Posts

Showing posts from April, 2013

ปธน.อิสราเอลเชิญโป๊ปเสด็จเยือนประเทศ

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับ ชิม่อน เปเรส ประธานาธิบดีอิสราเอลที่มาเข้าเฝ้าในวาติกัน ทั้งนี้ เปเรส ได้ทูลเชิญพระสันตะปาปาเสด็จเยือนอิสราเอล ทั้งยังทูลเสริมว่า ตนจะไปเมืองอัสซีซี และจะสวดให้พระสันตะปาปาด้วย สันตะสำนักออกแถลงการณ์ที่ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงต้อนรับและสนทนากับ ชิม่อน เปเรส ผู้นำอิสราเอลที่มาเข้าเฝ้าช่วงเที่ยงวันอังคารที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ใจความว่า "การสนทนามีขึ้น 30 นาที บรรยากาศเป็นไปแบบมิตรภาพมากๆ ผู้นำทั้งสองได้สนทนากันเกี่ยวกับปัญหาสังคมในตะวันออกกลางเป็นหลัก อาทิ ปัญหาในซีเรีย" "โดยทาง ชิม่อน เปเรส ได้ทูลเชิญพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จเยือนอิสราเอลอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่งเปเรสทูลพระสันตะปาปาว่า 'ผมกำลังคาดหวังจะเห็นพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็ม ไม่เฉพาะผมเท่านั้น แต่ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมดก็หวังเช่นกัน' "ขณะที่พระสันตะปาปาทรงกล่าวตอบว่า 'ข้าพเจ้าก็หวังจะได้ไปเยือนเช่นกัน' "ในส่วนของการแลกเปลี่ยนของที่ระลึก เปเรส ได้ถวายพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาฮีบรูและอังกฤษแด่พระสันตะปาปาด้วย พร้อมกันนี้ ยังได้ทูลพระสันตะปาปาว่า '

โป๊ปกระตุ้นคริสตชนให้สวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักร

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงกระตุ้นคริสตชนให้หมั่นสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักรเป็นประจำ พร้อมกันนี้ ทรงเตือนสติ ถ้าพระศาสนจักรหลงไปกับกระแสโลก เราก็จะไร้ความสามารถในการประกาศพระวรสาร สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าส่วนพระองค์ในวัดน้อยหอพักซางตา มาร์ธา ในมิสซานี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า: - พึงระลึกว่า เราทุกคนต้องสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักร เราต้องสวดภาวนาเพื่อคนชรา คนป่วย เด็กและเยาวชน และบรรดาผู้ที่ถูกเบียดเบียน เพื่อพระเจ้าจะได้ประทานพละกำลังให้กับพวกเขา จะได้ไม่สูญเสียความเชื่อและความหวัง - ความอันตรายที่สุดสำหรับพระศาสนจักรคือ ถ้าพระศาสนจักรกลายเป็น(สถาบัน)ทางโลก พระศาสนจักรก็ไม่สามารถประกาศพระวรสารได้ - พวกเราคือข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยยากจน มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้พระศาสนจักรเจริญเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์ - พระเจ้าเท่านั้นที่จะปกป้องพระศาสนจักร ไม่ให้เป็นศาสนจักรฝ่ายโลก พระเจ้าคือผู้เดียวที่สามารถมองเห็นหน้าตาของปีศาจและเอาชนะมันได้ Read More: Radio Vaticana

โป๊ปย้ำการแก้บาปไม่ใช่การไปรับโทษจากพระเจ้า

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงย้ำการไปแก้บาปไม่ใช่การไปรับการลงโทษจากพระเจ้า แต่เป็นการไปสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงให้อภัยเรา พร้อมกันนี้ ทรงชี้ ทุกคนย่อมมีด้านมืด แต่ใครที่ยังเลือกเดินบนความมืด ก็ไม่ต่างจากคนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่เคยทำบาปเลย สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าส่วนพระองค์ในวัดน้อยหอพักซางตา มาร์ธา โดยผู้รับเชิญร่วมมิสซาวันนี้ได้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพย์สินของวาติกัน ในมิสซานี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า: - การที่คนๆหนึ่งรู้สึกผิดต่อบาปที่ตนได้กระทำ จัดเป็นคุณธรรมของความถ่อมตน และยังเป็นการเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อเปิดรับการให้อภัยจากพระเจ้า - ทุกคนย่อมมีเหตุการณ์ด้านมืดในชีวิต แต่ใครที่ยังก้าวเดินในความมืด ก็กำลังทำตัวเองให้งมงายต่อความคิดที่ว่า ตนเองไม่เคยทำบาปเลย - ก้าวแรกที่จะยอมรับว่าเราเป็นคนบาปก็คือการเชื่อในพระเจ้า พระองค์เป็นองค์ความดีและยุติธรรม พระองค์จะอภัยโทษเรา - การไปรับศีลอภัยบาปไม่ใช่การเดินไปรับการชำระตัวเองจากสิ่งสกปรก การไปรับศีลอภัยบาปไม่ใช่การมุ่งหน้าไปรับการทรมานหรือลงโทษ แต่มันเป็นการไปเพื่อสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงช่วยเรา ให้อภัยเราด้วยความอ่อนโยน

