมชาติของพระองค์ แต่เพราะความอิจฉาของปีศาจ ความตายจึงเข้า มาในโลก ผู้ที่อยู่ฝ่ายปีศาจก็จะประสบความตาย - พี่น้องที่รัก เราทุกคนต้องประสบกับความตาย แต่เมื่อเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า เราก็ไม่ต้องกลัวความตาย พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาจะสอนเราให้ก้่าวเดิน สอนเราให้เดินบนหนทางของชีวิตและความรอด นี่คือมือที่ห่วงใยและดูเราในทุกเวลาของความเจ็บปวดและยังเป็นมือที่ทำให้เราสุขสบาย - พระหัตถ์ของพระเจ้าคือมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิด

โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าพี่น้องเราสำนึกผิดในบาป เราต้องให้อภัยเขา"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ ถ้าพี่น้องของเราสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ เราต้องให้อภัยพวกเขา ทรงชี้ คริสตชนที่มือข้างหนึ่งทำบุญให้พระศาสนจักร แต่อีกข้างไปโกงเขามา ก็เป็นพวกคนขี้โกง ไม่ใช่คนบาป เพราะเขาไม่สำนึกผิดกลับใจ นอกจากนี้ ทรงย้ำ คริสตชนที่คุยโวขี้โม้ว่าเป็นคริสตชน แต่ไม่ดำเนินชีวิตแบบคริสตชน ก็เป็นคนขี้โกงและเป็นคนทำลายพระศาสนจักร ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงสอนเรื่องการตักเตือนพี่น้องที่ทำบาปว่า "ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงตักเตือนเขา ถ้าเขากลับใจ จงให้อภัยแก่เขา ถ้าเขาทำผิดต่อท่านวันละ 7 ครั้ง และกลับมาหาท่าน 7 ครั้งพร้อมพูดว่า 'ฉันเสียใจ' ท่านจงให้อภัยเขาเถิด" (ลูกา 17: 1-6) - พระเยซูทรงเตือนสติพวกเราเกี่ยวกับ "การให้อภัยพี่น้องของตนที่ทำบาป" ถ้าหากพี่น้องของเราทำผิดและ "สำนึกผิดเสียใจ" จงอย่าเหน็ดเหนื่อยที่จะ "ให้อภัย" พวกเขา - อย่างไรก็ตาม พ่อขอเตือนว่า มันมี

โป๊ปฟรังซิส: "อย่ามองความตายด้วยมุมมองประสามนุษย์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน ถ้าเรามองความตายตามประสามนุษย์ เราจะมองว่ามนุษย์ทุกคนกำลังเดินไปสู่ความตาย แต่ถ้ามองด้วยสายพระเนตรของพระเจ้า เราจะมองว่ามนุษย์จะเดินออกจากความตายฝ่ายโลกเพื่อไปรับชีวิตนิรันดรในสวรรค์ ซึ่งเป็นการเติมเต็มชีวิตที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง ตอนท้าย ทรงเชิญทุกคนภาวนาให้ชาวฟิลิปปินส์ที่ประสบภัย "พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน" ด้วย ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 85,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันว่า: - พี่น้องที่รัก พระวรสารวันอาทิตย์นี้ พวกซัดดูซีมาถามพระเยซูเรื่องการกลับคืนชีพของผู้ตาย พวกเขาพยายามที่จะเย้นหยันความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพ - พระเยซูทรงอธิบายเรื่องชีวิตหลังความตายว่ามีความแตกต่างจากชีวิตบนโลก นั่นคือ ชีวิตนิรันดรมีความแตกต่างจากชีิวิตที่เรากำลังมีอยู่นี้ การกลับคืนชีพจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะดำเนินชีวิตในสถานะความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปอีกแบบ ซึ่งสิ่งนี้เราจะยังไม่ไ

