ฟาติมาสาร - ครบ 7 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของ “โป๊ป จอห์น ปอล ที่ 2”

ตอนแรก ผมตั้งใจสรุปข่าวพระสันตะปาปาเสด็จเยือนเม็กซิโกและคิวบา ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-28 มีนาคม 2012 แต่พอดูปฏิทิน พบว่า มีเหตุการณ์สำคัญกว่านั่นคือ วันจันทร์ที่ 2 เมษายน เป็นวันครบ 7 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ของ “บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2” สุดยอดพระสันตะปาปาขวัญใจของคนนับล้านทั่วโลก (รวมทั้งผมด้วย) เมื่อเป็นเช่นนี้ บทความวันนี้จะอุทิศให้กับสุดยอดพระสันตะปาปาผู้เป็นตำนานในใจของใครหลายคน ส่วนบทสรุปของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เยือนเม็กซิโกและคิวบา ขอยกยอดไปสัปดาห์หน้านะครับ   ...


สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวฮือฮาเล็กๆในอิตาลี เมื่อ “ปาโนราม่า” นิตยสารชื่อดังรายสัปดาห์ของอิตาลี รายงานว่า “วาติกันเตรียมตั้งคณะกรรมการศึกษาอัศจรรย์ที่สองที่มีผู้สวดขอพระเจ้า ผ่านทางคำภาวนาของบุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 แล้วปรากฏว่า เขาหายจากโรคร้ายชนิดที่แพทย์และเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หาคำตอบมาอธิบายไม่ได้”

รายละเอียดลึกๆของรายงานข่าวนี้ไม่มีการเปิดเผยมากนัก เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ยังไม่สามารถบอกกล่าวกับสาธารณชน อย่างไรก็ตาม ปาโนราม่า บอกว่า รายละเอียดของเคสนี้ (ผู้ป่วยหายจากโรคร้าย) ได้ถูกส่งไปถึงสมณกระทรวงประกาศการเป็นนักบุญแล้ว นอกจากนี้ มงซินญอร์ สลาโวเมียร์ โอเดอร์ ผู้รับผิดชอบกระบวนการพิจารณาแต่งตั้งบุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 เป็นนักบุญ ก็ได้รับเอกสารรายงานฉบับนี้เช่นกัน โดยมงซินญอร์โอเดอร์ บอกว่า “ตอนนี้ มีเคสอยู่ในมือพ่อทั้งหมด 4 กรณี (รวมกรณีนี้ด้วย) เคสทั้งหมด แพทย์ลงนามรับรองว่าผู้ป่วยทุกคนหายจากโรคร้ายโดยที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้”

ทางด้าน คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสารวาติกัน ได้บอกปัดนักข่าวว่า “พ่อไม่ขอแสดงความเห็นกับเรื่องนี้ เพราะหน้าที่ของพ่อคือการแจ้งข่าวแบบทางการเท่านั้น ตอนนี้ เรื่องดังกล่าวเพิ่งจะเริ่มต้น พ่อจึงไม่ขอให้ความเห็น เนื่องจากพ่อกลัวว่า มันจะถูกนำไปตีความในทางที่ผิด เอาเป็นว่า ขอให้ทุกคนติดตามความคืบหน้าจากสมณกระทรวงประกาศการเป็นนักบุญ จะดีกว่า”

รายละเอียดของข่าวที่ว่าก็มีประมาณนี้ ถึงตอนนี้เคสของ บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 เหลืออัศจรรย์ที่พระศาสนจักรคาทอลิกรับรองอีกเพียง 1 ครั้ง พระองค์ก็จะได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญอย่างเป็นทางการ