โป๊ปฟรังซิสย้ำเยาวชน "จงกล้าสวนกระแสโลก"

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงขอร้องเยาวชนกล้าดำเนินชีวิตสวนกระแสนิยม ทรงชี้ พระเจ้าเลือกเราเป็นคริสตชนเพื่อทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้กับโลก นอกจากนี้ ทรงชวนภาวนาให้ชาวบังคลาเทศที่ประสบภัยด้วย สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาโปรดศีลกำลังให้กับสัตบุรุษ 44 คน ที่มาจาก 22 ประเทศทั่วโลก พวกเขาเหล่านี้มีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 11-55 ปี ในส่วนของมิสซานี้ มีสัตบุรุษมาร่วมกว่า 120,000 คน สำหรับใจความสำคัญบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปา ทรงเทศน์ว่า: - พระจิตทรงนำสิ่งใหม่ๆจากพระเจ้ามาสู่ตัวเรา พระเจ้าเสด็จมาหาเราและบันดาลให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ - พระจิตจะแปรเปลี่ยนตัวเราอย่างแท้จริง และอาศัยการเปลี่ยนแปลงนี้ พระเจ้ายังทรงต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงโลกด้วย - เมื่อใดที่เราพบกับการประจญ จำไว้! จงอย่ากลัว เราต้องมีความเข้มแข็งที่พระจิตประทานให้ เพื่อเอาชนะการประจญเหล่านั้น - เยาวชนที่รัก ฟังนะ จงกล้าสวนกระแสโลก มันเป็นสิ่งดีต่อหัวใจของลูกเอง พวกเราคริสตชนไม่ได้ถูกเลือกให้ทำสิ่งเล็กๆ แต่พระเจ้าเลือกเราให้มาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ หลังพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงนำสัตบุรุษสวดทูตราชินีแห่งสวรรค์ โดยพระองค์ทรงแบ่งปั

My Share: ต่อยอดบทเทศน์ "รักและให้อภัย" มันทำยากจริงๆ

Image
วันนี้ (เสาร์ที่ 27 เมษายน 2013) ผมไปทำธุระแถวสาทร เลยมีโอกาสได้ไปร่วมมิสซาวันเสาร์เย็นที่วัดเซนต์หลุยส์ สาทร (ปกติ ผมจะมีวัดที่ไปร่วมมิสซาประจำ และไปอยู่วัดเดียวเกือบตลอดชีวิต) ที่เขียนเรื่องนี้นำเพราะผมค่อนข้างประทับใจการเทศน์ให้ข้อคิดของ "สังฆานุกร" ที่เทศน์ในมิสซานี้ พระวรสารประจำวันอาทิตย์นี้ พระเยซูทรงสอนอัครสาวกเกี่ยวกับบัญญัติแห่งความรัก "เรารักท่านอย่างไร ท่านก็จงรักกันแบบนั้น"  ในท่อนหนึ่งของเนื้อหาการเทศน์ สังฆานุกรท่านนี้ (ขออภัยที่ผมไม่รู้จักชื่อของท่าน) กล่าวประมาณว่า "พระเยซูอยู่กับบรรดาสาวก สั่งสอนพวกเขา รวมทั้งร่วมกิน ร่วมใช้ชีวิต ผ่านทุกข์ยากมาด้วยกัน 3 ปี แต่เมื่อถึงวันที่พระเยซูถูกจับตัดสินประหารชีวิต พวกสาวกที่บอกว่ารักพระเยซู หายหน้าไปกันหมด ไม่มีใครอยู่ร่วมทุกข์กับพระองค์เลยแม้แต่คนเดียว" ... ผมจำไม่ได้ว่า ประโยคถัดจากนี้ สังฆานุกรท่านนี้เทศน์อะไรต่อ เพราะช่วงเวลาดังกล่าว สมองผมจินตนาการเนื้อเรื่องที่สังฆานุกรท่านนี้เล่าไว้แล้ว ผมคิดในตอนนั้นว่า "ผมคงไม่สามารถทำแบบพระเยซูได้แน่ๆ ถ้าอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 3 ปี แต่พอจังหวะช