โป๊ปฟรังซิส: "พ่อแม่ที่คดโกงคือคนที่ทำลายศักดิ์ศรีของลูกตน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ พ่อแม่ที่คดโกงชอบติดสินบนคือคนที่กำลังทำลายศักดิ์ศรีลูกๆของตน เพราะเขาเลี้ยงดูลูกๆด้วยสิ่งที่เกิดจากการทุจริต ทรงย้ำ การให้สินบนคนอื่นเหมือนการติดยาเสพติด มันจะเริ่มจากการให้สินบนทีละน้อยๆ แต่ยิ่งให้ก็จะยิ่งติดไปเรื่อยๆ ทรงเรียกร้องคริสตชนสวดให้พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกแบบผิดๆให้กลับใจ และหันมาตระหนักถึงศักดิ์ศรีที่เกิดจากงานอันทรงเกียรติ ไม่ใช่งานที่เกิดจากทางลัดแบบผิดๆ  ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า: - พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสเล่าเรื่องให้บรรดาสาวกฟังเกี่ยวกับ "ความฉลาดของผู้จัดการ" ที่ทุจริตคดโกงนายของตน (ลูกา 16:1-8) - พ่ออยากแบ่งปันข้อคิดกับพี่น้องเกี่ยวกับพระวรสารตอนนี้ด้วยการเปรียบกับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกของตนด้วย "ขนมปังสกปรก" อันเกิดจากการติดสินบนและคดโกง การเลี้ยงดูลูกของตนด้วยการคดโกงคือทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของลูกๆต้องต่ำต้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะการงานที่ขี้โกงได้ขโมยศักดิ์ศรีของพวกเ

โป๊ปฟรังซิส: "พระเจ้าไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาลูกที่หายไปให้กลับมาหาพระองค์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน พระเจ้าไม่ใช่ผู้สูญเสียที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เพราะพระองค์จะออกตามหาและนำเรากลับบ้านให้ได้ เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะที่ออกตามหาแกะที่หลงไปจนเจอ และเหมือนกับหญิงที่จุดตะเกียงกวาดบ้านจนพบเงินหนึ่งเหรียญที่หายไป  ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า: - พระวรสารวันนี้ เป็นเรื่องแกะที่พลัดหลงและเงินเหรียญที่หายไป (ลูกา 15: 1-10) พระเยซูทรงสอนว่า ผู้เลี้ยงแกะที่เลี้ยงแกะ 100 ตัว จะมีความยินดีมากเมื่อแกะตัวที่หลงไปได้กลับมาอย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับหญิงคนหนึ่งที่จุดตะเกียงกวาดบ้านหาเงินหนึ่งเหรียญจนพบ เธอจะก็ชื่นชมยินดีเช่นกัน - พระวรสารวันนี้ สอนเราถึงความชื่นชมยินดีและความสุขล้นของพระเจ้าเมื่อได้เห็นคนบาปกลับใจ พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้สูญเสียที่ยอมจำนนง่ายๆ ทำไมเหรอ? ก็เพราะพระองค์ไม่ต้องการจะสูญเสียใครไป พระเจ้าเสด็จออกไปตามหาทุกคนที่ห่างไกลจากพระองค์ พระเจ้าทำเหมือนกับผู้เลี้ยงแกะที่ออกไปตามหาแกะที่หลงไปให้กลับมาหาพระองค์ - งานของพระ

โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรเติบโตได้ด้วยความรักเท่านั้น"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระศาสนจักรเติบโตได้ด้วยความรักเท่านั้น แต่เมื่อใดที่พระศาสนจักรมีท่าทีเฉยชาและไม่สนใจเพื่อนมนุษย์ พระศาสนจักรก็จะไม่เติบโตเด็ดขาด ทรงชี้ คริสตชนไม่ควรกลัวพระสงฆ์เวลาไปรับศีลอภัยบาป เพราะพระเยซูทรงเตรียมพร้อมจะให้อภัยเราผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ ช่วงสายวันพุธที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 90,000 คน ระหว่างการเป็นประธานในการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - สัปดาห์นี้ พ่อยังจะพูดถึง "บทข้าพเจ้าเชื่อ" ในส่วนที่เกี่ยวกับสหพันธ์นักบุญ ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วพ่อยังพูดไม่ครบ สหพันธ์นักบุญไม่ใช่แค่ตัวบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นจิตแห่งความดีงามให้กับพวกเราด้วย อาศัยการแบ่งปันสิ่งดีงามให้กับผู้อื่น พวกเราจะเติบโตในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักร - วันนี้ พ่อขอแบ่งปันกับพี่น้อง 3 เรื่อง ได้แก่ ศีลศักดิ์สิทธิ์, พระพร และความรักจากพระเจ้า - เรื่องแรก "ศีลศักดิ์สิทธิ์" พวกเราได้พบกับพระเยซูในฤทธานุภาพแห่งการไถ่ให้รอดของพ