เรื่องการเป็นนักบุญของบุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 ขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน บางคนอาจบอกว่า มันดูเร่งเกินไป อาจทำให้การเป็นนักบุญไม่สง่าเท่าที่ควร บางคนอาจบอกว่า เหมาะสมแล้ว จะช้าเร็วก็ไม่สำคัญ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ หลายคนมั่นใจว่า พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 คือนักบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตแล้ว นี่คือพระสันตะปาปาระดับตำนานที่พลิกโฉมหน้าพระศาสนจักรคาทอลิกให้กลับมามีชีวิตชีวา หนึ่งในมรดกที่พระสันตะปาปาองค์นี้มอบให้กับพระศาสนจักรคาทอลิกก็คือ “งานเยาวชนโลก” งานชุมนุมทางความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพระศาสนจักรคาทอลิก การริเริ่มให้จัดงานเยาวชนโลกเป็นการมองการณ์ไกลมากๆของพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 พระองค์อ่านเกมขาดว่า “อนาคตพระศาสนจักรอยู่ในมือของเยาวชน ถ้าพระศาสนจักรดูแลและปลูกฝังสิ่งดีงามให้กับเยาวชน เมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญช่วยงานพระศาสนจักรอย่างแน่นอน” (ผมก็เป็นหนึ่งในผลผลิตจากงานเยาวชนโลก 2000 ที่กรุงโรม และ 2008 ที่นครซิดนีย์ ผมมั่นใจว่า ถ้าไม่ได้ไปร่วมงานเยาวชนโลกและพบกับพระสันตะปาปา ผมก็คงไม่มีแรงบันดาลใจและไม่มีอารมณ์มาช่วยงานพระศาสนจักรด้านข่าวสารอย่างแน่นอน)

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2008 หนึ่งในวันที่ผมจะจำไปตลอดชีวิต เมื่อตัวเองได้ขึ้นไปพูดแบ่งปันต่อหน้า สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 และเยาวชนกว่า 235,000 คน วันนั้น ผมเล่าให้พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ฟังว่า ผมเขียนบทความลงฟาติมาสารและทำเว็บไซต์ข่าวพระสันตะปาปา แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมก้าวเข้ามาทำงานนี้ ก็คือ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 การได้พบกับพระสันตะปาปาองค์นี้เมื่อปี 2000 เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนทางความเชื่อให้กับผมอย่างแท้จริง ในตอนท้ายของการแบ่งปันวันนั้น ผมพูดกับพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ว่า “พระสันตะปาปา ในนามเยาวชนคาทอลิกจากประเทศไทย ผมขอสัญญาว่า ผมจะพยายามสุดความสามารถในการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ในประเทศของผม” ผมจำได้เลยว่า พอพูดจบ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ทรงลุกขึ้นและปรบมือให้ เช่นเดียวกับ เพื่อนเยาวชนกว่า 235,000 คน ก็ปรบมือให้ด้วยเช่นกัน



เหตุการณ์วันนั้น น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทางความเชื่อครั้งที่สองให้กับตัวผมเอง มันทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ตัวเองน่าจะได้รับกระแสเรียกบางอย่างให้มาทำงานข่าวเกี่ยวกับพระสันตะปาปาโดยเฉพาะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมผมต้องมาเขียนบทความและรายงานข่าวพวกนี้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว หากมองตามประสามนุษย์ มันเป็นงานที่ต้องใช้เวลามากและไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตรงกันข้าม นี่เป็นงานที่ทำให้ผมต้องออกมายืนอยู่ปากเหว นี่คืองานที่ต้องพูดและถ่ายทอดความจริงที่พระสันตะปาปาตรัสออกมา ถ้ารายงานออกไปแล้วไม่ถูกใจใคร คนที่จะถูกด่าก็คือตัวผมเอง

อย่างไรก็ตาม ผมดีใจที่ได้ทำงานตรงนี้ เพราะผมรู้สึกว่า มันช่วยยกระดับมโนธรรมและการแยกแยะความดีความชั่วให้เด่นชัดขึ้น การติดตามพระสันตะปาปาทุกวัน ช่วยขัดเกลาศีลธรรมในจิตใจของตัวผมเอง นอกจากนี้ พระสันตะปาปาทั้งสองพระองค์ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำหน้าที่ตรงนี้ (เขียนบทความลงฟาติมาสาร) มาจะครบ 10 ปีแล้ว โดยจะครบ 10 ปีในเดือนหน้า ก็คือ วันที่ 26 พฤษภาคม (ผมเริ่มเขียนงานบนฟาติมาสารครั้งแรก วันที่ 26 พฤษภาคม 2002)


วันเวลาผ่านมาถึงตรงนี้กับการทำงาน 10 ปีบนหน้ากระดาษฟาติมาสาร ผมยกให้ “บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2” มีบทบาทและเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีความหมายมาก แม้พระองค์จะจากไป 7 ปีแล้ว แต่คำสอนและแรงบันดาลใจดีๆที่พระองค์สอนผม จะคงอยู่ในจิตใจผมตลอดไป   ...




AVE   MARIA


Comments