บทเทศน์พระสันตะปาปาในมิสซาวันเสาร์ที่ 27 เม.ย. 2013

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าส่วนพระองค์ในวัดน้อยหอพักซางตา มาร์ธา โดยผู้รับเชิญร่วมมิสซาวันนี้ได้แก่เจ้าหน้าไปรษณีย์วาติกัน ในมิสซานี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า: - น่าแปลกใจมากที่หลายคนได้ยินพระเยซูประกาศพระวรสาร แต่ไม่ยอมรับฟัง สาเหตุน่าจะเป็นเพราะพวกเขาปิดหัวใจของตัวเอง พวกเขาไม่เปิดใจต้อนรับพระจิตเจ้า พวกเขามักจะคิดเอง เออเอง ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกเหมือนกับว่า ตนเป็นผู้ปกป้องความเชื่อและเริ่มพูดจาต่อต้านอัครสาวก - คนพวกนี้ชอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้ปกป้องความเชื่อ แต่สิ่งที่พวกเขาทำจริงๆนั้น มันเป็นการนินทาและใส่ร้ายกันต่างหาก พวกเขาดูเข้าอกเข้าใจกัน แต่ตอนจบ มันจบด้วยการทำลายซึ่งกันและกัน - แต่สำหรับชุมชนของพระเจ้าแล้ว เราต้องเปิดตัวเองต้อนรับพระจิต ชุมชนพระเจ้าต้องประกาศพระวรสาร เพราะนี่เป็นแนวทางสำหรับพระศาสนจักร แนวทางสำหรับความคิดอ่านของเรา และเป็นแนวทางของชุมชนวัด - ขอให้เราดูตอนที่พระเยซูทรงส่งสาวกออกไปประกาศพระวรสาร พระเยซูต้องการให้พวกเขาประกาศพระนามของพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี - ดังนั้น เราต้องอย่ากลัวความชื่นชมยินดีในพระจิต และต้องไม่ปิดตัวเอง ไม่ช่วยคนอื่น Read

บทเทศน์พระสันตะปาปาในมิสซาวันที่ 26 เม.ย. 2013

Image
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าส่วนพระองค์ในวัดน้อยหอพักซางตา มาร์ธา ในมิสซานี้ พระสันตะปาปาเทศน์สอนว่า: - พวกเราส่วนมากเนี่ย ตาเป็นต้อ แต่มักจะบอกว่า "ฉันมองเห็นทุกอย่างดี" และ "ฉันไม่รู้เลยว่า ฉันทำอะไรพลาดไป" - แต่โดยอาศัยพระเยซู เราจะได้รับการผ่าตัดและรักษา ขอให้พระเยซูเตรียมดวงตาและหัวใจของเราให้พร้อม เพื่อจะได้เห็นความงดงามของพระองค์และอาณาจักรสวรรค์ด้วย

ฟาติมาสาร - โป๊ปถวายสมณสมัยแด่แม่พระฟาติมา (21 เม.ย. 2013)

Image
วันฉลองแม่พระฟาติมา (ฉลองใหญ่) 13 พฤษภาคมประจำปีนี้ นอกจากจะเป็นวันครบรอบ 96 ปีที่แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมา โปรตุเกส (ประจักษ์ทุกวันที่ 13 ของเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ค.ศ. 1917) ยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่คาทอลิกทั่วโลกจะร่วมใจภาวนานั่นคือ “สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส จะถวายสมณสมัยของพระองค์ไว้ในความคุ้มครองของแม่พระฟาติมา” ด้วย  ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสักการะสถานแม่พระฟาติมา ประเทศโปรตุเกส ได้ตีพิมพ์ข่าวด่วนขึ้นหน้าแรกของเว็บว่า “สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงโทรศัพท์มาหาพระคาร์ดินัล โชเซ่ โปลีการ์โป พระอัยกาแห่งลิสบอน เพื่อสอบถามถึงความเป็นได้เกี่ยวกับมิสซาฉลองแม่พระฟาติมา ซึ่งจะจัด ณ สักการะสถานที่แม่พระประจักษ์ว่า จะเป็นไปได้ไหม ถ้ามิสซาดังกล่าว พระสันตะปาปาต้องการให้สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งโปรตุเกส ถวายสมณสมัยของพระองค์ไว้ในความคุ้มครองของแม่พระฟาติมา”  หลังจากนั้นไม่กี่วัน สำนักข่าวต่างๆก็รายงานอีกว่า พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงส่งจดหมายแบบเป็นทางการเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า วันที่ 13