โป๊ปฟรังซิส: "ทั้งคนดีและคนเลวได้รับเชิญเข้าสู่พระศาสนจักรเหมือนกัน"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ พระศาสนจักรคือที่สำหรับทุกคน ทั้งคนดีและคนเลวต่างได้รับเชิญจากพระเจ้าเหมือนกันหมด ทรงย้ำ อย่าทำตัวเด่นดังเป็นคนสำคัญในพระศาสนจักร เพราะพระเอกตัวจริงคือพระเจ้าเท่านั้น ส่วนเราคือผู้ติดตามพระองค์ ช่วงเช้าวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - พระวรสารวันนี้ เป็นเรื่องชายคนหนึ่งจัดงานเลี้ยงและเชิญแขกมากมายให้มาร่วมงาน แต่ทุกคนปฏิเสธ จนชายคนนั้นต้องให้คนรับใช้ไปตามคนยากจนตามท้องถนนมาร่วมงานแทน พระวรสารตอนนี้สะท้อนถึง "อัตลักษณ์คริสตชน" ได้เป็นอย่างดี - อันดับแรก แก่นแท้ของศาสนาคริสต์คือการเชื้อเชิญ กล่าวคือ เราจะเป็นคริสตชนได้ก็ต่อเมื่อเราได้รับเชิญ มันเป็นการเชื้อเชิญจากพระเจ้าให้เราเข้ามาเป็นคริสตชนแบบฟรีๆ เราไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงของพระเจ้า - คริสตชนคือผู้ได้รับเชิญ ว่าแต่รับเชิญเพื่ออะไร? เพื่อช้อปปิ้ง? เพื่อเดินเล่น? ไม่เลย! พระเจ้าต้องการบอกเรามากกว่านั้น พระองค์ต้องการบอกเราว่า "ลูกได้รับเช

โป๊ปฟรังซิส: "จงเตรียมพร้อมเสมอ การพิพากษาของพระเจ้าจัดขึ้นแน่"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ เราต้องไปยืนให้พระเจ้าตัดสินแน่นอนเมื่อเราสิ้นใจ การตัดสินนี้เกิดขึ้นแน่ เพียงแต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่ ดังนั้น จงเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาอุทิศแด่ดวงวิญญาณพระคาร์ดินัลและพระสังฆราชที่ล่วงลับในรอบปีที่ผ่านมา จำนวน 125 องค์ แบ่งเป็นพระคาร์ดินัล 9 องค์ และพระสังฆราช 116 องค์ โดยมิสซานี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า: - บรรยากาศเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่เรามารำลึกถึงดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ เรามารำลึกถึงบรรดาพี่น้องพระคาร์ดินัลและพระสังฆราชจากทั่วโลกที่ได้ล่วงหน้าก่อนเรากลับไปยังบ้านพระบิดาในรอบปีที่ผ่านมา เรามาร่วมมิสซาอุทิศแด่พวกเขา เราวอนขอพระเจ้าโปรดประทานรางวัลแห่งสวรรค์ที่ทรงสัญญาไว้ให้กับข้ารับใช้เหล่านี้ด้วย - มิสซานี้ เราได้ยินบทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม ที่กล่าวว่า "เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ไม่ความตายหรือชีวิต ไม่ว่าทูตสวรรค์หรือผู้มีอำนาจปกครอง ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำนาจใดหรือความส

โป๊ปฟรังซิส: "ไม่ว่าเราทำอาชีพอะไร เราก็เป็นคนบาปเหมือนกันหมด"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไรหรือมีสถานะสังคมระดับไหน เราก็เป็นคนบาปเหมือนกันหมด ดังนั้น จงเลิกนิสัยดูถูกคนอื่นว่าเป็นคนบาปได้แล้ว ทรงย้ำ พระเจ้าคือพระบิดา พระองค์จำ "ชื่อ" เราได้เสมอ ต่อให้เราทำบาปยังไง พระเจ้าก็ไม่เคยทอดทิ้งเราจากการเป็นลูกของพระองค์ ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 85,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันว่า: - พระวรสารวันนี้เป็นเรื่องซักเคียส บุรุษร่างเตี้ยแต่ร่างกาย แต่หัวใจสูงส่งมากๆ ซักเคียสเป็น "หัวหน้าคนเก็บภาษี"​ เขาจึงเป็นเหมือน "ลูกแกะที่หลงทาง" แถมถูกเหยียดหยามว่าน่าจะถูกขับไล่จากการเป็นลูกของพระเจ้า ผู้คนจำนวนมากมองซักเคียสเป็นคนบาปและดูถูกเขาไปต่างๆนาๆ - แม้ว่า ซักเคียสจะอยู่ไกลจากพระเยซู เขายังพยายามปีนต้นไม้เพื่อจะได้เห็นพระอาจารย์ที่กำลังจะเดินผ่่านไป สิ่งที่ซักเคียสทำอาจดูเป็นเรื่องตลกชวนขัน แต่การแสดงออกทางกายภาพของเขา สะ

โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องมีความหวังที่จะไปสวรรค์"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ คริสตชนต้องดำเนินชีวิตด้วยความหวังว่า เราจะได้ไปอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า ทรงชี้ นักบุญและผู้ล่วงลับที่ได้ไปสวรรค์ เป็นเพราะได้รับความรอดจากพระเยซู ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชนักบุญทั้งหลาย ซึ่งจัดภายในคัมโป้ เวราโน่ สุสานกรุงโรม การมาถวายมิสซาที่นี่ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่พระสันตะปาปามาเยือนที่นี่ (สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 คือพระสันตะปาปาองค์สุดท้ายที่มาเยือนที่นี่) ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า: - วันนี้ พวกเรามาที่นี่เพื่อคิดถึงผู้ที่ล่วงหน้าไปก่อนเราและตอนนี้ก็ไปอยู่บนสวรรค์ก้บพระเจ้า พวกท่านเหล่านั้นไปอยู่บนสวรรค์เพราะได้รับความรอดจากพระคริสตเจ้า พวกเขาไม่ได้รับความรอดเพียงเพราะการทำดีเท่านั้น แต่พระคริสตเจ้าทรงช่วยพวกเขาด้วย - วันนี้ พ่ออยากเตือนใจทุกคนว่า เราจะเข้าประตูสวรรค์ได้ด้วยพระโลหิตของพระคริสตเจ้าเท่านั้น เป็นพระองค์เท่านั้นที่ตัดสินเราและเปิดประตูสวรรค์ให้เรา นี่คือความหวัง ถ้าหากเราเดินบนหนทางของพระคริสตเจ้า ร่วมท

โป๊ปฟรังซิส: "นักบุญไม่ใช่ซูเปอร์แมน แต่เป็นคนที่ตอบโต้ความชั่วด้วยความดี"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ บรรดานักบุญไม่ใช่ซูเปอร์แมน แต่เป็นคนธรรมเหมือนเรา แต่ต่างตรงที่ตอบโต้ความชั่วด้วยความดี ตอบโต้ความเกลียดชังด้วยความรัก และใช้ชีวิตด้วยสันติและความชื่นชมยินดี ช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้่งข่าว โอกาสวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 70,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันว่า: - พี่น้องที่รัก วันนี้ พระศาสนจักรทำการสมโภชนักบุญทั้งหลาย บรรดานักบุญคือ "เพื่อนของพระเจ้า" และพวกท่านเหล่านั้นก็มั่นใจว่า พระสัญญาของพระเจ้าไม่เคยทำให้พวกท่านต้องพบกับความผิดหวัง - บรรดานักบุญไม่ใช่ "ซูเปอร์แมน" พวกท่านไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ พวกท่านเหล่านั้นก็เป็นเหมือนพวกเรานั่นแหละ เหมือนกับพ่อและเหมือนกับพวกท่านทุกคน บรรดานักบุญคือคนที่ดำเนินชีวิตแบบธรรมดาๆ มีทั้งสุขและทุกข์ แต่มีความหวังเต็มเปี่ยมที่จะบรรลุถึงพระสิริรุ่งโรจน์ในพระอาณาจักรสวรรค์ - สิ่งที่ทำให้บรรดานักบุญแตกต่างจากพวกเราก็คือ ท่านเห