Recommend: เรื่องเล่าสุดน่ารัก เมื่อพระสันตะปาปาฟรังซิสแบกเก้าอี้มาให้ทหารสวิสและนำขนมปังมาให้เขากิน

Image
มีเรื่องเล่าจาก "ทหารสวิส" ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องนอนพระสันตะปาปา ฟรังซิส ในหอพักซางตา มาร์ธา เป็นเรื่องที่ถูกเผยแพร่โดย "คุณพ่อทอม แห่งคณะภราดาน้อยฟรังซิสกัน" เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงตื่นนอนและเดินออกมาหน้าห้อง (เวลาประมาณ ตี 4.30 น.) พระองค์เห็นทหารสวิสยืนรักษาความปลอดภัยหน้าห้องนอน พร้อมหอกประจำตัว พระสันตะปาปาจึงตรัสถามเขาว่า "มาทำอะไรตรงนี้ นี่คุณอยู่ตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอ" ทหารสวิส: ครับผม พระสันตะปาปา: ยืนแบบนี้ (ทั้งคืน) ??? ทหารสวิส: พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ครับ ผมเข้าเวรถัดจากเพื่อนผมครับ พระสันตะปาปา: แล้วคุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ ทหารสวิส: มันเป็นหน้าที่ของผมครับพระสันตะปาปา ผมต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้พระองค์ จากนั้น พระสันตะปาปาทรงมองเขาด้วยความห่วงใย และเสด็จกลับเข้าไปในห้องพักของพระองค์ นาทีต่อมา พระสันตะปาปาทรงถือเก้าอี้ออกมาด้วย พระสันตะปาปาตรัสกับเขาว่า "เอ้า ... อย่างน้อยก็นั่งลงและพักบ้างนะ" ทหารสวิสทำตาเลิกลั่ก และทูลพระองค์ว่า "พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดอภัยให้ลูกด้วย ลูกทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เร

ฟาติมาสาร - ฟรังซิสสไตล์ (14 เมษายน 2013)

Image
สัปดาห์ที่แล้ว ผมหายตัวไปจากหน้ากระดาษเนื่องจากติดภารกิจสำคัญบางอย่าง ซึ่งคาดว่า น่าจะมีการหายตัวไปอีก 2-3 ครั้งตั้งแต่ช่วงจากนี้ไปถึงเดือนพฤษภาคม จึงเรียนแจ้งผู้อ่านทุกท่านได้ทราบไว้ก่อน เผื่อจะสงสัยกันว่าผมหายตัวไปไหน   ...  ในส่วนเรื่องราวของพระศาสนจักรคาทอลิก ต้องยอมรับว่า กระแสฟีเว่อร์สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ยังร้อนแรงแบบสุดๆ ตอนนี้ ค่าเฉลี่ยในพิธีต่างๆที่พระสันตะปาปาเป็นประธานพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก อาทิ การเข้าเฝ้าทั่วไปซึ่งจะจัดทุกวันพุธที่วาติกัน ปกติจะมีคนมาเฝ้าพระสันตะปาปาประมาณ 8,000 – 25,000 คน แต่ในยุคของพระสันตะปาปาฟรังซิส ปรากฏว่า มีคนมาเข้าเฝ้าสูงถึง 30,000 – 70,000 คนต่อครั้ง ส่วนการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าวทุกเที่ยงวันอาทิตย์ (ถ้าเป็นปาสกาจะเรียกสวดราชินีแห่งสวรรค์) ปกติค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25,000 คน แต่ในยุคพระสันตะปาปาฟรังซิส ตัวเลขพุ่งสูงถึง 70,000 – 250,000 คน ซึ่งเรียกได้ว่า กระแสฟีเว่อร์พระสันตะปาปาองค์นี้สุดๆจริงๆ สำหรับเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับพระสันตะปาปาองค์นี้ยังมีให้ติดตามต่อเนื่อง นอกจากการปฏิเสธการสวมรองเท้าสีแดงอันเป็นรองเท้าพระสันตะปาปา, การปฏิเสธที่จะไปนอนในวัง